Skip to main content

ม่าย...มีอีก

คอลัมน์/ชุมชน

ฉันไปร่วมกลุ่มสนทนากับเพื่อนผู้หญิงมีเชื้อเอชไอวีอยู่หลายๆ ครั้ง จากการทำกิจกรรมเรียนรู้เรื่องเพศจากการแบ่งปันเรื่องชีวิตของแต่ละคน  เลยได้รู้ว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงมีเชื้อหลายคนอยู่ในสถานะของการเป็น ม่าย ที่สามีจากไปด้วยเอดส์ แทบทั้งนั้น


ด้วยเพราะผู้หญิงเติบโตมากับคำสั่งสอนผู้หญิงว่า ต้องรักนวลสงวนตัว รักเดียวใจเดียว เมื่อแต่งงานแล้วก็ต้องอยู่กันเป็นคู่ผัวเดียวเมียเดียวกันไปจนไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ตามคำอวยพรของคนเฒ่าคนแก่และญาติพี่น้องที่มาร่วมในพิธีแต่งงาน แต่ก็มีคนเปรียบเทียบอยู่เสมอว่าการแต่งงานก็เหมือนกับการซื้อหวย เราไม่มีทางรู้ว่าหวยที่เราเลือกจะถูกหรือผิดจนกว่าเราจะซื้อมัน  เช่นเดียวกันคงไม่มีใครคิดเผื่อใจไว้ว่าถ้าตกลงใจแต่งงานกันไปแล้ว สามีจะจากไปก่อนเวลาด้วยเอชไอวี ทิ้งให้พวกเธอกลายเป็นม่ายแต่ยังสาว


จากลูกสาว กลายมาเป็นภรรยา เป็นแม่ของลูก จนกระทั่งกลายเป็นม่าย และได้เชื้อเอชไอวีมาเป็นเพื่อนตาย (ยาก)  ใช่ว่าทุกคนจะเลือกชีวิตหลังการเป็นม่ายเหมือนกันเสมอไป มีความเหมือนและความต่างกันไปตามแต่เหตุผลของแต่ละคน


จ้อย มาจากครอบครัวและชุมชนที่ยึดมั่นกับความเชื่อในกรอบของการมีผัวเดียวเมียเดียว  ซึ่งเป็นคุณค่าที่ผู้หญิงอย่างเธออยากยึดมั่นไปตลอด "ที่หมู่บ้านเรา ถ้าผู้หญิงมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหน ก็ต้องแต่งงานกับคนนั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะเรียกว่า ผิดผี แล้วเราอยู่ในชุมชน ไปทำอะไรอย่างนั้นขึ้นมา  เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะว่าให้" 


เธออธิบายว่า ประเพณี ผิดผี ของคนภาคเหนือ ควบคุมผู้หญิงที่อยู่ในชุมชน ไม่ให้มีสามีมากกว่าหนึ่งคน หรือมีความสัมพันธ์กับผู้ชายโดยไม่มีการแต่งงาน ถึงแม้เธอจะยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับสามีก่อนแต่งงาน แต่ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขของการทำให้ถูกประเพณีในภายหลัง


ดูท่าทางเธอคงคิดเรื่องการแต่งงานใหม่อยู่บ้างเหมือนกัน แต่ยังไม่กล้าลงเอยกับใครอีก ด้วยเพราะกลัวการสูญเสียและความผูกพันที่มาพร้อมกับความหึงหวงที่จะตามมาภายหลัง กลัวคนอื่นนินทา กลัวไปเสียหมดทุกอย่าง


ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะภูมิใจกับความเป็นกุลสตรีม่ายลูกหนึ่งของเธอไปได้อีกนานแค่ไหน  เพราะระยะหลังเธอส่งสัญญาณด้วยการพูดถึงชายหนุ่มคนนั้นให้ได้ยินบ่อยๆ


เช่นเดียวกัน ไม่มีใครกล้ารับประกันชีวิตใครได้ ไม่มีใครรู้ว่าความคิดของเธอจะยืนหยัดกับคุณค่าของการเป็นม่ายสามีตายที่ยังไม่แต่งงานใหม่ ให้ชาวบ้านชื่นชมไปได้อีกนานสักแค่ไหน


พี่แป๋ว หญิงม่ายมีลูกชายหนึ่งคน เคยมีสามีมาแล้วสองคนและอายุน้อยกว่าเธอทั้งคู่ ตอนนี้เธอพึ่งอยู่กินกับสามีคนปัจจุบันที่มีเชื้อเอชไอวีเหมือนกัน แต่ยังยืนยันหลักรสนิยมของ ม่าย...กินเด็ก ด้วยการเลือกแฟนที่อายุน้อยกว่า


พี่แป๋วใช้เวลาตัดสินใจเพียงแค่สามสิบนาทีตกลงปลงใจแต่งงานปุบปับกับสามีคนนี้  โดยไม่ได้บอกให้พ่อแม่ตัวเองรู้เสียก่อนด้วยซ้ำ เธอพูดด้วยท่าทีขำๆ บอกว่าที่เลือกลงเอยกับผู้ชายคนนี้ "เพราะพี่เจาะไข่แดงเขาได้แล้วล่ะ"


ใช่ว่าการเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ของม่ายใจเด็ดคนนี้จะไม่เจออุปสรรคเอาเสียเลย วันที่เธอเดินเข้าบ้านฝ่ายชายเพื่อบอกให้พ่อสามีและญาติๆ รับรู้ถึงความสัมพันธ์และการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันระหว่างเธอกับลูกชายเขา  ผู้หญิงเป็นคนเริ่มต้นไปขอคุยเรื่องการแต่งงานกับญาติฝ่ายชาย คงไม่ค่อยมีให้เห็นกันบ่อย ฉันทึ่งเธอก็ตรงนี้แหละ ใครอาจจะมองว่าดูไม่งาม  แต่สำหรับฉัน พี่แป๋ว เธอช่างเป็นคนตรงไปตรงมากับหัวใจตัวเองที่สุด


พอพี่แป๋วเอ่ยปากพูดเรื่องนี้กับพ่อสามี ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า "ตัวเองมีลูกแล้ว ไม่ต้องมาหาลูกชายเขาอีก กลับไปเลี้ยงลูกตัวเองที่บ้านเถอะ"  ได้ยินอย่างนี้สาวม่ายมั่นของเราก็ อึ้ง  น้ำตาไหลเป็นทาง เดินเสียเซลฟ์ออกมาจากบ้านลูกชายเขา  ผิดกับตอนขาเข้าไปอย่างลิบลับ


พี่แป๋วกลับมาเล่าให้สามีฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับพ่อสามีและญาติสามี และบอกกับสามีว่า เธอคงจะไม่ได้ไปบ้านเขาอีกต่อไป  ตอนนั้นสามีไม่เข้าใจว่า ทำไมญาติพี่น้องเขาต้องมาห้ามเรื่องเขากับพี่แป๋ว เพราะลูกชายเจอคนที่ ใช่ แล้ว เขาเลือกอยู่กับคนที่มีเชื้อเหมือนกัน เพราะคิดว่าน่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่าการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่มีเชื้อ 


คงเป็นเพราะสามีใหม่ของพี่แป๋วเป็นลูกชายคนโตในบ้าน พ่อสามีมีลูกทั้งหมด 3 คน พ่อหมายมั่นว่าจะพึ่งพาลูกชายคนนี้ให้เป็นหลักที่พึ่งของครอบครัว แต่เมื่อลูกชายเลือกไปเริ่มต้นครอบครัวใหม่กับผู้หญิงที่เป็นม่าย อายุมากกว่า และยังมีลูกติดอีก จึงเป็นเรื่องที่ทำใจลำบากสำหรับพ่ออยู่เหมือนกัน


เพราะเป็นผู้หญิงม่ายที่ติดเชื้อเอชไอวี จึงถูกตั้งคำถามจากชุมชนทั้งวาจาและสายตาว่า ทำไมยังต้องแต่งงานใหม่อีก ว่ากันให้สุดๆเลยก็คือ ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับใครอีกแล้วนั่นเอง  ยิ่งถ้ามีลูกก็ทำหน้าที่เป็นแม่เลี้ยงดูลูกให้เติบโตต่อไป


คำอธิบายเช่นนี้ แทบจะปิดประตูตายสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคนของหญิงม่าย ไม่ว่าหญิงม่ายนั้นจะมีหรือไม่มีเชื้อเอชไอวีก็ตาม


พี่แป๋ว ยอมรับว่าเพศสัมพันธ์ของตัวเองยังไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็อยู่บนพื้นฐานที่อยากให้ปลอดภัย ไม่ได้มองเป็นเรื่องทางเทคนิคอย่างเดียว และเป็นเรื่องที่พี่แป๋ว อยากเข้าใจและเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทางเพศของตัวเองกับคู่เช่นเดียวกัน


จ้อย ยังมั่นคงกับการเลือกที่จะปลอดภัยด้วยการไม่มีเพศสัมพันธ์ และเลือกจะใช้ชีวิตอยู่กับลูกไปเรื่อยๆ แม้จะไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน


เรื่องราวที่ฉันนำมาแบ่งปันอาจไม่ถูกใจใครทุกคนเสียทั้งหมด แต่นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีหากผู้หญิงจะทำความเข้าใจและตั้งคำถามกับความคิด ความเชื่อ ที่มากำหนด ควบคุม หรือให้อำนาจพวกเธอ ได้คิดตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับชีวิตตัวเองได้แค่ไหน และการตัดสินใจนั้นเป็นบ่อเกิดทำให้ผู้หญิงเกิดความเชื่อมั่น ปกป้อง ดูแลตัวเองได้


แค่นี้ก็ ปลื้ม แล้วล่ะ