บัวสีเทา: บ่าวมอเตอร์ไซค์ "แป้นๆ"
คอลัมน์/ชุมชน
นอกจากกลุ่มที่เต้น หรือขี่จักรยานแล้ว กลุ่มที่ขี่รถจักรยานยนต์ก็เป็นอีกกลุ่มที่ไม่พูดถึงไม่ได้
เพราะภาพของการแข่งรถ การขี่รถซิ่ง การใช้ความเร็ว ในการขับขี่ยวดยานบนท้องถนนอาจสร้างความรำคาญ เบื่อหน่ายแก่ใครบางคนที่พบเห็น เสียงบ่นรำพึง คำสบถด่า สาปแช่ง ต่างๆ ออกมาจากปากของผู้คน เมื่อได้ยินเสียงที่ก้องดังของรถจักรยานยนต์ที่มีการตกแต่งเสียงให้มีความดัง
พี่บัว แนะนำให้ผมไปพูดคุยกับต้นในเรื่องนี้ เพื่อทำให้เข้าใจที่มา ที่ไป ความคิดของการแข่งรถมากขึ้นกว่าที่คิดเอาเองว่าเขาไม่ดียังไง
"ต้น" ชายหนุ่มวัย 21 ปี เคยเรียนมากว่า 7 โรงเรียน และเคยเรียนชั้นเดียวใน 5 โรงเรียนด้วย ปัจจุบันเขายังเรียนไม่จบ ม.3 แต่ตอนนี้เรียน การศึกษานอกโรงเรียน แห่งหนึ่งเพื่อให้ได้วุฒิการศึกษา
ต้นอาศัยกับแม่และพี่น้อง พ่อเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ครอบครัวมีความอบอุ่น แม่มีความเข้าใจ เข้าใจถึงธรรมชาติของต้นที่บางครั้งเที่ยว บางครั้งทำงาน ฐานะที่บ้านพอกินพอใช้
ต้นและเพื่อนรวมกลุ่มแข่งรถ มีสมาชิกประมาณ 80 90 คน ต้นและเพื่อนๆ 10 กว่าคนเป็นผู้ก่อตั้ง เริ่มกันที่เคหะแห่งหนึ่ง ในตอนกลางคืนเกือบทุกวัน ต้นและเพื่อนๆ จะมาคุยกันเรื่องรถ เรื่องตีกัน และที่พลาดไม่ได้ก็คือเรื่องผู้หญิง
คนในกลุ่มจะเช่าบ้านอยู่ใกล้กัน โดยทุกเย็นจะรวมตัวกันจากกลุ่มคนเล็กๆ จนกลายเป็นกลุ่มใหญ่ในเวลาไม่นาน ซึ่งการได้พูดคุยกันทำให้ได้ทั้งเพื่อนใหม่และสร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มมากยิ่งขึ้น บางครั้งแม้จะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่เคยแตกแยกหรือทะเลาะเบาะแว้งกันจะเป็นการทำความเข้าใจกันมากกว่า
"เป็นเพื่อนกันสั่งไม่ได้ บางครั้งแก้ปัญหาโดยการโยนเหรียญ หัวก้อย ถ้าได้แบบไหนก็เอาหรือทำตามนั้น" ต้นบอกถึงแนวทางออกเมื่อเจอข้อขัดแย้งในกลุ่ม พร้อมย้ำว่า "เวลามีเรื่องก็จะช่วยกัน แต่กลุ่มเราไม่เคยมีเรื่องอยู่แล้ว"
ก่อนที่ต้นจะมาอยู่กลุ่ม การเที่ยวหรือการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมนัก ส่วนการแข่งรถจะแข่งบนถนนสายใหญ่ๆ แถวบ้านหรือถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ หากใครแข่งชนะก็จะได้เงิน ได้รถ การพนันเริ่มอย่างต่ำที่ 3,000 บาท ถ้ารถยนต์ระดับหมื่นบาท โดยเอาเงินมารวมๆ กัน คนละ 400 500 บาท มีบ้างที่ไปแข่งแล้วเกิดอุบัติเหตุ
ต้นย้อนอดีตที่ยากจะลืมเลือนว่า ครั้งหนึ่งไปแข่งรถกับเพื่อน เพื่อนขี่รถชนเสียหลัก ชนกันตาย 4 คน ครั้งนั้นทุกคนต่างรีบเข้าไปช่วยแต่ไม่สามารถช่วยได้ทัน
นอกจากต้นจะแข่งรถบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์แล้ว บางครั้งก็ไปสมัครแข่งรถตามงานแข่งด้วย ซึ่งมีประมาณ 2 เดือนต่อครั้ง ค่าสมัครประมาณ 300 บาท ที่สนามกีฬาร้างๆ ในตัวจังหวัด
ส่วนเรื่องชุมชนที่มองพวกต้น ถึงแม้ว่าการแข่งรถบนถนนจะสร้างความรำคาญแก่ผู้คนที่พบเห็น หรือสร้างความเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตของผู้แข่งและผู้คนที่ขับขี่ยวดยานบนท้องถนนก็ตาม แต่คนที่อาศัยในชุมชนก็ยังพูดคุย ทักทายกับต้นเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปและไม่เคยมีใครเล่าเรื่องที่ต้นแข่งรถให้แม่ของต้นฟัง เพราะกลัวต้นจะถูกต่อว่า
ส่วนที่โรงเรียน เพื่อนๆ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อต้น แม้ว่าบางครั้งต้นจะทะเลาะกับอาจารย์ในเรื่องที่ไม่ฟังอาจารย์ เพื่อน ๆ ต่างเป็นห่วงและคอยช่วยเหลือต้นเช่นเดียวกับคนที่อยู่ในชุมชน
"คนส่วนใหญ่จะเรียกเราว่าแก๊ง ผมไม่ชอบที่เขาเรียกเราว่าแก๊ง อยากให้เรียกว่า พวกเพื่อนฝูง"
"เคยโดนเรียกว่าแซป ผมไม่ชอบที่เขาว่าพวกผมเป็นแซป แซปแปลว่าคนซกมก แซปแปลว่าแก๊งแซป ๆ กลางคืนไปดื่มเหล้า ไม่เลือกที่ เพื่อนเลี้ยงแล้วมีทะเลาะกันบ้าง หรือบางทีก็มองว่าเป็นแก๊งซามูไร ทั้งที่เรากินเที่ยวตามธรรมดา" น้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจของต้นบอกกับผมว่าถ้าให้พูดต่ออีกน้ำตาคงไหลออกมาแน่นอน
ต้นกับเพื่อนๆ
แม้ว่าต้นจะเคยใช้ยามาก่อนเพราะอยากลอง และเคยใช้ยาเสพติดเกือบทุกอย่าง ยกเว้นฝิ่นกับเฮโรอีน และเคยไปทำงานกับน้าที่กรุงเทพฯ แล้วต้องกลับมาเพราะคิดถึงเพื่อน จนวันหนึ่งพ่อ แม่รู้ว่าใช้สารเสพติด ก็บอกให้เลิก ต้นจึงเลิก ซึ่งก็เลิกได้เองเพราะยังไม่ติด และตอนนี้ต้นเลิกใช้ยามานานกว่าปีแล้ว
"ส่วนหนึ่งเพราะตำรวจเยอะตำรวจเพ่งเล็ง เคยโดนจับเรื่องรถและทะเลาะวิวาท พกอาวุธ แล้วประกันออกมา เสียค่าปรับสี่ร้อยบาท พกอาวุธเหมือนกัน มันต้องใช้อาวุธเพราะบางทีคนที่มาหาเรื่องเราเห็นว่าเรามีน้อย ก็ต้องใช้เพื่อป้องกันตัว" อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาเลิกยาได้
เรื่องอีกเรื่องที่มีคนร่ำลือถึงต้นมากที่สุดคือ "หนุ่มหัวงู" พี่บัว เล็ก ย้ำมากๆ ว่า ให้ถามต้นเรื่องนี้ เพราะมันจะไม่ตอบตามความเป็นจริง และก็อย่างที่มีคนเตือนไว้ เพราะในเรื่องความสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม ส่วนใหญ่ต้นมักถูกมองว่า "หัวงู" ผู้หญิงไม่ชอบถ้าอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่เพราะรู้สึกกลัว ที่สำคัญคือไม่มีผู้หญิงชอบหรืออยากเป็นแฟนหัวหน้าแก๊งเพราะกลัวเช่นกัน จึงทำให้ตอนนี้ต้นยังไม่มีแฟนแต่มีคนที่ต้นแอบชอบอยู่หลายคน
"สรุปก็เคยคบผู้หญิงมาหลายคนครับ เคยใช้ถุงยางไม่กี่คน โดยจะซื้อที่ร้านเซเว่น ของที่แจกก็ได้ จะใช้ถุงยางจากที่ไหนก็ได้เพราะป้องกันได้เหมือนกันและผมไม่เคยทำผู้หญิงท้อง แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มตอนนี้มีลูกแล้วห้าคนซึ่งเพื่อนแต่ละคนต่างรับผิดชอบในการเลี้ยงดูทุกคนเลยครับ" เจ้าของฉายาหนุ่มหัวงูตอบพร้อมกับยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก
"คิดว่าเรื่องเด็กแข่งรถ อาจจะแก้ได้ยาก เพราะมันมีมาเรื่อย ๆ และมีการเปลี่ยนถ่ายรุ่น รุ่นนี้ผ่านไป ก็มีรุ่นใหม่มาเรื่อยๆ ส่วนเรื่องจัดระเบียบสังคม ผมเห็นด้วยห้าสิบๆ ผมอายุเกินสิบแปดแล้ว ก็ไม่มีปัญหา ยังไม่เข้าใจคำว่าเคอร์ฟิวเด็ก ว่ามันคืออะไร แต่เรื่องวิสามัญกลัวครับ คิดว่าไม่ดีครับ ผมก็กลัวครับ ส่วนเรื่องแก๊ง ไม่อยากให้ใครมาแก้เพราะพวกเราดูแลกันได้" ต้นตวาดเสียงสุดอารมณ์เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยโดนตำรวจจับเพราะไม่มีบัตรแสดงความเป็นเจ้าของรถคันนั้น คือตำรวจพยายามปรับเงินให้ได้ด้วยข้อหาใดข้อหาหนึ่ง จนต้นทนไม่ค่อยได้เวลาพูดถึงตำรวจ
โปรดตามติดอ่านตอนต่อไป....