Skip to main content

อยากมีเครดิต

คอลัมน์/ชุมชน





































แม้จะมีนักวิชาการและใคร ๆ ออกมาปรามกันอยู่เสมอว่า การปล่อยให้มีการออกบัตรเครดิตแบบง่ายเกินไปจะทำให้คนเป็นหนี้สินกันมากขึ้น และมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นหนี้เสีย เพราะจ่ายกันเพลินจนเกินเลยความสามารถที่จะใช้คืน ดังมีกรณีฟ้องร้อง ข่มขู่ให้ใช้หนี้ แม้กระทั่งบางคนคิดฆ่าตัวตายเพราะไม่มีเงินใช้หนี้ แถมไม่พอได้รับความอับอายในที่ทำงาน เมื่อบริษัทรับทวงหนี้ที่บริษัทบัตรเครดิตของธนาคารต่าง ๆ จ้างให้ทำการทวงหนี้ ซึ่งมักใช้วิธีการข่มขู่ ประจาน โดยการส่งแฟกซ์ทวงหนี้ไปที่ที่ทำงานของลูกหนี้ทีละ 10-20 แผ่น ทำให้บางคนต้องลาออกจากงาน หรือถูกเจ้านายเรียกไปบังคับให้หักเงินเดือนใช้หนี้ เป็นกรณีให้เห็นกันเป็นประจำ เป็นหนี้ที่ก่อเองแล้วไม่พอยังตกงานอีก อย่างนี้จะเอาอะไรไปใช้หนี้กันได้

 

ใคร ๆ ก็อยากมีบัตรเครดิต เพราะรายได้ไม่สูงแต่มีสิ่งล่อใจให้ต้องซื้อจำนวนมากทั้งสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิต เช่น บ้าน การศึกษา และสิ่งไม่จำเป็นมากนัก เช่น รถ เครื่องเสียง เครื่องสำอาง เสื้อผ้าหรู การกินดื่ม และเมื่อเป็นหนี้มาก ๆ แล้วก็ไม่ค่อยเบี้ยวหนี้เท่าไร เพราะกลัวเสียหน้า กลัวเสียเครดิต พยายามผ่อนใช้คืนมากบ้างน้อยบ้างตามแต่ละบริษัทบัตรเครดิตจะผ่อนผันให้ เช่น จ่ายขั้นต่ำ 500 บาทต่อเดือน ที่เหลือเขาก็คิดค่าดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม รวม ๆ แล้วแพงพอ ๆ กับการกู้นอกระบบ แต่ดูดี โก้มากกว่า เมื่อใช้บัตรเครดิต แล้วได้เซ็นชื่อ หรูเริ่ดทีเดียว

 

ดังนั้นพวกบริษัทบัตรเครดิตทั้งหลายจึงค้นหาวิธีการโฆษณาประชาสัมพันธ์กันสุดฤทธิ์ เพื่อให้คนมาขอใช้บัตร ทั้งดึงดูดทางตรง ทางอ้อม สังเกตดีดี สองสามเดือนที่ผ่านมาคนที่มีเงินเดือนประจำ คนที่มีบัญชีเงินฝากซึ่งอาจเป็นบัญชีเงินเดือน จะได้รับทั้งจดหมายและโทรศัพท์ตรงเชิญชวนให้ทำบัตรเครดิตกันมากขึ้น มีสิ่งล่อใจคือของแถมที่มักจะไม่มีขายในท้องตลาด หรือการยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้า ตลอดจนยกเว้นค่าธรรมเนียมตลอดไป อย่างนี้คนพอมีเงินเดือนบ้างก็เคลิ้มและสมัครกันจ้าละหวั่น

 

ถามว่าผิดไหมที่บริษัทเหล่านี้ดำเนินการ แน่นอนย่อมไม่ผิดและตรงตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่จะมีการตรวจสอบกันอย่างเข้มงวดหรือไม่นั้นไม่แน่ หรือมีช่องว่างอะไรให้ทำได้บ้าง เพราะจะเห็นว่าคนที่มีเงินเดือนแน่นอนในแต่ละเดือน แต่สามารถมีบัตรเครดิตได้หลายแบบ หลายยี่ห้อ บางคนมีมากกว่า 5 ใบ ทั้งบัตรเครดิตยี่ห้อดังที่ออกโดยมีธนาคารกำกับ และบัตรเครดิตซื้อสินค้าผ่อนอีกหลายยี่ห้อ ซึ่งหากใช้กันเพลินย่อมเป็นหนี้สูงกว่ารายรับหลายเท่าตัว คนเรามีความอยาก มีความต้องการ หากหลวมตัวมีบัตรหลาย ๆ บัตร แล้วใช้ก่อนผ่อนทีหลังยิ่งทำให้ใช้จ่ายกันอย่างลืมตัว กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนมีใบทวงหนี้แบบโหด ๆ นั่นแหละ

 

หากจะให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานของสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน คือ อาหารพอเพียง เครื่องนุ่มห่มพอเหมาะ ที่พักอาศัยพออยู่ มียามีระบบดูแลรักษาฟรีเมื่อเจ็บป่วย รัฐมีหน้าที่ต้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะนี่คือภารกิจสำคัญของรัฐคือบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน เพราะรัฐได้ทำสัญญากับประชาชนไว้ว่าหากให้มีอำนาจปกครอง ก็จะต้องอำนวยความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนด้วย และทำหน้าที่ออกกฎกติกามารยาทในการอยู่ร่วมกัน ตลอดจนควบคุมดูแลกฎนั้น ๆ ด้วย ทั้งนี้ประชาชนเองก็ต้องได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน และขณะเดียวกันก็ยังต้องคอยตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐด้วย ไม่ใช่เลือกแล้วเลือกเลย ไม่งั้นรัฐจะลืมตัว

 

รัฐต้องทำหน้าที่ออกบัตรเครดิตให้ประชาชนบนพื้นฐานความเท่าเทียมกัน และความสามารถในการร่วมจ่าย โดยไม่มุ่งหวังกำไรจากดอกเบี้ยต่าง ๆ เพราะได้เงินจากภาษีมากมายแล้ว การจัดหาที่พักอาศัยราคาถูกให้ประชาชน จะให้ผ่อนซื้อระยะยาว หรือเช่าอยู่ระยะยาวก็ได้ ดอกเบี้ยต่ำและรับประกันให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงการผ่อนด้วย

 

หากใช้วิธีคิดแบบการออกบัตรเครดิตของเอกชน ย่อมต้องโชว์ว่ามีเงินเดือนประจำ มีสลิปเงินเดือน ซึ่งคนรับจ้างรายวันย่อมหมดสิทธิแน่ ๆ ชาตินี้หรือชาติไหน ๆ ก็คงหาบ้านอยู่ไม่ได้ รัฐบาลต้องรับรองให้คนเหล่านี้ หากเขาไม่มีกำลังผ่อน ก็ให้เช่าราคาถูก อยู่ใกล้สถานที่ทำงาน อยู่ได้ระยะยาวเหมือนที่รัฐให้สวัสดิการกับข้าราชการนั่นแหละ หรือการออกบัตรเครดิตเพื่อรักษาพยาบาลให้กับประชาชน ก็เป็นหลักประกันว่าเมื่อป่วยก็ไปรักษาได้เลย เป็นเครดิตของประชาชน ไม่ใช่เป็นการสงเคราะห์จากรัฐ ต้องเปลี่ยนจากบัตร 30 บาทเป็นบัตรเครดิตเพื่อการรักษา เพื่อหมอ พยาบาล จะได้ไม่ลืมตัวว่ากำลังให้บริการคนที่มีชีวิตจิตใจ อาจจะจนหรือรวยก็ได้ แต่ควรได้รับบริการที่เท่าเทียมกัน และไม่ดูถูกกันเพราะทุกคนมีบัตรเครดิตเหมือนกัน

 

ใคร ๆ ก็อยากมีเครดิต เพื่อให้ได้รับการยอมรับ สำหรับบัตรเครดิตที่ออกโดยเอกชนนั้น รัฐต้องควบคุมให้ดี อย่าปล่อยให้ทำกันจนก่อให้เกิดการเป็นหนี้มหาศาล ทำให้คนเครียดมากขึ้น สุขภาพตัวเองและสุขภาพชุมชนจะเสื่อมลงไป

 

ขณะเดียวกันรัฐก็ต้องสร้างเครดิตให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณภาพดี สุขภาวะดี อย่างเท่าเทียมกันด้วย