Skip to main content

เมืองสายรุ้ง (9)

สายรุ้งตื่นขึ้นมาตอนตี 4 เขารู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ผิวกายร้อนรุ่มราวกับนอนอยู่ข้างกองไฟ เขาเอามือคลำหน้าผากตนเองและรู้ว่าตนเองเป็นไข้ คงเป็นเพราะเขาตากแดดกับเจ้าเด่นเมื่อสองวันก่อนนั่นเองที่ทำให้เขาป่วยแบบนี้ หรือไม่ก็คงเป็นเพราะฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรซึ่งมีรถบรรทุกดินลูกรังวิ่งเข้า-ออกเป็นร้อยเที่ยว หมอเคยบอกว่าเขาแพ้ฝุ่นและต้องอยู่ให้ห่าง แต่เขาจะอยู่ห่างได้อย่างไรในเมื่อหมู่บ้านจัดสรรอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขาและถนนที่รถบรรทุกวิ่งผ่านก็อยู่หน้าบ้านของเขาเอง

คืนนี้แม่ไม่ได้นอนกับเขา แม่ต้องทำงานดึกดื่นและกลัวว่าจะรบกวนการนอนของเขา แม่จึงนอนที่ห้องของแม่ สายรุ้งคิดว่าเขาจะบอกแม่ในตอนเช้าว่าเขาไม่สบาย แม่จะได้พาเขาไปหาหมอ


สายรุ้งพยายามข่มตาให้หลับ แต่แล้วเขาก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที เขาห่มผ้าและขดตัวด้วยความหนาว เขาคิดว่าลมหายใจอาจทำให้อุ่นขึ้น เขาจึงหายใจออกแรง ๆ ภายใต้ผ้าห่ม แต่มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เขาสั่นสะท้าน เขานึกถึงลูกหมาที่เขาเคยอาบน้ำให้ มันคงหนาวอย่างที่เขารู้สึกหนาวอยู่ในตอนนี้


ปากเขาสั่นจนฟันกระทบกัน พอพลิกตัวเขาก็รู้สึกปวดเมื่อย ตรงสะเอว ตรงแผ่นหลัง เมื่อยอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่ใช่คนแก่ และเขาก็ไม่ได้ทำงานหนักเสียหน่อยทำไมจึงรู้สึกปวดเมื่อยมากขนาดนี้


แล้วน้ำตาเขาก็ไหลออกมา ความร้อนจากดวงตาทำให้น้ำตาเขาไหล เขาเจ็บปวดมากทีเดียว ทั้งปวดหัวและปวดเนื้อตัวเพราะความเมื่อย แต่นี่ยังไม่เช้าเลย เขาไม่อยากรบกวนแม่ซึ่งเข้านอนตอนดึก


แต่เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาทั้งหนาวจนตัวสั่นและร้อนผะผ่าวจนคอแห้งและเมื่อยไปทั้งตัว


"แม่!" เขาเรียกแม่ที่นอนอยู่ในห้องติดกัน
"มีอะไรลูก!" แม่คุ้นเคยกับเสียงเรียกยามดึกของสายรุ้งเพราะเขามักฝันร้ายและตะโกนเรียกแม่อยู่เสมอ อันที่จริงแม่นอนหลับไม่สนิทเพราะกังวลห่วงใยต่อสายรุ้ง บางทีแม้แต่สายรุ้งพลิกตัว แม่ก็ยังได้ยิน
"ผมรู้สึกไม่สบาย!"


แม่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เปิดไฟ และเข้ามาหาเขา สายรุ้งอยู่ในสภาพอิดโรย ใบหน้าซีดเซียวโผล่ออกมาพ้นผ้าห่ม


"แย่จัง! ลูกตัวร้อนมากเลย" แม่พูดหลังจากเอามือทาบหน้าผากสายรุ้ง
"ผมรู้สึกเมื่อยด้วยครับแม่"
"
เดี๋ยวแม่จะเอาแก้ปวดให้กินก่อน แล้วไปหาหมอกัน คงรอตอนเช้าไม่ไหวแน่"


แม่เปลี่ยนชุดแต่งกายอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมที่จะนำบัตรประจำตัวโรงพยาบาลของสายรุ้งไปด้วย


แม่ขับรถพาสายรุ้งไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด อันที่จริงคลินิกที่อยู่ใกล้บ้านก็มีหมอที่เก่งและรู้จักกันดีกับครอบครัวของสายรุ้ง แต่ตอนตีสี่คลินิกที่ว่านี้ยังไม่เปิด ครั้นจะไปเรียกก็ดูจะรบกวนเกินไป


ถนนยามดึก แทบไม่มีรถราวิ่งผ่าน ท้องทุ่งสงบเงียบอยู่ใต้แสงจันทร์ แต่ไม่ช้าไม่นานท้องทุ่งที่เห็นอยู่นี้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา ไม่มีอะไรจะต้านทานความเปลี่ยนแปลงไปได้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม


"ใช่ ไม่มีอะไรจะหยุดความเปลี่ยนแปลงได้" ผู้เป็นแม่คิดในใจ
"แม่ไม่ต้องขับรถเร็วก็ได้ครับ" สายรุ้งบอก


"ลูกรู้สึกปวดเมื่อยตั้งแต่เมื่อไหร่"
"
สองวันได้แล้วครับแม่ แต่ผมคิดว่าเป็นเพราะผมปีนต้นไม้" สายรุ้งซุกซนเฉกเช่นเด็กทั่วไป เขาชอบปีนขึ้น ปีนลงต้นไม้


"ลูกน่าจะบอกแม่ทันที"
"
ครับ"

"
สงสัยจะเป็นไข้หวัดใหญ่ ช่วงนี้กำลังระบาด"


สายรุ้งไม่ต้องรอนาน เพราะโรงพยาบาลเอกชนให้บริการอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนโรงพยาบาลของรัฐซึ่งต้องรอตั้งแต่เช้าเพื่อได้พบหมอเพียงสองนาทีในตอนบ่าย หลังจากพบหมอสองนาทีแล้วก็ยังต้องรอรับยาอีกเป็นชั่วโมง


หลังจากคุณหมอตรวจและสอบถามอาการสายรุ้งแล้ว ก็บอกว่า
"ลูกคุณเป็นไข้หวัดใหญ่นะ หมอจะจัดยาให้ พักผ่อนสักสองวันก็จะดีขึ้น ระวังอย่าให้โดนฝนและหลีกเลี่ยงฝุ่น"


แม่คลายความกังวลใจลงได้บ้างที่สายรุ้งไม่เป็นอะไรมาก แต่แค่นี้แม่ก็เห็นแล้วว่าสายรุ้งเจ็บปวดไม่น้อยเลย
"ทำไมเด่นไม่เห็นเป็นอะไรเลยแม่" สายรุ้งถามขณะนั่งรถกลับ "ทั้งที่เขาโดนแดด และไปไหนมาไหนเหมือนกับผม"
"
ร่างกายของคนเราไม่เหมือนกันลูก" แม่ตอบ

"ร่างกายผมอ่อนแอกว่าเด่นหรือครับ"
"
ไม่ใช่หรอก เพียงแต่ร่างกายตอบสนองต่ออากาศ ต่อฝุ่น ต่อเชื้อโรคไม่เหมือนกัน" แม่ตอบ

"ทำไมไม่เหมือนกัน" สายรุ้งถามต่อ
"ก็เพราะคนเราไม่เหมือนกันนะสิ" แม่ตอบ รู้สึกขำกับคำตอบของตัวเอง.