มองโลกจากด้านใน มองสังคมไทยจากชนบท
คอลัมน์/ชุมชน
หลุมขยะหลุมนี้ กลายเป็นแหล่งน้ำเน่าถาวร
ฉันมักจะหยุดรถจักรยาน ลงไปยืนไว้อาลัยทุกครั้งที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้อยู่เขตชุมชน แต่มันก็บ่มเพาะความน่ากลัวเอาไว้ พร้อมเผยโฉมอันน่าเกลียดได้ทุกเมื่อ
แต่อีกมุมมองหนึ่ง...มันเป็นหลุมที่มีประโยชน์ในการปัดสวะ (ขยะ) ให้พ้นไปจากบริเวณบ้านของคนหลายคนจากชุมชน (กึ่งชนบท) เพราะโครงการกำจัดขยะโดย อบต. ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งที่พยายามผลักดันมาหลายปี ด้วยอุปสรรคหลายประการ
ทั้งเรื่องงบประมาณ เรื่องการเมืองภายใน รวมทั้งสำนึกต่อความเดือดร้อนของตนเองที่ไม่ต้องการให้กองขยะมาอยู่ใกล้ๆ บ้านตน การเจรจาซื้อขายที่ดินเพื่อทำโครงการกำจัดขยะจึงถูกต่อต้านโดยชาวบ้านละแวกนั้น
แต่อีกฝ่ายที่ต้องการทิ้งขยะ ไม่สนใจว่าการจัดการขยะจะถูกวิธีหรือไม่ คิดแค่ว่าที่หน้าบ้านตัวเองต้องไม่มีขยะก็เป็นพอ
ในที่ประชุมหมู่บ้าน น้าพรขยันนำเสนอทุกครั้งเรื่องการกำจัดขยะ ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มรับคำทุกคราวไป แต่ยังไม่วายบอกว่า เรื่องนี้เป็นงานของ อบต.
ฉันจึงเสนอนอกรอบว่า "ทำเตาเผาขยะแบบประหยัดและถูกสุขลักษณะ" ใช้กันดีกว่า น้าพรรับปากแบบดีใจ เอาสิ เอาด้วย เอาไงเอากัน ต่อไปไม่พูดไม่เสนออะไรแล้ว เสนอไปก็ไม่เห็นจะได้สักที น้ำเสียงที่บ่น บอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ ฉันจึงปลอบแกไปว่า ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่เขาคิดว่าสำคัญกว่าเรื่องขยะก็ได้ แกจึงเงียบอย่างจำยอม
ตอนนี้...วาระของ อบต.ก็หมดลง ตอนนี้การหาเสียงกำลังคึกคัก ฉันนิ่งฟังว่ามีใครพูดเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมในเชิงอนุรักษ์บ้าง
ทั้งเรื่องถนนขึ้นเขาเหมน ที่อาจจะพังครืนลงมาในวันฝนตก เรื่องเขื่อน"คลองหอยโข่ง" ที่อยู่ด้านหลัง"เขาเหมน" จ่อคิวรอให้นายก อบต.คนใหม่เห็นชอบ
ทั้งที่ในพื้นที่ เรามีฝายน้ำล้น "คลองรังเกียจ" แล้วหนึ่งฝาย ตั้งอวดโฉมประกาศความไร้ประโยชน์ในการเกษตรอย่างสิ้นเชิง เมื่อมาถึงคราวโครงการฝายน้ำล้น "คลองหอยโข่ง" ชาวบ้านหลายหมู่บ้าน จึงไม่เห็นด้วยเพราะได้บทเรียนความไร้ประโยชน์จากฝายแรก แต่ที่มากกว่านั้นคือความกังขาว่า "คลองส่งน้ำที่ยาวไปถึงอำเภอนาบอน" ส่งไปให้ใคร ถ้าไม่ใช่โรงงาน "ยางพารา" สองโรงใหญ่
น้ำที่ถูกกักแล้วผลักให้ไหลไปทางอื่น ขณะที่ฤดูแล้งชาวบ้านต้องการน้ำมารดสวนผลไม้มากที่สุด เช่นกัน ถึงเวลานั้นใครจะรับประกันว่าคนต้นน้ำจะไม่เดือดร้อน
โครงการนี้เห็นชัดเจนว่าชุมชนไม่ได้ผลประโยชน์ มีแต่เสียผลประโยชน์
ฉะนั้น การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ที่มีผลประโยชน์โยงใยมาจากข้างบน ต่อให้มีคนที่เป็นที่รักที่ไว้วางใจของชาวบ้านได้รับคัดเลือกเข้าไป ก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้มาก
ฉันตั้งใจจะเลือกคนที่เห็นว่าการดูแลทรัพยากรท้องถิ่น เป็นเรื่องเร่งด่วน
แต่แล้ว....เขาคนนั้นก็ถูกกันออกไปจากเกมการเมือง เพราะศาลตัดสินว่า "คอรัปชั่น" ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ในตำแหน่งนายก อบต. เมื่อสมัยที่ผ่านมา ตำแหน่งนายก อบต. จึงเป็นตำแหน่งที่ต้องช่วงชิงการครอบครอง ทุกกลวิธี
โครงการกำจัดขยะมูลฝอย มูลค่าหลายค่าหลายล้านบาท ที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะมีฝ่ายค้าน ฝ่ายต่อต้านเรื่องมลพิษของขยะ จนไม่สามารถหาซื้อที่ดินเพื่อจัดสร้างโรงกำจัดขยะได้ เรื่องนี้ไม่มีคนผิด เพราะการจัดการขยะ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกต่อไปแล้วแม้แต่ในสังคมชนบท
หลุมขยะหลุมนั้นจึงรองรับขยะอย่างไม่ถูกต้อง ทั้งวิธีการและสิทธิ
มันเป็นหลุมขนาดใหญ่ เนื้อที่สามสี่ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ขององค์การสวนยางนาบอน ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจขึ้นต่อกระทรวงเกษตร ฯ ที่ปากหลุม เคยมีป้ายประกาศว่า ห้ามทิ้งขยะโดดเด็ดขาด แต่คนที่เดือดร้อนในเรื่องขยะ ต้องแอบมาทิ้งอยู่ดี โชคดีว่าหลุมนี้อยู่ห่างชุมชนรอบด้านประมาณ 3 กิโลเมตร และอยู่ติดถนนใหญ่ที่รถราสามารถเข้าถึงได้ การมาทิ้งขยะคราวละไม่มาก จึงพอแอบทำกันได้
เมื่อราวห้าปีมาแล้ว เคยมีการห้ามอย่างจริงจัง เพราะมีคนพบซากวัวที่ถูกเฉือนเอาเนื้อส่วนสำคัญไป คาดว่ามาจากการโจรกรรมวัว เป็นที่หวั่นเกรงว่าต่อไปอาจเป็นคน เพราะสภาพหลุมนับวันจะกลายเป็นน้ำเน่าลึก
ทีนี้...เรื่องโครงการสร้างถนนเพื่อการท่องเที่ยวขึ้นเขาเหมน หรือโครงการสร้างฝายน้ำล้น อบต.ฝ่ายที่คัดค้านได้ถูกกำจัดให้พ้นทางไปแล้ว กลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านต้องตั้งหลักใหม่ รอดูว่า อบต.ใหม่จะเอาอย่างไร
คงไม่ต้องสงสัย ในเมื่อพรรคที่ต้องการให้สร้างฝาย ส่งคนของตัวเองมาแล้ว แม้จะเป็นลูกหลานชาวบ้าน แต่ถูกดูแลโดยพรรค ทิศทางการเมืองท้องถิ่นจะไปทางไหนได้เล่า ถ้าไม่ตอบสนองพรรคหรือคนจากพรรค
ไม่ว่าจะเป็นพรรคเทพหรือพรรคมาร ถ้าสมาชิกในพรรค มีวิธีคิดแบบมาร มันก็มารกันทั้งนั้นแหละ และตราบใดที่คนในชุมชนไม่ยอมลุกขึ้นมาจัดการกับปัญหาของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องการกำจัดขยะ มัวเฝ้าแต่รอ อบต.มาจัดการให้ รอและรอ...และรอ
ป่านนั้น น้ำสะอาดจากภูเขาคงถูกถ่ายไปให้โรงงานหมดแล้ว ส่วนขยะยังคงปลิวว่อนเกลื่อนบ้านหมู่บ้าน ไว้ประจานตัวเอง