Skip to main content

เบ้าหลอมที่สำคัญที่สุดของชีวิต


ผมเคยมีผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือท่านหนึ่ง
ได้พูดให้ข้อคิดเกี่ยวกับความเป็นคนให้ผมฟังว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้คนคนหนึ่งที่เกิดมาในโลกนี้ เติบโตขึ้นมาเป็นคนอย่างไร คือเบ้าหลอมของชีวิตในวัยเด็กของคนคนนั้น ซึ่งหมายถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมภายในครอบครัวที่เขาเรียนรู้ และการอบรมเลี้ยงดูเขานั่นเอง

พูดง่าย ๆ ว่าเบ้าหลอมภายในครอบครัว ทำให้เขาเป็นคนแบบใดในวัยเด็ก เขาก็จะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีบุคลิกลักษณะและนิสัยใจคอแบบนั้นไปจนชั่วชีวิต เพราะสิ่งที่คนเราเรียนรู้และถูกปลูกฝังในวัยเด็ก มักจะฝังลึกจนสุดหยั่งอยู่ในตัวตนของคนแต่ละคน ซึ่งยากแสนยาก
...หรือเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะขุดลึกลงไปถอนรากถอนโคน เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่


ด้วยเหตุนี้กระมัง...
เราจึงมักจะได้ยินคนพูดถึงคนด้วยกันในทำนองที่ว่า ในที่สุดคนเราก็ต้องเป็นอย่างที่เขาเป็นตามธาตุแท้
( สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ) ของเขา ไม่ว่าจะได้รับการอบรมศึกษาหรือพอกพูนอะไรภายหลังสักเพียงก็ตาม แต่ในที่สุดเขาก็ต้องเป็นอย่างที่เขาเป็นตามธาตุแท้ เช่น คนที่มีธาตุแท้เป็นคนโกงในที่สุดก็ต้องเป็นคนโกงอยู่วันยังค่ำเมื่อสบโอกาส ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหน้าที่การงานมีหน้ามีตามีเกียรติและศักดิ์ศรีที่ควรละอายสักเพียงใดก็ตาม เช่นเดียวกับคนที่มีธาตุแท้เป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางสิ่งที่เลวร้ายหรือเคยผิดพลาดกับชีวิตมาอย่างไร ในที่สุดเขาก็ต้องกลับมาเป็นคนดีอย่างที่เขาเป็น


ดังนั้น ถ้าเด็กคนหนึ่งเกิดและเติบโตมาจากเบ้าหลอมของชีวิตภายในครอบครัวที่ดี เขาย่อมจะมีตัวตนที่ดีงาม และเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี แต่ถ้าหากมิใช่...ย่อมเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมิใช่น้อย


และจากชีวทัศน์บทหนึ่งที่ผมได้อ่าน
จากหนังสืออันงดงามที่มีชื่อว่า ด้วยรักและศรัทธา ซึ่งเป็นงานแปลและเรียบเรียงบทกวีและชีวทัศน์ของนักคิดและนักเขียนนานาชาติ โดยผู้ใช้นามปากกาว่า "เกื้อกูล" ซึ่งเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในหมวดหมู่หนังสือเกี่ยวกับ ภาษาแห่งความรักและมิตรภาพ จากสำนักพิมพ์ สู่ฝัน ของพิบูลศักดิ์ ละครพล ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี พ.. 2535 ได้พูดถึงการดำรงอยู่ของเด็กและสังคมของเขา ที่จะหล่อหลอมให้เขาออกมาเป็นคนอย่างไร เอาไว้อย่างน่าสนใจ ในชีวทัศน์ที่มี่ชื่อว่า "เด็ก ๆ เรียนรู้จากชีวิต" ว่า


ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ การวิพากษ์ วิจารณ์
เขาย่อมเรียนรู้ ที่จะตำหนิ

ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ ความขัดแย้ง บาดหมาง

เขาย่อมเรียนรู้ ที่จะต่อสู้

ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ การเย้ยหยัน

เขาย่อมเรียนรู้ ที่จะเอียงอาย

ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ ความอับอาย

เขาย่อมเรียนรู้ ที่จะรู้สึกว่า ตัวเองเป็นผู้ผิด

ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ ความอดกลั้น

เขาย่อมเรียนรู้ ที่จะอดทน

ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ การส่งเสริมแนะแนว

เขาย่อมเรียนรู้ ถึงความมั่นใจ

ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ การยกย่องสรรเสริญ

เขาย่อมเรียนรู้ ที่จะรู้คุณค่าของสิ่งต่าง ๆ

ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ ความเที่ยงธรรม

เขาย่อมเรียนรู้ ถึงความยุติธรรม

ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ ความมั่นคงปลอดภัย

เขาย่อมเรียนรู้ ถึงความศรัทธา


ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ ความพอใจ
เขาย่อมเรียนรู้ ที่จะชื่นชอบตัวเอง

ถ้าหากเด็ก ดำรงชีวิตอยู่กับ การยอมรับและมิตรภาพ

เขาย่อมเรียนรู้ ที่จะค้นพบความรักในชีวิต


ครับ
ผมหวังว่าข้อคิดจากผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ และชีวทัศน์ที่ผมนำมาเสนอนี้ คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับคุณผู้อ่านที่มีครอบครัว และเด็ก ๆ ที่กำลังเจริญเติบโตในครอบครัวของคุณ และขอขอบคุณ คุณเกื้อกูล ที่ถ่ายทอดชีวทัศน์ ที่ให้ข้อคิดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่านี้ จากต้นฉบับภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย ให้พวกเราได้อ่านและแบ่งปันกัน ณ ที่นี้.


12 สิงหาคม 2550
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่