Skip to main content

แม้เลือกเกิดได้

คอลัมน์/ชุมชน




ถ้าทุกชีวิตเลือกเกิดได้ เราจะมีโอกาสเผชิญความทุกข์ยากลำบากกันหรือเปล่า หรือได้ใช้ชีวิตไปตามความคาดหวังหรือเปล่า ฉันยังสงสัย

ตอนที่พบกับโมเมครั้งแรกนั้น ฉันยังทำงานอยู่ในจังหวัดใหญ่แถบภาคอิสาน และกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ กลับจากซื้อไก่ย่างกับตำบักหุ่ง (มะละกอ) เห็นหมาสีดำหันรีหันขวางอยู่กลางถนน เป็นที่น่าหวาดเสียวอย่างยิ่ง อดไม่ได้ต้องจอดรถเรียกมัน
"
มานี่เร็ว เดี๋ยวรถก็ชนหรอก"

มันวิ่งตุปัดตุเป๋มาหาด้วยลักษณะแปลกๆ นอกจากสวมคอลล่า (พลาสติกรูปกรวย) รอบคอแล้ว หน้าตายังมู่ทู่ ขาหลังก็ดูเบี้ยวๆ แถมยังผอมจนเห็นแนวซี่โครง

ฉันก้มลงไปคุยด้วย ได้กลิ่นเหม็นเต็มจมูก กลั้นใจดูจึงพบว่าปลอกคอที่ร้อยคอลล่าไว้ด้วยนั้นบาดเนื้อจนเป็นแผลลึก และกำลังเน่า นึกสงสัยว่าทำไมเจ้าของไม่ดูแลเลย


ท่าทางมันหิวจัด ฉันแบ่งไก่ย่างให้กิน ดูมันเคี้ยวไม่ค่อยถนัด วันต่อมาไปซื้อขนมที่ถนนนั้นอีกครั้ง เจอหมาดำหิวโซตัวเก่า ฉันยกโดนัทให้ทั้งอัน มันกินนิดเดียวเหมือนเคี้ยวไม่ออก


เย็นวันถัดมาขี่รถผ่านทางเดิม มองหาหมาสีดำสวมคอลล่าไม่เห็น ฉันจึงเลี้ยวลัดเลาะผ่านอีกสองซอยไปออกอีกถนนหนึ่ง กะว่าจะแวะไปสระผมก่อนกลับบ้าน


พอจอดรถหน้าร้าน"ติ๋ม บิวตี้" พี่ติ๋มก็ตะโกนถาม "ตัวอะไรตามมาน่ะ"
ฉันเหลียวหลังมอง ตกใจที่เห็นหมาดำยืนหอบตัวโยน
"
ตายแล้ว วิ่งตามมาได้ไงตั้งไกลแน่ะ"


เลยไม่ได้สระผม ต้องพามันไปส่งที่ถนนสายเดิม แต่พอฉันหันหลังกลับ มันก็วิ่งตามทันที ยิ่งเร่งเครื่องหนี มันยิ่งเร่งฝีเท้าตาม ฉันต้องหยุดเพราะสงสารที่เห็นมันหอบเหนื่อยแทบขาดใจ


กลับไปส่งอีกรอบ มันก็วิ่งตามอีก กลับไปกลับมาอยู่ 3-4 รอบจนฉันหงุดหงิด หมาของใคร(วะ)เนี่ย ตามอยู่ได้ไม่กลับบ้านกลับช่อง


ถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครทราบว่าหมาใคร ฉันไม่อยากกลับไปกลับมาตลอดคืน เลยต้องยอมให้มันตามไปบ้านในที่สุด ถึงบ้าน เจ้าตัวปัญหานอนหงายสบายใจ ส่วนฉันกลุ้มใจ
"
ฉันเป็นเจ้าของแกเมื่อไหร่ แล้วนี่มันบ้านแกซะที่ไหน โมเมชัดๆ เลยนี่หว่า" ฉันโวยใส่มัน


เพราะไม่รู้ว่าบ้านมันอยู่ที่ไหน กับไม่รู้ว่าจะเอาไปปล่อยไว้ที่เดิมได้อย่างไรโดยที่มันไม่วิ่งตาม ฉันจึงตั้งต้นตระเวนหาคลินิกสัตวแพทย์ที่เคยรักษาโมเม เผื่อว่าทางคลินิคมีบันทึกบ้านเลขที่หรือหมายเลขโทรศัพท์เจ้าของหมา


ถามหาเกือบทั่วเมืองก็ยังไม่เจอ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ฉันมาเจอเอาคลินิกสุดท้ายที่กำลังติดป้ายเลิกกิจการเนื่องจากคุณหมอสัตวแพทย์ท่านอายุมากแล้ว


คุณหมอเล่าว่าราวๆ 3 เดือนก่อน มีคนพาหมาสีดำสภาพยับเยินมาให้รักษา ที่จำได้ดีเพราะเป็นกรณีที่ไม่ได้เจอบ่อยนัก

หมาถูกรถทับใบหน้าจนบี้แบน ทับสะโพกและขาหลังกับขาหน้าอีกข้างหนึ่ง กรามหักหมด หูฉีก ขาหัก สะโพกเบี้ยว หน้าท้องกับหน้าอกมีรอยฉีกขาดหลายแห่ง (รอดมาได้ไงเนี่ย?)


คุณหมอเย็บทุกอย่างที่ขาด ใส่เหล็กดามขา สอดเหล็กยึดกรามทั้งปากให้เข้าที่ ใส่คอลล่าเพื่อป้องกันมันเลียแผล หมาใส่ปลอกคอ แต่ไม่แน่ใจว่าคนที่พามาเป็นเจ้าของหรือเปล่า เพราะไม่ได้ให้ข้อมูลไว้และไม่เคยกลับมาตามนัดอีกเลย หมอเดาว่าหมาคงตายไปแล้ว จึงอัศจรรย์ใจนักเมื่อฉันบอกว่ามันยังอยู่
"
เก่งแฮะ เก่งจริงๆ" คุณหมอผู้ชราพึมพำ ไม่แน่ใจว่าหมายถึงหมาหรือฝีมือรักษาของหมอเอง


ปะติดปะต่อกับข้อมูลที่ได้จากการไล่ถามร้านค้าแถวๆ ที่ฉันเจอโมเม (ทุกคนจำได้เพราะมันมีลักษณะพิเศษคือสวมคอลล่า) สรุปว่าโมเมถูกทิ้ง แต่ไม่แน่ใจว่าถูกทิ้งก่อนหรือหลังถูกรถชน มันวิ่งหิวโซอยู่แถวนั้นมาเป็นเดือนๆ นอนใต้รถที่จอดบ้าง ใต้ชายคาร้านค้าบ้าง บางร้านก็ไล่ตีออกมาเพราะมันเหม็นมาก


ฉันพาโมเมไปหาหมออนันต์ สัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่มาเปิดคลีนิคในจังหวัดที่ฉันทำงานอยู่ คุณหมอเอาคอลล่าออก ทำแผลที่คอ จัดการกับแผลเดิมๆ ที่ไหมเย็บค้างอยู่นานจนอักเสบ เอาเหล็กที่ดามขาออกหลังจากตรวจว่ากระดูกเข้าที่แล้ว


ส่วนเหล็กที่ยึดกรามไว้ ยังต้องรออีกสักระยะหนึ่ง
"
ดึงเหล็กออกจากกรามจะเจ็บมากครับ"คุณหมอบอก


ฉันพาโมเมขึ้นรถสามล้อไปทำแผลทุกวัน หาอาหารนิ่มๆ ให้กิน เพราะโมเมแทบจะเหลือแต่เหงือก (รถทับฟันหลุดเกือบหมด) ลิ้นมักจะออกมาห้อยร่องแร่งอยู่ข้างๆ ปาก ต้องจับยัดเข้าไป


เมื่อแผลหายสนิทและร่างกายแข็งแรงขึ้น คุณหมอก็ดึงเหล็กออกจากกราม โมเมกลายเป็นหมาหน้าเบี้ยวๆ ที่ปากเหม็นเกินคำบรรยาย หมอบอกว่าเกิดจากสภาวะภายใน แก้ไม่ได้


ฉันพยายามหาบ้านใหม่ให้โมเม แต่ไม่มีใครอยากได้หมาหน้าหักลิ้นห้อย กินยากกินเย็น แถมกลิ่นปากเหม็นตลบ บางทีดูเอ๋อๆ เหม่อลอย บางครั้งก็ร้องครางโหยหวนกวนประสาท อุบัติเหตุคงกระทบสมองบางส่วนของมันด้วย


ต้นปีที่ผ่านมา โมเมเริ่มมีอาการกระดูกสะโพกเสื่อม สองขาหลังไม่มีแรง ยืนไม่ได้ แรกๆ โมเมต้องใช้ขาหน้าลากตัวเองไปอย่างลำบาก ผิวหนังครูดกับพื้นจนเป็นแผล ใส่ยาเท่าไรก็ไม่หาย ลากบ่อยๆ เข้ามันคงเหนื่อยและเจ็บ โมเมจึงนอนอยู่กับที่


ท่าประจำคือนอนตะแคงพังพาบ ขยับเฉพาะคอถึงอก พลิกตัวเองไม่ได้ ฉันต้องคอยจับตัวมันเปลี่ยนท่าเพื่อไม่ให้เป็นแผลกดทับ ถ้ามีเวลาก็จะจับยืนและพยุงมันเดินเพื่อให้ขาได้ออกกำลังบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผล เพราะโมเมเหนื่อย บางทีเผลองับฉันด้วยความเจ็บและหงุดหงิด โชคดี(ของฉัน)ที่มันมีแต่เหงือก


เวลาปวดท้อง โมเมจะร้องครางหงิงๆ ให้ฉันอุ้มมันไปขับถ่าย บางวันไม่มีใครอยู่หรือทำอะไรติดพันจนมาอุ้มไม่ทัน โมเมอั้นไม่ไหวฉี่ราดออกมา มันจะพยายามเลียฉี่ที่เนืองนองของตัวเองเพื่อให้ที่นอนแห้ง เห็นแล้วเวทนาจับใจ บางครั้งมันกระเสือกกระสนไปอึจนเลอะเทอะทั้งตัว ต้องจับอาบน้ำและทำที่นอนใหม่กันกลางดึกก็มี


มีคนแนะนำว่าทิ้งมันไปเสียเถอะ เลี้ยงไว้ก็เหนื่อยเปล่าๆ แถมยังเปลืองเงินมากมาย


ฉันยอมรับว่าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินในการเลี้ยงหมาไม่สมประกอบตัวนี้ แต่ฉันก็ได้เรียนรู้หลายอย่างจากโมเม ทั้งความใจเย็น อดทน ให้อภัย และการมองออกไปจากตัวเอง


เวลาฉันนั่งลงใกล้ๆ โมเมจะยื่นหัวมาซบตักเหมือนอยากหาที่พึ่ง มันพยายามแลบลิ้นเลียมือฉัน ถึงจะรู้ว่าน้ำลายมันเหม็นสุดๆ แต่ฉันก็ดุมันไม่ลง ล้างมือง่ายกว่าล้างใจ


เวลาที่ชีวิตเผชิญความยากลำบากอันเนื่องมาจากชาติกำเนิดหรือพื้นฐานชีวิตที่ต่ำต้อยด้อยค่า มีคำปลอบใจว่า แม้เราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำอะไรๆ ได้มากมาย เพื่อให้ชีวิตดีงามขึ้น มีความหมายขึ้น หรือสุขสบายขึ้น


แต่โมเมทำไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเลือกเกิด เลือกเป็น หรือเลือกให้ใครเป็นเจ้าของ ชะตากรรมของสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง คนคือผู้กำหนด


ฉันได้แต่ภาวนาว่า ถ้าใครเลี้ยงสัตว์ใดๆ ขอให้รักและเลี้ยงดูมันไปตลอดชีวิตด้วยเถอะ ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรก็ตาม