Skip to main content

บางขณะเหมือนโลกหยุดหมุน

คอลัมน์/ชุมชน

เที่ยงคืน หลังรับเวรดึก  เราสามคน ได้แก่ พี่พยาบาล ฉัน และน้องผู้ช่วย  ต่างคนต่างแยกย้ายกันทำงาน  หลังเราเดินเยี่ยมคนไข้หมดทุกเตียงแล้ว  ฉันนั่งลงเขียนอาการคนไข้ในแฟ้มประจำตัว  พี่พยาบาลและน้องผู้ช่วยเตรียมของใช้ให้พร้อมใช้ในตอนเช้า   อากาศกำลังเย็นสบาย  คนไข้ส่วนใหญ่กำลังหลับ มีเพียงบางคนเท่านั้นที่กำลังเคลิ้มหลับ บางคนลุกขึ้นมานั่งดื่มน้ำหลังกินยาแก้ปวด  บางคนกำลังพลิกตัว บางคนนอนยกขาสูงบนเตียงที่มีอุปกรณ์ช่วยพยุงระโยงระยาง


ตีสอง พี่พยาบาลและน้องกำลังเดินวัดปรอทในคนไข้ที่มีไข้  มีเสียงดังปัง..สนั่นหวั่นไหว  ดังมาจากเตียงผู้ป่วยหนักแถวแรกของตึก ทุกคนรวมทั้งฉันก้มลงไปหมอบใต้เคาน์เตอร์ ทั้งยังไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น  เสียงเหมือนฟ้าผ่าลงบนอะไรสักอย่าง  มีเสียงคนวิ่งดังตึกตักออกไป


ช่วยด้วยค่ะ เสียงผู้หญิงร้องเสียงดังตามมาด้วยเสียงร้องไห้โฮหลังเสียงวิ่ง ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วลุกขึ้นยืน เดินตรงไปแถวที่เกิดเรื่อง  คนไข้เตียงแรกมีหมอนปิดหน้าอยู่ 


คุณพระช่วยด้วยเถิด มีเลือดกระจายเต็มหมอนไปหมด  เมื่อหยิบหมอนออกไป ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้หัวใจของฉันแทบหยุดเต้น คนไข้ถูกยิงที่หัวและสิ้นใจแล้ว  เมียคนไข้ก้มลงไปกอด  ร้องไห้ฟูมฟายเสียงดัง เสียงเวรเปลวิ่งตามคนยิงออกไป ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนเวลาไม่ได้เคลื่อนไป


ฉันหันไปมองหาพี่พยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือ ภาพที่เห็นคือพี่เป็นลมมีน้องเอาแอมโมเนียให้ดมอยู่ใกล้ๆ  จะทำอย่างไรดี  หมดหนทาง  คิด เรียกสติ  เรียกขวัญกลับมาเถิด ฉันพร่ำภาวนาและบอกตัวเอง ก่อนจะหันไปปิดม่านให้คนไข้ที่ถูกยิง


คนไข้ที่เดินได้เริ่มส่งเสียงดัง ญาติคนไข้ในแถวแรกเริ่มจับกลุ่ม ขอความกรุณาอย่าส่งเสียงดังนะคะ ทุกคนในแถวแรกทยอยไปอยู่ข้างนอกตึก  ฉันบอกทุกคนด้วยเสียงที่แหบแห้ง ในหัวใจนึกสงสารเมียคนไข้ที่ยังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ สิ่งแรกที่ทำคือพยายามให้เธอสงบลง


ตีสี่ ตำรวจยังไม่กลับ หมอเวรมาชันสูตร พี่พยาบาลเวรตรวจการกำลังปลอบโยนเมียคนไข้  ตำรวจสอบสวนทุกคนสั้นๆ  ญาติคนไข้ที่ถูกยิงทยอยมาจากบ้าน ไทยมุง


คนไข้ในโรงพยาบาล  รวมทั้งหมอและเจ้าหน้าที่ ทำให้ตึกเหมือนตลาดนัดกลางคืน  บรรยากาศวุ่นวายและไม่มีใครนอนหลับ 


โดยปกติ ยามโรงพยาบาลตรวจอาวุธทุกคนที่เข้ามาอยู่แล้ว  แต่คนร้ายคงปีนเข้ามาทางใดสักที่หนึ่งที่ไม่มีคนเห็น  ก่อนมาก่อเหตุ  ตำรวจพูดพร้อมถามว่า ปกติปิดตึกหรือล็อคประตูกี่โมงครับ เที่ยงคืนค่ะ แต่ก็มีญาติเดินเข้าออกอยู่ เพราะประตูหมุนล็อคออกจากข้างในได้


พี่พยาบาลที่เพิ่งฟื้นจากการเป็นลมตอบเสียงสั่น  เธอยังดูอ่อนเพลีย


เช้าแล้วคนไข้ทุกคนในตึกไม่มีใครนอนหลับ นั่งจับเจ่าคุยกันเบาๆ แสงแดดสีทองส่องมาจับระเบียงตึก ลมเย็นยามเช้าโชยมา เสียงไก่ขันดังจากบ้านใกล้โรงพยาบาล  ม่านเตียงหนึ่งถูกเปิดออกแล้ว บนเตียงว่างเปล่า เหมือนไม่มีร่องรอยใดๆ เกิดขึ้น มีเพียงสีหน้าแววตาของผู้ร่วมชะตากรรมทุกคนเท่านั้นที่บอกข่าว  และร่องรอยในคืนอันโหดร้าย  ทุกคนดูตระหนก หวาดกลัว หัวใจของฉันยังเต้นรัวอยู่เมื่อนึกถึง


หลังจากคืนนั้นผ่านไป  ยามในโรงพยาบาลออกเดินมาตรวจตราอย่างเข้มงวด


มีการปิดล็อคประตูอย่างแน่นหนาหลังเวลาเที่ยงคืน   ห้ามคนเข้าออกในตึก พี่พยาบาลกลายเป็นคนหวาดระแวงและขี้ตกใจจนต้องเปลี่ยนมาขึ้นเวรเช้าอย่างเดียว  เธอดูเหมือนคนป่วยหลังเกิดเหตุการณ์นั้นอยู่หลายวัน


ยามมาส่งข่าวบอกว่า คนร้ายเป็นญาติที่ตามมายิงแก้แค้นคนไข้ ซึ่งเป็นคนขับรถชนคนที่เป็นที่รักของเขาจนเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ   ตอนนี้ตำรวจได้เบาะแสเขาแล้ว  ถึงกระนั้นประตูตึกก็ยังปิดล็อคแน่นหนาเหมือนเดิม และทุกครั้งที่แต่งตัวไปขึ้นเวรดึก หัวใจฉันยังเต้นรัว ภาพที่เห็นยังติดแน่นอยู่เต็มตา ทั้งเสียงร้องไห้ยังก้องอยู่เต็มสองหู


วันร้ายผ่านไปแล้ว รอวันดีที่จะผ่านมาอีกในคราวต่อไป เพราะใช่ว่าชีวิตจะมีเพียงด้านเดียว  ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ  ขอเพียงให้มันผ่านไปเป็นบทเรียนที่มีค่า ภาพยามที่เดินตรวจตราเข้มแข็งที่เวลากลางดึก ยังคงมีมาตลอดหลังจากวันนั้น


ถึงกระนั้น ณ ที่ตรงนี้ เป็นสถานที่เยียวยารักษาชีวิต  ยังมีคนเกิด คนเจ็บ คนตายให้เห็นเป็นอนิจจังตลอดเวลา   เป็นที่ที่ควรละเว้นการตั้งใจทำร้ายกัน  เมื่อถึงเวลาของเขา แม้พยายามยื้อยุด ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ความหมาย  หากแต่เราไม่มีสิทธิกำหนดชะตากรรมของใคร  ธรรมชาติเป็นผู้กำหนด  ไม่มีใครรู้จนกว่าจะถึงเวลาของตัวเอง