Skip to main content

กินอะไรดี

คอลัมน์/ชุมชน

กินอะไรก็ได้ขอให้มีกินครบมื้อก็แล้วกัน เห็นโฆษณาของกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง " ผักครึ่งหนึ่ง อย่างอื่นครึ่งหนึ่ง " โดยเอาคนหลายอาชีพมาแสดง ที่เป็นไฮไลท์คือ ท่านรัฐมนตรีสาธารณสุขมายืนยิ้ม เบื้องหน้าเป็นโต๊ะอาหาร ซึ่งมีของกินวางไว้มากมายเกินกว่าคน ๆ เดียวจะกินหมดในมื้อนั้น ๆ แล้วกรีดนิ้วชี้ว่า " ผักครึ่งหนึ่ง อย่างอื่นครึ่งหนึ่ง จะได้ลดอัตราการเป็นมะเร็งได้ "


แน่นอนปัจจุบันสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยและคนในโลกนี้ อันดับต้น ๆ มาจากการเป็นมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลในร่างกายที่เดิมเป็นเซลดี แต่ที่สุดไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ได้รับการกระตุ้นหรือยุยงจากอะไรไม่ทราบได้ ทำให้กลายเป็นเซลร้าย เที่ยวทำลายอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย จนทำให้เสียชีวิตได้


ส่วนหนึ่งพบว่าน่าจะเนื่องมาจากอาหารการกินของคนเราเองนั่นแหละ ที่กินเนื้อ กินนมมากขึ้น กินผักน้อยลง หรือกินผักมีสารพิษมากขึ้น เลยอาจเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งได้ แต่ดิฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าใช่สาเหตุทั้งหมดหรือเปล่า เพราะเห็นคนจน ๆ ชาวบ้านจน ๆ ที่ไม่ได้กินหมูกินเนื้อกันเป็นประจำ ก็เป็นมะเร็งกันออกเยอะไป โดยเฉพาะพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์บนดอย ที่ถูกนำมาอยู่ในโฆษณาชิ้นนี้ด้วย (ขายการพูดไม่ชัดของเขาให้ดูตลก)


เพราะจากประสบการณ์ของดิฉันที่คลุกคลีกับพี่น้องเหล่านี้มานานพอควร ได้นั่งกินข้าวร่วมสำรับกับเขามาก็หลายครั้ง โอกาสที่จะได้กินหมู กินเนื้อนั้น น้อยมาก ปี ๆ หนึ่งก็จะล้มหมู ล้มวัว กินกันในงานเทศกาล แบ่งกันกิน หรือเมื่อออกป่าแล้วสบโอกาสเจอเก้ง กวาง ก็ถือเป็นลาภปากของคนทั้งหมู่บ้าน เพราะเขาจะเอามาแบ่งปันกันกิน หรือเมื่อมีโอกาสเข้าเมืองไปขายผลผลิต หรือลูกหลานที่ไปทำงานในเมือง สิ่งที่จะแวะซื้อกันจากตลาดที่เป็นคิวรถเข้าหมู่บ้านก็คือ ซื้อหมู หรือเนื้อ สักกิโล ครึ่งกิโล กลับไปทำกินที่บ้าน ส่วนผักที่กินในครอบครัวก็มาจากในสวน ในไร่ ผักพื้นบ้าน ผักจากป่า กินเป็นอาหารประจำมื้อ แล้วชาวบ้านยังเป็นมะเร็งบ้าง เอ มันจะเนื่องมาจากอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่า เราคงต้องมาตรวจสอบกันต่อ ๆ ไป ดิฉันเองก็สงสัย และจะหาทางไปสืบค้นมาคุย มาเล่าสู่กันฟังต่อไปนะคะ


คราวนี้อยากพูดเรื่องโฆษณาชิ้นนี้ก่อน ว่าต้องการสื่อสารให้ใครกันแน่ ดิฉันว่าน่าจะเป็นคนที่กินเนื้อเป็นประจำ ซึ่งรวมตัวดิฉันไว้ด้วย มันอดไม่ได้จริง ๆ เวลาเห็นข้าวเหนียวหมูปิ้งร้อน ๆ หรือเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวที่กลิ่นหอมชวนกิน แม้แต่เวลากินไข่เจียวยังต้องไข่เจียวหมูสับเลย ซึ่งน่าจะเป็นเรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายนี่แหละที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของงานโฆษณาชิ้นนี้ของกระทรวงสาธารณสุข


ถามจริงเมื่อคุณเห็นเขาบอกอย่างนี้แล้วจะทำตามได้มากแค่ไหน แล้วการกินเนื้อสัตว์ มันทำให้เป็นมะเร็งได้จริง ๆ เหรอ หากสืบค้นไปก็น่าจะมีแหล่งข้อมูลยืนยันได้อยู่ เช่น คนที่กินเนื้อมากกว่าอีกคนมีแนวโน้มเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่า เพราะย่อยยาก มีสารพิษตกค้าง เป็นต้น ขณะเดียวกันการกินผักในปัจจุบันก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าปลอดภัย เพราะอาจเป็นผักที่มีสารเคมีเพียบ ตั้งแต่การใช้ปุ๋ย การใช้ฮอร์โมนเร่ง การใช้ยาฆ่าแมลง การใช้สารกันบูดกันเน่าชุบ ก่อนใส่ถุงพลาสติกส่งขายให้พวกเรา อย่างนี้จะเป็นประโยชน์และลดมะเร็งได้หรือเปล่าไม่แน่ใจนะคะ ยิ่งตอนนี้มีผัก ผลไม้ ราคาถูกจากประเทศจีนเข้ามาขายจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้รับการตรวจสอบสารพิษตกค้างกันอย่างเต็มที่ ทะลักเข้ามาตามด่านต่าง ๆ ตามแนวชายแดน ทำให้คนที่ต้องการหลีกหนีเนื้อสัตว์ไปซื้อกิน จะยิ่งเป็นโทษมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ


ทำไมราคามันถูก และมีเข้ามามากตอนนี้ ก็เพราะไทยกับจีนตกลงเขตการค้าเสรีกันเมื่อปลายปี 46 ที่ผ่านมานี่แหละ มีการลดภาษีสินค้าผัก ผลไม้กันเอิกเกริก แต่ไม่มีระบบควบคุมความปลอดภัยให้คนไทย ดังนั้น การโฆษณาชิ้นนี้ของกระทรวงสาธารณสุข จะสูญเปล่าหรือไม่ เห็นออกอากาศทุกวันในทีวี ซึ่งค่าโฆษณาต่อวินาที ต่อนาที แพงโคตรแพง


การดูแลคุณภาพชีวิตคนไทยเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมองกว้างและครอบคลุม และต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย ไม่มีใครเด่น ใครแน่กว่าใคร และไม่ใช่การทำงานเป็นชิ้น ๆ ที่ผ่านมาเห็นกระทรวงสาธารณสุขโฆษณาทีละเรื่อง ตั้งแต่ ไล่จับเขียงหมูที่ขายหมูใส่สารเร่งเนื้อแดง มาจนถึงการล้างตลาด แล้วก็ผักครึ่งหนึ่ง ทำทั้งทีน่าจะทำแบบครอบคลุม และจากการมีส่วนร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่คงมีข้าราชการออกมาแย้งว่า ยากที่จะทำงานร่วมกันระหว่างต่างกรม กอง ต่างกระทรวง เพราะต่างคนต่างใหญ่ ต่างมีวิสัยทัศน์ ต่างมีงบของตนเอง จะร่วมมือกันยาก ซึ่งก็ใช่ แต่อยากให้มองไปยังภาคส่วนอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะภาคประชาชน


อย่ามองว่าประชาชนเป็นแค่ผู้รับข้อมูลข่าวสารจากทางราชการและทำตามก็พอ แต่ควรให้ประชาชนเป็นผู้ร่วมวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น และร่วมเสนอทางออกทางเลือกในการแก้ปัญหานั้น ๆ เพื่อจะได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับความเป็นจริง และประชาชนก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องตัวเองจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องถูกเตือนถูกสั่งสอนโดยราชการอย่างเดียว คนที่ชอบกินเนื้อสัตว์ก็อาจเปลี่ยนไปกินผัก (ปลอดสารพิษ) ได้เหมือนกัน แต่แล้วจะหาผักปลอดสารพิษจริง ๆ กินได้จากไหนล่ะ ช่วยกันค้นหาหน่อย หากอยู่ที่หมู่บ้านก็กินผักป่า ผักปลูกเองในไร่ในสวน แล้วคนในเมืองมนุษย์เงินเดือนจะหาจากไหน


สงสัยคราวหน้า คงต้องคุยเรื่องนี้กันต่อแล้วกันนะ