Skip to main content

พี่แก้ว : พนักงานต้อนรับผู้อายุ 54

คอลัมน์/ชุมชน


พี่แก้วเป็นรีเซ็ฟชั่นที่ร้านอาหารที่ฉันทำงานด้วย เธอเป็นหญิงวัยห้าสิบห้า คงเป็นพนักงานต้อนรับที่อายุมากที่สุด ฉันมักแอบอมยิ้ม เมื่อลูกค้าเดินเข้าร้านมาถามพนักงานว่า ที่นี่มีสาว ๆ สวย ๆ บ้างไหม นี่คือคำถามแรกที่ผู้ชายบางคนถามเมื่อเดินเข้ามาในร้านอาหาร แต่ทุกวันนี้เป็นเช่นนี้จริง ๆ หลายร้านจึงต้องมีสาวเชียร์เบียร์หน้าตาจิ้มลิ้ม มีพนักงานเสิร์ฟใส่กางเกงเอวต่ำเห็นร่องก้น เสื้อรัดติ้ว แล้วยิ้มหวาน ๆ


เพื่อนฉันบางคนเคยพลาดท่าเสียทีกับรอยยิ้มของสาว ๆ เซ็กซี่ ที่ทำให้พวกเขาต้องเผลอตัวฝากเหล้าขวดใหญ่ไว้ในชื่อหล่อน ก่อนที่พวกเธอจะหายตัวไป ทิ้งให้ไอ้หนุ่มทั้งหลายนั่งมองเหล้าของตัวเองในชื่อคนอื่นตาปริบ ๆ ที่ร้านนี้ไม่เป็นไปตามกระแส หรือความต้องการของลูกค้าเท่าไรนัก ยังยืนยันจุดยืนของตัวเองที่ต้องการขายอาหาร และเสียงเพลงบนเวทีมากกว่า


พี่แก้วนี้ แรกทีเดียวสมัครเข้าทำงานแม่บ้าน ดูแลความสะอาดห้องน้ำ ความที่เธอเป็นคนไม่ดูดาย ทำทุกอย่างแม้ว่าไม่ใช่หน้าที่ของตัว บางครั้งเดินผ่านแขก แขกเรียกไปสั่งอาหาร เธอก็จำมาบอกพนักงานเสิร์ฟให้ช่วยสั่งให้ อยู่มาไม่นาน ก็เห็นเธอพูดภาษาอังกฤษได้ เธอสามารถพาลูกค้าชาวต่างชาติเข้าร้าน พาเลือกที่นั่ง สื่อสารได้ในระดับดีทีเดียว ผู้จัดการร้านจึงให้เธอทำหน้าที่พนักงานต้อนรับ


ร้านเปิด 4 โมงเย็น แต่พี่แก้วเข้างาน 6 โมงเย็น เพราะเธอต้องทำงานกลางวันด้วย ช่วงแรกเธอขายลูกชิ้นทอด เธอเล่าว่ามีรถพ่วงอยู่คันหนึ่ง เช้ามาเธอก็ออกจากบ้านขี่รถไปตามที่ต่าง ๆ ที่มีคนเยอะ และจอดขาย ช่วงที่ขายดีที่สุดคือเวลาบ่ายสามถึงสี่โมงเย็น ตามบริษัทห้างร้านต่าง ๆ พนักงานจะเริ่มหิว ลูกชิ้นทอดจึงเป็นอาหารรองท้องก่อนอาหารเย็นได้เป็นอย่างดี กว่าเธอจะกลับถึงบ้านก็ห้าโมงเย็น อาบน้ำแต่งตัวมาทำงานอีกกะหนึ่ง


ฉันเคยเสนอให้เธอทำงานเต็มเวลา ไม่ต้องทำกลางวัน เพราะจะได้สวัสดิการอื่น ๆ ด้วย เธอบอกว่าต้องทำตอนกลางวัน เพราะอย่างน้อยก็ได้กำไรวันละ 2-3 ร้อย ได้ซื้อกับข้าวมาให้ลูกกิน ลูกที่ว่านี้อายุ 16-18 แล้ว พวกเขาก็ทำงาน แต่ไม่พอกิน พี่แก้วรักลูกรักครอบครัวมากจึงต้องทำงานหนัก


อยู่มาวันหนึ่งเธอบอกว่ารถพ่วงเจ๊ง อ๊อคแล้วอ๊อคอีก ไม่ไหวแล้ว ไปขายลูกชิ้นไม่ได้ เธอไปได้ที่เล็ก ๆ ข้างโลตัสสันทรายอีกที่หนึ่ง เธอขายอาหารตามสั่ง คราวนี้ดูมีความสุข ผ่านไปสามวัน พายุฤดูร้อนมา พัดพาตู้เก็บของถ้วยชามรามไหกระจุยกระจาย เธอนั่งหน้าเศร้า บ่นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะต้องเสียเงินค่ากระจก และของอีกหลายร้อยบาท ฉันปลอบเธอว่า สนามกอล์ฟใกล้บ้านฉันก็โดนพายุคราวนี้ หนักกว่าพี่อีก เสาล้มใส่บ้านชาวบ้าน เสียหายหลายล้านบาท และบ้านคนอีกสี่หลัง ของพี่แก้วแค่สี่ร้อย ไม่เป็นไรน่า พี่แก้วมองหน้าฉันแบบหัวเราะไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก "เหรอ ๆ เขาเสียหายเป็นล้าน บ้านอีกสี่หลัง พี่แก้วแค่สี่ร้อย" แล้วก็หัวเราะเดินไปทำงานต่อ


หลังจากพินาศไปกับพายุลูกใหญ่ พี่แก้วก็กลับมาอ๊อครถพ่วงขายลูกชิ้นต่ออีกพักหนึ่ง เพราะไม่รู้จะทำอะไรดีให้ได้เงินมา ขณะที่ทางบ้านนั้น ลูกชายก็ไปทำผู้หญิงท้องอีก เธอต้องรับเลี้ยงลูกสะใภ้วัยรุ่นอีกคน และหลานชายที่เพิ่งคลอด


แล้วสามีเธอไปไหน เพื่อนฉันถาม เอ่อ ไม่รู้แฮะ พี่แก้วไม่เคยพูดถึงสามีเลยสักครั้งเดียว เจอหน้ากันเธอเล่าถึงงานของเธอ ฉันถามเธอวันหนึ่งว่าสามีพี่แก้วอยู่ที่ไหน ขอโทษ ยังอยู่ไหม เธออึกอักว่า ก็อยู่บ้าน แล้วทำงานอะไร ฉันถามต่อ เธออึกอักหนักขึ้นบอกว่าก็รับจ้างทั่วไป


แปลว่าไม่ทำอะไรเลย กินๆ นอนๆ อยู่ที่บ้าน พี่แก้วทำงานหาเงินอยู่คนเดียว กับลูกๆ อีกนิดหน่อย ฉันสรุปให้เธอ ที่ยิ้มแหยๆ เธอคงรักของเธอแหละ แต่ปากไม่ดีของฉันโพล่งไปอีกว่า นี่แหละคือเหตุผลที่ฉันอยู่เป็นโสด พี่แก้วทำงานขนาดนี้ถ้าลำพังตัวคนเดียวก็อยู่สบาย ๆ นี่ต้องไปหาเลี้ยงคนอีกมากมายที่ล้วนแต่แข้งดีขาดีมีพละกำลัง แต่ไม่ทำอะไรเลย


มันเป็นเวรเป็นกรรม ...พี่แก้วบอก


ฉันถอนหายใจ