Skip to main content

โ ร ง เ รี ย น ปิ ด ป ร ะ ตู

คอลัมน์/ชุมชน

ก่อนปิดประตูโรงเรียน  ผมอยากบอกกล่าวความเป็นไปของการปิดประตูในคราวนี้เสียก่อน  หลายวันมานี้ผมมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตและงานราชการ ไม่เป็นอันกินอันนอนมานับเดือน  จนกิจกรรมอีกหลายอย่างในชีวิตต้องหล่นหายไปบ้างตามเวลาอันพึงเพียงพอ

สามวันก่อนผมค้น-รื้อหนังสือในห้อง พบต้นฉบับเรื่องสั้น-บทกวี กระจัดกระจายหลายชิ้นแอบซ่อนอยู่ตามซอกมุมของกองหนังสือเหล่านั้น รวมไปถึงต้นฉบับวรรณกรรมเยาวชนเรื่องเดียวของผมที่เขียนทิ้งไว้เมื่อ 4-5 ปีก่อน  ผมหยิบมันขึ้นมาแล้วหัวเราะกับมัน  จริงๆ แล้วผมลืมต้นฉบับเรื่องนี้ไปนานแล้ว(ปิดประตูไว้นานแล้ว)  ผมลองอ่านดูก็พบข้อบกพร่องและข้อดีมากมาย 

ว่าก็ว่า "โรงเรียนปิดประตู" เรื่องนี้เป็นงานเขียนวัยเด็กของผมจึงอยากให้ท่านได้อ่านดูเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านจะได้สนุกกับวัฒนธรรมแบบใต้ใต้ของเด็กๆ แถวบ้านผมเป็นแน่


 


 


โรงเรียนปิดประตู


. หลับฝันดี

แสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้าตะวันตกไปแล้วเมื่อใกล้ค่ำ วันนี้เป็นวันสอบเสร็จแม่จึงอนุญาตให้นอนดึกได้กว่าเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมบอกแม่ว่าข้อสอบยากเพื่อลดข้อกังวลเมื่อผลสอบมาถึง อีกอย่างเพื่อกลบเกลื่อนความผิดเล็กๆ หากผลสอบออกมาไม่ดีดังความตั้งหวังของแม่

"พรุ่งนี้แม่จะพาน้องกับบ่าวไปบ้านย่า ให้อยู่กับย่าสักพักเอาไหม"
แม่ทักขึ้นเมื่อเห็นผมกับพี่ชายกำลังวุ่นอยู่กับเกมคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ที่พ่อเพิ่งซื้อมาฝากเมื่อวันก่อน

ชาวปักษ์ใต้มักเรียกลูกชายหัวปีว่า "บ่าว" และลูกชายคนเล็กว่า "น้อง" เสมอ ลูกคนน้องก็มักเรียกแทนตัวเองว่า "นุ้ย" :ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่คล้ายการเรียกลูกชายว่า "ตี๋" ของคนจีน

ผมกับพี่ตอบรับด้วยความดีใจแล้ววุ่นกับเกมต่ออย่างสนุกสนาน

วันนี้พ่อยังไม่กลับจากที่ทำงาน แต่แม่บอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพ่อแล้วเราจะเดินทางไปด้วยกัน ช่วงนี้งานของพ่อไม่ค่อยเป็นเวลาเลยกลับบ้านดึกกว่าช่วงอื่นๆ
  ปกติพ่อจะกลับตั้งแต่เย็นพร้อมด้วยกับข้าวกับปลาและขนมเต็มตะกร้ารถมอเตอร์ไซค์สีแดงของเรา พ่อมักซ้อผักบุ้งมาผัดแล้วบอกพวกเราว่าจะทำให้ตาหวาน เราสองพี่น้องชอบผักบุ้งกันเป็นพิเศษ เวลาตัดยอดไปผัดหมดแล้วเรามักเอารากปักไว้ในกระถางหลังบ้าน เฝ้ารดน้ำเช้า-เย็น มันจะแตกยอดใหม่งามตามรอยยิ้มของเด็กๆ  ที่สำคัญเราก็มีผักบุ้งไว้กิน

"หยุดเล่นเกมไปจัดผ้าจัดกระเป๋าได้แล้ว"
"ไม่อยากไปบ้านย่า-บ้านปู่หรือ?"

แม่พูดเหมือนออกคำสั่งให้หยุดเล่นไปจัดเก็บเสื้อผ้า แต่ผมคิดว่าแม่คงจะเร้าความอยากเที่ยวของเราเสียมากกว่า

"ผมจะเอาเกมไปด้วย"
บ่าวบอกความต้องการของตนให้แม่รับรู้ด้วยสีหน้าแววตาเศร้าเรียกคะแนนสงสาร

"อย่าเลยลูก...บ้านปู่ยังไม่มีโทรทัศน์หรอกนะ ไม่เหมือนบ้านเรา คนแก่เขานอนกันตั้งแต่หัวค่ำ ตื่นหัวรุ่งหุงกับข้าวกับปลาควันโขมงโฉงเฉงไว้ใส่บาตรก่อนไก่ขันเสียอีก"
บ่าวหันมามองหน้าผมแล้วรับฟังความเห็นของแม่โดยไม่ปริปากทักท้วงใดๆ แม้แต่น้อย
"ที่บ้านย่า พ่อบอกว่าลูกจะได้เล่นอะไรตั้งมากมายที่ลูกไม่เคยเล่นที่หมู่บ้านของเรานี่ ได้เที่ยวในที่ที่ไม่เคยได้ไป ลูกจะมีเรื่องกลับมาเล่าให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนฟังมากมายมิรู้จบเลยนะ ไม่จำเป็นต้องเอาเกมไปหรอก...เชื่อแม่"

ผมหันไปมอตาบ่าวแล้วเราก็ยิ้มให้กันใต้แสงเรื่อของโคมไฟเล็กๆ สองดวงข้างโทรทัศน์  ผมวาดภาพการเล่นและสถานที่ต่างๆ ไว้ในอากาศมากมาย  บ่าวชวนผมปิดเกมไปจัดเสื้อผ้าเตรียมเดินทางในวันพรุ่ง ผมเลือกชุดใหม่ที่สุดเหมือนกับบ่าวที่พ่อเพิ่งซื้อมาฝากพร้อมเกมเมื่อวันก่อนยัดลงกระเป๋าก่อนชุดอื่นๆ แต่แม่ก็เตรียมชุดเดิมๆ ของเราไว้ให้เพิ่มแล้ว

แม่บอกว่าที่บ้านย่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อผ้าใหม่ๆ พวกนี้บ่อยนัก เว้นแต่เวลาไปทำบุญที่วัดหรือไปงานที่บ้านเขาเรือนใครก็เท่านั้น
"อย่าลืมแปรงสีฟันนะ"
แม่เข้ามาเตือนเมื่อเห็นเรากำลังจัดแจงกันวุ่นวายอยู่ในห้องสองคน

ผมก้มหน้าลงสำรวจความเรียบร้อยหลังตระเตรียมข้าวของลงกระเป๋าได้พอประมาณ แล้วก็ง่วงจนนั่งสัปหงก  บ่าวกับแม่หัวเราะเสียงดังจนผมสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ในความฝัน

แม่บอกให้เราหยุดเก็บของแล้วไปนอนพักเอาแรงเสียก่อน ค่อยลุกขึ้นมาจัดใหม่พรุ่งนี้ก็ยังทัน

ที่นอน ผ้าห่มบนเตียงถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงเราสองคนพี่น้องขึ้นไปนอนเท่านั้นเอง
  ผมกับบ่าวหลับไปตั้งแต่ล้มตัวนอนลงไม่นาน ผมฝันถึงเรื่องราวสนุกๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น พ่อกลับมาเกือบเที่ยงคืนแล้ว แม่ลุกขึ้นมาเปิดประตูให้พ่อพร้อมโจ๊กอุ่นๆ ในถ้วยเช่นเคย เราหลับกันหมดแล้ว ไม่ได้อยู่รอเปิดประตูให้พ่อเหมือนวันก่อน"หลับฝันดีนะ"

ผมสะลึมสะลือตื่นครึ่งไม่ตื่นครึ่ง พ่อเข้ามาในห้องของเรากลางดึกกระซิบแผ่วเบา  ผมงัวเงียเพราะกำลังฝันว่าตกบ่อร้างหลังบ้านน้าสาวพอดี...