Skip to main content

เรื่อง(น่า)รักระหว่างรั้ว

คอลัมน์/ชุมชน




"ทำอะไรน่ะ" เสียงใสแจ๋วทักถามอยู่เหนือหัว ทำให้เจ้าของขาอ้วนๆ ที่กำลังตะกุยดินข้างรั้วอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจหยุดชะงัก แหงนหน้าเจอกับคนตัวเล็กๆ ยืนจ้องอยู่อย่างสนใจ
"ทำอะไร จะเข้ามาเที่ยวบ้านพี่เหรอ" ถามย้ำพลางนับญาติเสร็จสรรพ นั่งยองๆ ลงจ้องหน้าเสียอีกด้วย

เจ้าหมาอ้วนชักไม่แน่ใจว่าคนตัวเล็กๆ จะมาไม้ไหน มันเลยเห่าไปหนึ่งบ๊อก
"เอิ๊ว อยู่ดีๆ มาเห่าเค้า" เสียงใสๆ ชักจะดุ ท่าที่นั่งยองๆ เปลี่ยนเป็นยืนขึ้น เจ้าหมาจอมขุดถอยหลังออกจากรั้ว แล้วเริ่มต้นเห่า คราวนี้เสียงพรรคพวกตัวอื่นๆ ที่อยู่ในรั้วบ้านนั้นก็ผสมโรงร่วมด้วยช่วยกันเห่า เสียงเกรียวกราวจนเจ้าของบ้านทั้งสองหลังที่อยู่คนละฝั่งของรั้วโผล่ออกมาดุ


"เห่าอะไรยะเสียงดังหนวกหู ตุ้ยนุ้ย สุดหล่อ เต้าหู้ หยุดเดี๋ยวนี้!" เจ้าของบ้านหมาเยอะส่งเสียงแว้ด หัวโจกที่ถูกเอ่ยชื่อหยุดทันควัน บรรดาลูกคู่สี่ขาที่เหลือหยุดตาม
"น้องมายไปแหย่หมาของน้าเขาอีกแล้ว เดี๋ยวเถอะ!" อันนี้เป็นเสียงคุณแม่ของเด็กหญิง
"ขอโทษนะค้า" ทั้งสองฝ่ายตะโกนบอกกัน
"ไม่ได้แหย่ซักหน่อย ถามเฉยๆ ตังหาก" เด็กหญิงมายบ่นอุบอิบ "เนอะ" คำสุดท้ายพูดกับเจ้าหมาอ้วนสีขาวที่จมูกเปื้อนดิน มันตอบด้วยเสียงขู่เบาๆ


วันต่อมา


"ขุดอีกแล้ว" เสียงใสๆ เสียงเดิมทัก เจ้าหมาอ้วนเงยหน้าขึ้นตั้งท่าจะเห่าใส่สักบ๊อกหนึ่ง ฐานที่มาขัดจังหวะ แต่อ้าปากค้างเพราะมืออวบป้อมยื่นลอดรั้วตาข่ายมาตรงหน้า ในมือนั้นมีขนมปังกรอบชิ้นหนึ่ง
"อ้ะ พี่ให้กินหนม"
เจ้าหมาอ้วนอ้าปากรับด้วยสัญชาตญาณ (แห่งความตะกละ) เคี้ยวดังกร็อบๆ อ๊ะ อร่อยดีนี่ คราวนี้เงยหน้าขึ้นในมาดใหม่ ทำเสียงแฮ่ะๆ แลบลิ้นแบบประจบประแจง กระดิกหางดุ๊กดิ๊ก


เด็กหญิงยิ้มกว้างอย่างยินดี
"อร่อยใช่มั้ยล่า เดี๋ยวพี่มานะ" ว่าแล้วก็วิ่งตุ้บตั้บขึ้นไปบนบ้าน กลับลงมาอีกทีมีอะไรตุงๆ อยู่ในกระเป๋าสองข้างของกางเกงยืดที่สวมอยู่ มีเสียงตะโกนตามมาจากข้างในว่า
"ถึงเวลากินข้าวไม่กิน กินแต่ขนม ลูกคนนี้นี่"


แล้วเด็กตัวเล็กๆ กับหมาตัวอ้วนๆ ก็นั่งอยู่ด้วยกันใต้เงาต้นมะยม มีรั้วตาข่ายกั้น แบ่งกันกินขนมปัง เด็กคำหนึ่ง หมาคำหนึ่ง เสียงหัวเราะคิกคักสลับกับเสียงงื้ดๆ ไม่มีใครได้ยินว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกันบ้าง แต่อาการถ้อยทีถ้อยอาศัยนั้นน่ารักนักหนาสำหรับใครก็ตามที่ได้เห็น


..............


เช้าที่แจ่มใสวันหนึ่ง เด็กหญิงมายนุ่งกางเกงในตัวเดียว ถือกางเกงขาสั้นออกมายืนพุงยื่นอยู่ที่ระเบียง มองข้ามรั้วไปบ้านข้างๆ เห็นหมานอนอาบแดดเรียงรายอยู่หลายตัว
"ทำไมมันนอนตากแดด ไม่ร้อนเหรอ"
"
มันชอบของมันน่ะลูก" คุณพ่อผู้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ระเบียงตอบ


ตาใสแจ๋วมองหมาไม่วางตา มือถือกางเกงขาสั้นเฉยอยู่ จนคุณพ่อต้องละจากหนังสือพิมพ์มาทักลูกสาว


"เอ้า ทำไมไม่ใส่กางเกงล่ะลูก มา พ่อใส่ให้"
"
หนูไม่อยากใส่" คำตอบแสดงความเป็นตัวของตัวเองเท่าที่วัยสามขวบครึ่งจะพึงแสดงได้

"ไม่ใส่ได้ไง ใส่แต่กางเกงในก็โป๊สิลูก"
"
ไอ้ตุ้ยนุ้ยมันยังไม่ใส่เลย" ลูกสาวชี้ไปยังหมาอ้วนสีขาวที่นอนหงายท้องหลับกลางแดดอย่างแสนสุข


"อ้าว นั่นมันหมานี่ลูก หมากับคนไม่เหมือนกัน เราทำอย่างหมาไม่ได้หรอก"
"
ทำได้สิคะ" ว่าแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยก็ลงคลานกับพื้น "นี่ไง หนูเดินอย่างหมาได้"


เสียงคุณแม่ดังออกมาจากในบ้าน
"น้องมายแต่งตัวเสร็จหรือยัง แล้วทำไมเสื้อยังอยู่นี่ล่ะ"


คุณแม่ถือเสื้อออกมาก็เห็นคุณพ่อกำลังหัวเราะตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้ ลูกสาวคลานสี่ขาอยู่บนพื้น แถมยังส่งเสียงเห่าบ๊อก บ๊อกเสียด้วย


"พ่อลูกเล่นอะไรเนี่ย" คุณแม่ชักจะเสียงเขียวหน่อยๆ
"หนูเป็นหมาค่ะ พ่อว่าเป็นไม่ได้ แต่หนูเป็นได้" คำตอบของลูกทำให้คุณแม่กลั้นยิ้มไม่อยู่
"เออ ดีนะลูกสาวฉัน เดี๋ยวเถอะ จะส่งไปเป็นหมาบ้านน้าเขาซะอีกตัวหนึ่ง"


…………….


แล้ววันดีที่อากาศแจ่มใสอีกวันหนึ่ง เด็กหญิงมายก็มายืนเกาะรั้วมองเข้าไปในบ้านข้างๆ หญิงสาวเจ้าของบ้านกำลังหิ้วหม้อข้าวต้มออกมาแจกหมา


"น้าขา น้าทำอะไร" หนูน้อยตะโกนถามข้ามรั้ว
หมาๆ ที่กำลังกินข้าวกันหมุบหมับได้ยินก็หันมาเห่าตัวละโฮ่งสองโฮ่งพอเป็นพิธี พอถูกดุก็เลยหันไปกินข้าวต่อ ยกเว้นเจ้าตุ้ยนุ้ยที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนสนิทของ "พี่มาย" มันละจากชามข้าววิ่งส่ายก้นมาหา


"เอาข้าวให้หมาค่ะ น้องมายทานข้าวหรือยังเอ่ย"
"
หมากินข้าวกับอะไร" ถามไปอีกเรื่องหนึ่ง

"วันนี้น้าทำข้าวต้มโครงไก่ใส่ฟักค่ะ นี่ไงคะ น่ากิ๊นน่ากิน" หญิงสาวหิ้วหม้อมาให้เพื่อนบ้านตัวน้อยดูถึงริมรั้ว
"หอมจังเลย" แม่หนูชมอย่างจริงใจ
"อร่อยด้วยนะคะ ไม่เชื่อถามตุ้ยนุ้ยสิ เนอะตุ้ยนุ้ย" หญิงสาวพยักเพยิดกับหมาอ้วนที่ส่ายหางก้นแทบหลุด


เด็กหญิงมายเห็นเป็นโอกาสอันดี จึงบอกกับคุณน้าว่า
"แม่บอกว่าจะให้น้องมายมาเป็นหมาบ้านน้าค่ะ"
พูดพลางยิ้มตาหยีแบบฝากเนื้อฝากตัว แล้วลงนั่งยองๆ บอกหมา
"ไปอยู่ด้วยนะ ดีมั้ย ดีมั้ย"


คุณน้าบ้านสี่ขาหันไปยิ้มกับต้นมะยม รู้สึกว่าโลกนี้ช่างน่ารักเสียจริงๆ