Skip to main content

พี่น้องตระกูลโซ้ง 1 : ก้างกับกบ

คอลัมน์/ชุมชน

กว่าจะรู้ตัว เราก็พบว่าที่ร้านมีพี่น้องตระกูลโซ้งเข้าทำงานอยู่เกือบทุกแผนก หัวหน้าใหญ่ของตระกูลโซ้งคือ ก้าง ผู้อาวุโสที่สุด ทั้งด้านอายุ และในตระกูลของเขาเอง พ่อของก้างเป็นพี่ใหญ่ในตระกูล ก้างก็เป็นพี่ใหญ่ จึงมีหน้าที่ต้องดูแลพี่น้อง และญาติทุกคนที่เป็นบริวารแวดล้อมเขา

ตระกูลโซ้ง เป็นชาวม้งมาจากเมืองน่าน เมื่อใครคนหนึ่งเข้ามาทำงานที่นี่ ซึ่งน่าจะเป็นก้าง ก้างทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านมาสิบกว่าปี อยู่ตั้งแต่เป็นโสดจนลูกจะโตเป็นสาว ก้างวัยสามสิบห้าปี ทำงานอย่างซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ อยู่ที่นี่แบบอยู่แล้วอยู่เลยไม่ไปไหน จนพบรักกับกบ สาวม้งด้วยกัน ผู้มาทำงานเป็นแม่บ้าน


กบเป็นสาวสวยมาก มีลูกค้าคนหนึ่งถึงกับขอเบอร์โทร และโทรกลับมาจีบกบ แต่กบเป็นคนซื่อ ตอนนั้นพบรักกับก้างแล้ว ก็รักอย่างซื่อสัตย์ จนกระทั่งก้างไปสู่ขอ แต่งงานกัน ตอนนี้มีลูกสาวสองคน ชื่อ ฟ้ากับฝ้าย ซึ่งฉลาดช่างพูด พูดจนบางครั้งผู้ใหญ่เสียคนไปเลยก็มี ก้างและกบสอนลูกให้ภูมิใจในความเป็นม้ง เด็กสองคนแต่งชุดม้งไปงานวันเด็ก หรืองานโรงเรียนด้วยความภูมิใจ "น้องฝ้ายเป็นม้งค่ะ ชุดนี้แม่ตัดให้"


สาวม้งจะมีทักษะในเรื่องผ้าเป็นอย่างมาก ผ้าม้งสีครามลายขาว ๆ นั้น พวกเธอเขียนด้วยมือกันทั้งผืน แล้วย้อม หรือผ้าปักของชาวม้งที่นำมาตัดเป็นกระโปรงนั้นก็เป็นงานทำมือ ทำด้วยหัวใจและความรัก กบเล่าว่า เมื่อแต่งงานผู้หญิงจะย้ายเข้าบ้านสามี สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ปักผ้าพิสูจน์ฝีมือให้แม่สามีเห็น ผ้าของแม่ที่ตกทอดถึงกบนั้น แม่ใช้เวลาปักถึงสามเดือน เมื่อผ่านการทดสอบปักผ้าแล้ว จึงถือว่าได้เข้าบ้านสามีเป็นเมียโดยสมบูรณ์แบบ


เมื่อวันหนึ่งผ้าปักของม้งมีราคาในตลาด จึงมีการแลกเปลี่ยนซื้อขาย เล่นแร่แปรผ้ากันจนผ้าปักสวย ๆ แทบจะหมดไปจากโลก เพราะคนรุ่นใหม่ทำไม่เป็นแล้ว กบบอกว่าแม่ของเธอเพิ่งขายผ้าไปผืนหนึ่ง เพื่อนำไปซื้อคอมพิวเตอร์ให้น้องชาย ซึ่งเรียนวิศวะคอม ขณะที่เธอซึ่งไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ รู้เพียงตัวเลขเท่านั้น ได้นำวิชาผ้าที่ติดตัวมา มาตัดเย็บเสื้อผ้าขาย และรับจ้างเย็บกระเป๋าให้กับโรงงานผลิตสินค้าที่ขายตามไนท์บาซ่า และถนนคนเดิน


กระเป๋าหนึ่งใบ กบได้ค่าเย็บ 3 บาท ใบใหญ่หน่อยก็ 5 บาท ทำทั้งคืนบางวันได้สองร้อยบาท ฝีมือเย็บผ้าของกบประณีต ฉันพยายามแนะนำให้เธอทำขายเอง แต่ความซื่อ ทำให้ค้าขายไม่ขึ้น เธอขายของในราคาเท่ากับผ้าเหมาโหล ซึ่งต้นทุนถูกว่า และวิธีคิดบนพื้นฐานที่เธอคิดว่าเธอจน ชอบซื้อของราคาถูก เพราะฉะนั้นต้องขายของราคาถูกเข้าไว้ จึงจะขายได้ ผ้าบางชิ้นของเธอจึงได้กำไรเพียง 40-50 บาท โดยไม่ได้ใส่ค่าแรงของเธอไปด้วย บางวันโชคร้ายเจอลูกค้าใจร้าย ต่อราคาของโดยไม่ฟังเสียงของเธอ วางเงินในราคาที่เขาต้องการ แล้วเดินจากไป กบเดินน้ำตาคลอเข้ามาหาฉัน บอกว่าเขาวางเงินแล้วไปเลยน่ะ ผ้าชิ้นนั้นเธอรับมาขายอีกที เธอขาดทุน เธอไม่กล้าเดินตามไปเอากลับคืนมา เพราะเขาเป็นลูกค้า เขาดูเป็นผู้ดี


บางวันก็มีเหตุการณ์ที่น่าขำสิ้นดีสำหรับฉัน ที่เห็นก๊วนคุณหญิงคุณนาย เห็นหน้าก็รู้จักว่าเป็นตระกูลมหาเศรษฐี ยืนเลือกผ้าของกบ แล้วต่อราคาจนต่ำเตี้ยติดดิน กบก็ยิ้มตอบ บางคนคุยรู้เรื่องก็แล้วไป บางคนเห็นแล้วก็เหลือทน


เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น ก้างต้องขี่มอเตอร์ไซด์ส่งลูกไปโรงเรียนตอนเช้า บางวันหนาวสั่น บางวันฝนตก ก้างกับกบฝันอยากได้รถยนต์สักคัน เพื่อกันแดดกันฝนให้ลูก วิธีการของเขาคือกราบไหว้ขอกับเจ้าปู่ เจ้าที่ที่มีศาลอยู่หน้าร้าน ซึ่งเด็ก ๆ นับถือกันมาก วันหนึ่งกบส่งชิงโชคอะไรสักอย่าง ที่มีรางวัลที่หนึ่งคือรถกระบะ ...และเธอได้รางวัลนั้นมา!


กบทำงานหนักทั้งกลางวันกลางคืน จนสุขภาพแย่ เพราะละอองผ้าขนาดเล็กเข้าไปในร่างกาย จนเธอย่ำแย่ กลายเป็นแรงงานหมดสภาพ เหลือเพียงก้างเท่านั้นที่ตอนนี้เป็นกัปตันที่ร้าน เลิกงานเที่ยงคืน ตื่นตีห้าไปส่งหนังสือพิมพ์จนถึง 11 โมง จึงได้กลับมานอน


เสียงความยากจนของแม่ลอยมาจากอดีตว่า ชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นไป


จับอิดนึ้ง แมวจรจัดตัวอ้วน ๆ ที่ได้ดิบได้ดีในบ้านใหญ่ เหลือบตามองคนอย่างเซ็ง ๆ สายตามันบอกว่า คนจนจะหมดไปแล้ว เกิดเป็นแม้ว เอ๊ยเป็นแมวดีกว่า ถึงเวลาก็มีกิน


เมี้ยวววว