Skip to main content

ความงดงามของวัชพืช

คอลัมน์/ชุมชน

"มือไปโดนอะไรมาหรือ มีแต่รอย"

ฉันถามนวลด้วยความเป็นห่วง เหลือบไปมองรอยแผลเล็กๆ เป็นเส้นๆ ที่ปรากฏอยู่บนฝ่ามือของหญิงสาว แม้จะไม่กล้ามองด้วยความเกรงใจ แต่ในฐานะการเป็นพนักงานร้านขายของชำ เมื่อเธอหยิบและรับเงินจากฉัน ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมองเห็น


เธอยิ้ม ยิ้มแทนคำตอบ เช่นเดียวกับทุกครั้ง แววตาเธอช่างใสซื่อและเป็นมิตรเหมือนครั้งแรกที่เราพบกัน เพียงแต่ตอนนั้นเธอไม่ค่อยกล้าพูด เธอบอกว่าอายที่พูดไม่ชัด ผ่านไปปีกว่าแล้ววันนี้เธอพูดภาษาไทยได้เก่งขึ้น อ่านภาษาไทยออก และคำนวณได้เร็วจนแทบไม่ต้องกดเครื่องคิดเลข


"ก็ไปตัดหญ้านะ เมื่อวาน แถวห้องเช่ามันรกมาก ค่ำแล้วด้วย มองไม่ค่อยชัด หนามเกี่ยวมือเต็มไปหมด"
เธอบอกเหตุผล ฉันนึกภาพตาม บ้านพักของเธออยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านฉันนัก แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าหลังไหน เธอบอกว่า ข้ามสะพานแม่น้ำเล็กๆ ไป จะเจอกับห้องเช่าสร้างใหม่ อยู่บนพื้นที่ไม่มีโฉนดของชาวบ้านดั้งเดิม รอบๆ นั้นเต็มไปด้วยผืนหญ้า หนองน้ำ บางวันมีคนจูงวัวควายมาปล่อยทิ้งไว้ให้กินหญ้า บางวันก็มีสุนัขจรจัดมาคุ้ยขยะ


"เราก็ว่าไม่เป็นไรนะ แต่หน้าห้องคนอื่นเขาก็ตัดหญ้าหมด เราเลยต้องทำ เดี๋ยวเขาจะว่าเอา"
เธออธิบาย ฉันหัวเราะเบาๆ อดถามต่อไม่ได้


"มันรกมากเลยเหรอ ต้นอะไร"
"
มันก็เป็นหญ้านะ เราไม่รู้จักว่าหญ้าอะไร เขาบอกว่ามันเป็นวัชพืช แต่ความจริงมันก็สวยดีนะ"


ฉันนึกภาพตามในทันที ใครจะรู้ว่าหลายเดือนก่อนเมื่อฤดูฝนมาถึงใหม่ ฉันเองที่ใช้เวลาไปกับการเติบโตของต้นหญ้า จักรยานสีเหลืองเก่าๆ ที่ปั่นออกกำลังกายในตอนเย็น ลัดเลาะไปตามหมู่บ้านต่างๆ แถบนี้ ถนนที่ทะลุกันหมดและมีแม่น้ำสายเล็กๆ คดเคี้ยวไปรอบๆ ผืนดินที่รกร้างว่างเปล่าจากเมื่อฤดูหนาว ได้ปรากฏต้นกล้าน้อยๆ ค่อยๆ ผุดขึ้นจากผินดิน มีทั้งที่รู้จักชื่อและไม่รู้จัก กระทั่งถึงตอนนี้ วัชพืชบางต้นก็เติบโตพอที่จะมีดอกเล็กๆ ออกมาให้ได้ถ่ายรูปเล่น


"ต้นไมยราพหรือเปล่า"
ฉันถามอย่างสนใจ เธอพยักหน้าหงึกหงัก

"ใช่ๆ มีคนพูดชื่อแบบนั้นแหละ เรียกว่าอะไรนะ ต้นจิยับ จิยอบ สักอย่าง แล้วมีต้นอื่นๆ ด้วย"
"
อ๋อ ต้นจิยอบ ใช่ๆ ก็คือไมยราพน่ะแหละ"

"
อ้อ"

"
ต้นจิยอบเป็นภาษาเหนือ จิ ก็เหมือนจิ้ม เวลาเอามือไปจิ้มๆ มันก็จะยอบตัวลง ก็คือ หดตัวลง ก็เลยชื่อนี้"

"
ต้นนั้นแหละแล้วมันโตเร็วมากๆ มีหนามเยอะด้วย"


ฉันหัวเราะ เมื่อเห็นเธอเกาเบาๆ ที่รอยแผล ป่านนี้คงแสบๆ คันๆ เมื่อเกาเสร็จ มืออีกข้างก็คว้าลงไปหยิบตลับยาอันเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า ทาป้ายๆ ไปที่รอยแผลเหล่านั้น


"ยาอะไรเหรอ"
"
ยาพม่า"

เธอตอบแค่นี้ เช่นเดียวกับตอนที่เธอมีตลับอะไรสักอย่างทาแก้สิว เมื่อถาม เธอก็ตอบว่าแป้งพม่า เธอมีของมากมายหลายอย่างที่นำมาจากบ้าน ทั้งของกิน ของใช้ และเครื่องสำอาง หากใครถามเธอก็จะตอบอย่างภูมิใจว่า
"แม่ฝากคนมาให้"


ฉันยิ้มอีกครั้งก่อนจะขอตัวปล่อยให้เธอทำงาน หากแต่เธอกลับสะกิดและใช้มือเอื้อมมือดึงชายเสื้อไว้


"เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป ยืนเป็นเพื่อนหน่อย มีคนไม่ดีมาหา"
"
หือ"

ฉันเหลือบไปมองตาม เห็นชายวัยกลางคนตัวใหญ่เดินอาดเข้ามาใกล้ๆ เขาไม่สวมเสื้อ ร่างกายกำยำและมีรอยสักอยู่เต็มท่อนแขน


"น้องสาว เอาเหล้าขวด" เขาส่งเสียงดังลั่นทั่วร้าน ถัดจากนั้นไปเป็นผู้หญิงวัยเดียวกันเดินตามเข้ามา
"เอาแป้งโกกิซองหนึ่ง" ว่าแล้วก็วางแบงค์ยี่สิบบาทไว้บนโต๊ะ นวลรีบกุลีกุจอเข้าไปหยิบของทั้งสองสิ่ง แล้วก็แทบจะวิ่งออกมา


"ไหนดูก่อน หยิบถูกหรือเปล่า คราวก่อนก็หยิบผงชูรสมาเฉยเลย ทอนตังค์ให้ถูกด้วยนะ ไม่งั้นจะฟ้องเฮีย"
ฉันนิ่งอึ้ง ตะลึงไปเล็กน้อย รู้สึกเหมือนอยู่ในฉากหนังไทย นวลคิดเลขในใจนานแล้ว หยิบเงินทอนมารอ หากแต่เธอก็เอื้อมไปหยิบเครื่องคิดเลขมากดตรงหน้า เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าเธอไม่ได้คิดผิด


"อ้าว แล้วของอ้ายส่งล่ะ ค่าเหล้า ทอนมายัง"
"
ทอนให้ลุงไปแล้วค่ะ" นวลรีบตอบ พี่ผู้หญิงสะบัดตัวไปพร้อมถุงโกกิ เดินตามสามีกลับเข้าเรือน ได้ยินเสียงบ่นโฉงเฉงว่าอยากเมาก็ให้ไปกินที่บ้าน


"นวลคิดเลขเร็วนะ ตะกี้เห็น" ฉันเอ่ยชม ก็เห็นเธอวิ่งไปหยิบเงินทอนก่อนจะกดเครื่องคิดเลขเสียอีก
"ฮื่อ คิดได้หมดแล้ว เดี๋ยวนี้เรารู้หลักการคิด เฮียสอนมา แต่เจ๊คนนั้นไม่ไว้ใจเราหรอก เขาบอกว่าเราเป็นพม่า ไว้ใจไม่ได้"
"
อ้าว เหรอ เขาเคยว่านวลเหรอ"

"
ไม่เคยว่าเราตรงๆ หรอก แต่ได้ยินเขาคุยกับเฮียว่าอยากเอาลูกสาวมาฝากทำงาน ให้ไล่เราออกเสีย"

"
อืม
..."


ฉันนิ่งเงียบไป อีกครั้งที่คำถามมากมายกระจัดกระจายอยู่ในอากาศ ในโลกของสวนดอกไม้ ดอกหญ้าก็คือวัชพืชที่ไม่มีใครมองเห็นความงาม หรือบางครั้งเมื่อมองเห็น ก็ไม่อาจเทียบค่าได้กับดอกไม้หลากสีที่ตั้งใจปลูก


"พี่ เดี่ยวก่อน แบ่งเอายานี้ไปใช้ไหม มันดีมากๆเลยนะ แก้ไฟไหม้ก็ได้ หรือโดนอะไรกัดก็ใช้ได้หมด"
นวลยื่นตลับเล็กๆ นั้นส่งมาให้ ฉันส่ายหน้า
"นวลเก็บไว้ใช้เถอะ แผลยังไม่หายดีเลยนินา"
"
เอาไปเถอะน่า มันดีมากๆเลยนะ"


เธอยังโฆษณาสรรพคุณอีกครั้ง ฉันรับยาตลับเล็กๆ นั้นมาไว้ในมือ ขอบคุณในน้ำใจจากมิตรต่างแดนก่อนจะก้าวออกมาจับจักรยานเพื่อกลับบ้าน


ยิ้มให้กันอีกครั้ง ก่อนจาก เพราะฉันไม่อาจรู้ว่า วันพรุ่งนี้เมื่อผ่านมา จะยังมีนวลยืนอยู่ขายของอยู่อีกหรือเปล่า เช่นเดียวกับต้นหญ้าวัชพืชข้างทางอีกมากมาย ที่แม้จะมีดอกสวยสดงดงามเพียงใด ก็ไม่มีใครอยากให้เติบโตแทนที่ดอกไม้ใบหญ้า ที่พวกเขาคิดว่าคู่ควรกับผืนดินที่เป็นเจ้าของ