เธอยังอายุน้อย อาจจะเกินยี่สิบมาไม่เท่าไร ขี่มอเตอร์ไซค์มาทั้งๆ ที่ท้องโตมาก มีเด็กชายตัวเล็กๆ ซ้อนท้าย ตะกร้าหน้ารถมีลูกหมาผอมๆ นอนเบียดกันอยู่ห้าตัว
"หนูขอฝากหมาไว้ชั่วคราว หนูต้องไปคลอดที่จังหวัด ไม่มีใครอยู่ หนูกลัวมันอดตาย" "ชั่วคราวน่ะ แค่ไหนคะ" ฉันถาม ใจคิดว่าจะปฏิเสธอย่างไรดี "ชั่วคราวจริงๆ พี่ หนูไหว้ละ" เธอยกมือไหว้ "แฟนหนูไปรับจ้างตัดอ้อยที่สระบุรี หนูไม่รู้จะพึ่งใคร เห็นพี่เลี้ยงหมาอยู่ หนูเลยมา"
ฉันชะโงกดูลูกหมาที่น่าจะไม่ถึงสองเดือน ผอมแห้งและหน้าตาจ๋อยๆ พอกับเจ้าหนูที่กำลังลูบเนื้อลูบตัวพวกมันอยู่
"แล้วแม่มันล่ะคะ" ฉันถาม "หนูก็ไม่รู้พี่ ขี่รถอยู่ดีๆ มันโผล่มาจากไหนไม่รู้ วิ่งตามรถหนูทั้งฝูง หนูไม่เห็นแม่มันเลย สงสัยตายมั้ง หรือไม่ก็มีคนเอาไอ้พวกนี้มาปล่อย หนูสงสารก็เลยเก็บมันมาหมด"
ลูกชายกระตุกชายเสื้อแม่อยู่ยึกๆ "เออ รู้แล้ว แม่ฝากเฉยๆ เดี๋ยวก็มารับมัน" เธอหันไปบอกลูกที่ทำปากเบะ "ถ้าฝากชั่วคราวจริงๆ ก็จะช่วยเอ้า แต่ต้องมารับคืนนะคะ เพราะบ้านนี้ก็รับไม่ไหวแล้ว" ฉันชี้ให้ดูสมาชิกบ้านสี่ขาที่มาร่วมเป็นหมามุงอยู่เต็มประตูรั้ว "ฝากจริงๆ พี่ หนูก็รักมันเหมือนกัน แต่หนูขอไปคลอดสักอาทิตย์หนึ่ง" เธอยกมือไหว้ฉัน
แต่เธอหายไปถึงสามเดือน มีคนบอกว่า ลูกเธอมีปัญหา ผ่าคลอดแล้วต้องเข้าตู้อบอยู่นานหลายสัปดาห์ สามีของเธอหารายได้คนเดียวไม่พอ ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน เมื่อกลับจากโรงพยาบาลจึงต้องย้ายไปหาบ้านเช่าใหม่
แล้ววันหนึ่ง เธอก็อุ้มลูกน้อยมีผ้าขาวม้าคลุมหัวเดินมาเรียกฉัน ลูกชายคนโตที่สวมแต่กางเกงขาสั้นเดินตากแดดตัวดำตามมาด้วย
"หนูขอโทษนะจ๊ะ" เธอยกมือไหว้ฉันทั้งที่อุ้มลูก "เอาลูกเดินมาทำไมคะ แดดร้อนจะตาย" ฉันว่า "ทิ้งไม่ได้จ้ะ มันไม่ปกติ นี่หนูก็ไปทำงานไม่ได้ ต้องอยู่ดูลูก"
เธอเล่าว่าย้ายไปอยู่หลังโรงเลี้ยงไก่ ค่าเช่าเดือนละห้าร้อยบาท(ไม่มีน้ำและไฟฟ้า) ลูกคนเล็กต้องหาหมอบ่อยๆ ลูกคนโตก็ต้องให้เข้าโรงเรียน เพราะอายุหกขวบแล้ว ยังไม่เคยเรียนแม้แต่ชั้นอนุบาล
"หนูจะมาขอฝากหมาต่ออีกสักพัก หนูยังไม่มีเงิน กลัวไม่มีอะไรให้มันกิน หาเงินได้แล้วหนูจะมารับมันแน่ๆ จ้ะ หนูเอานี่มาให้มันด้วย"
เธอหันไปดึงถุงก็อบแก็บในมือลูกชายส่งให้ฉัน ในนั้นมีปลายข้าวสารอยู่ราวๆ สองลิตร ฉันดูสภาพเจ้าของหมาที่นุ่งผ้าถุงเก่าจนชายขาดรุ่ย ดูเด็กน้อยตัวซีดเหลืองในอ้อมแขนเธอแล้วต้องกลืนสิ่งที่คิดจะพูด
"มอเตอร์ไซค์ไปไหนล่ะนี่ เดินมาตั้งไกล" ฉันมองฝ่าแดดเห็นหลังคาโรงไก่อยู่ลิบๆ "เขายึดไปแล้วจ้ะ ขาดส่ง"
ฉันมองหน้าเซียวๆ ของเธอแล้วก็ตัดสินใจบอกว่า "ให้หมาอยู่นี่เลยก็แล้วกัน เอากลับไปก็ลำบากทั้งคนทั้งหมา"
เธออึ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วว่า "แต่มันเท่ากับหนูทำบาป ทำให้พี่เดือดร้อน" ฉันนึกถึงหมาแมวในบ้านหลายตัวที่ถูกคน "มีอันจะกิน" ทิ้งมาโดยไม่คิดว่าใครจะเดือดร้อน "ไม่เป็นไร" ฉันบอกเธอ "ถือว่าช่วยกัน เธอช่วยมันมา พี่ก็ช่วยมันต่อ" เธอยกมือไหว้อีกครั้ง มีน้ำใสๆ รื้นอยู่ในตา "หนูขอบใจแทนหมาจ้ะ อยู่กะพี่มันคงกินอิ่มกว่าอยู่กะหนู"
เด็กชายกระตุกชายเสื้อแม่อีก หน้าเบะๆ เหยเก เธอก้มดุลูก "มึงอย่ามางอแง ป้าเขาอุตส่าห์จะช่วยเห็นไหม มะรืนมึงก็ต้องไปโรงเรียนแล้ว" เท่านั้นเอง เจ้าหนูก็น้ำตาร่วง "ไม่เป็นไร ไปโรงเรียนก่อน คิดถึงเมื่อไหร่ก็มาหานะ" ฉันบอกแก
.................
อีกอาทิตย์หนึ่งต่อมา เจ้าหนูตัวดำที่สวมแต่กางเกงก็มายืนจ๋อยอยู่หน้าประตูรั้ว ฉันออกมาเห็นเองเพราะได้ยินเสียงเห่าเกรียวกราว
"มาหาป้าเหรอครับ" ฉันถาม เจ้าหนูอ้ำอึ้ง ฉันจึงเปลี่ยนคำถามใหม่ "แม่ให้มาหาป้าเหรอ" เจ้าหนูสั่นหัว แต่ตาชำเลืองเข้าไปในบ้าน "อ๋อ มาหาหมา" คราวนี้พยักหน้า ตาใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "รอเดี๋ยวนะ" ฉันเข้าไปอุ้มลูกหมาตัวกลมมาใส่มือเจ้าหนู แกรับไว้แบบงงๆ
"หมาของหนูเหรอ" แกถาม หน้าตาเหรอหรา ฉันจึงนึกได้ว่า สภาพหมาตอนนี้ต่างจากเดิมลิบลับ เจ้าหนูย่อมจะจำไม่ได้ "ใช่สิจ๊ะ หมาของหนู ตอนนั้นมันยังเล็กแล้วก็ผอมมาก แต่มันกินข้าวเก่ง มันก็เลยโตขึ้นแล้วก็อ้วนขึ้นตั้งเยอะไงล่ะ" ฉันอธิบาย มือเล็กๆ ลูบทั่วตัวลูกหมาที่กระดิกหางริกๆ พยายามเลียหน้าคนอุ้ม
"หมาของหนู" แกพึมพำซ้ำแล้วก้มลงจูบหมาอย่างรักใคร่ "มันชื่อมังคุด" ฉันบอก เจ้าหนูฟังแล้วหัวเราะคิกคัก "ไม่ได้มีแต่มังคุดนะ" ฉันจูงเจ้าหนูเข้าไปดูหมาของแกที่อยู่ในคอกหลังบ้าน "นี่ ตัวนี้มันอ้วนเหมือนลูกขนุนป้าเลยเรียกว่าขนุน แล้วนี่ก็องุ่น ทุเรียน แล้วก็ลองกอง เป็นผลไม้หมดเลย"
เจ้าหนูหัวเราะไม่หยุด หน้าจ๋อยๆ ตอนนี้เบิกบานเหมือนดอกไม้ได้แดด
.................
วันต่อมา มีเสียงตะโกน "ป้า ป้า" ออกไปดูเห็นเจ้าหนูกำลังปีนประตูรั้วมองเข้ามา มีเด็กชายตัวเล็กอีกคนกระโดดขึ้นๆ ลงๆ อยู่ด้วย "มาหาหมาของหนู" แกว่า พอฉันเปิดประตูรับ แกก็พยักเพยิดไปทางเพื่อน "ให้ไอ้ไข่เข้าไปดูด้วยนะ"
ฉันปล่อยให้เด็กๆ เล่นอยู่ที่คอกหมา "นี่ไอ้มังคุด นี่ก็อีขนุน แล้วก็ แล้วอะไรน้า...จำไม่ได้ว่ะ" เจ้าหนูเสียงดังเข้ามาถึงในบ้าน "ไหนบอกว่าหมาของมึงไง ทำไมจำไม่ได้วะ" อีกเสียงดังแบบเยาะเย้ย "ก็ป้าเขาตั้งชื่อโว้ย แต่หมาน่ะของกู อ้ะ มึงดูนะ" มีเสียงเดาะลิ้นก๊อกก๊อกเรียกหมา "นี่ไง เห็นไหมมันเลียมือกู มันจำกูได้ บอกแล้วไม่เชื่อ ว่าหมาของกู หมาของกู" เสียงเจ้าหนูเปี่ยมไปด้วยความรักและภาคภูมิใจอย่างยิ่ง |