Skip to main content

กระทรวงที่ท้าทายความสามารถของรัฐมนตรี

คอลัมน์/ชุมชน

การติดตามข่าวเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายหลังการเลือกตั้งปี พ.ศ.2547 มุ่งเน้นไปที่กระทรวงด้านเศรษฐกิจ การเงินการคลัง การปกครอง เพื่อควบคุมอำนาจการสั่งการต่าง ๆ นอกจากนั้นก็มุ่งเน้นไปที่กระทรวงที่มีการใช้จ่ายเงินสูง มีการลงทุนสูง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม


ส่วนกระทรวงที่ไม่ค่อยอยู่ในสายตาของสื่อ แต่ประชาชนน่าจะติดตามและทวงถามวิสัยทัศน์ของท่านผู้นำว่าจะเลือกใครเป็นรัฐมนตรี คือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา ซึ่งสองกระทรวงหลังนี้ได้ยินมาว่าอาจจะมีการยุบ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เห็นผลงานที่โดดเด่น


ดิฉันเห็นด้วยอย่างมากว่า ที่ผ่านมาผลงานของกระทรวงทั้งสองไม่มีความก้าวหน้า ย่ำเท้าอยู่กับที่ด้วยวิธีคิดและการทำงานแบบเดิมๆ ทั้งนี้ ต้องโทษผู้นำว่าเอาคนไม่มีฝีมือมากพอไปรับผิดชอบ รวมทั้งวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นเอาประเทศไทยไปอยู่แนวหน้าในระดับนานาชาติ แต่ไม่ส่งเสริมคนในประเทศให้มีความมั่นคงในชีวิต ไม่มีหลักประกันใดใดสำหรับคนจนที่จะได้รับโอกาสเรียนฟรีจริง รักษาฟรีจริง และเมื่อยามชราก็ได้รับการสนับสนุนจากรัฐให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ไม่ต้องรอคอยลูกหลานเลี้ยงเพียงอย่างเดียว


สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่เอาจริงเรื่องคุณภาพชีวิตคน คือการจัดสรรงบประมาณที่ไม่มากพอให้กระทรวงเหล่านี้ รวมทั้งไม่มีโครงการใหญ่ ๆ ที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ เช่น ศูนย์กลางการดูแลรักษา (เมดิคอลฮับ) ศูนย์กลางการบิน ที่รัฐบาลกระโดดมาเป็นเจ้าภาพหลักและให้กระทรวงเป็นกลไกการทำงาน พร้อมทั้งทุ่มงบประมาณมหาศาล


รัฐบาลน่าจะมีโครงการประเภท ประเทศไทยคือประเทศที่คนมีความมั่นคงและปลอดภัยสูงสุด ประเทศไทยคือศูนย์กลางด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ประเทศไทยคือประเทศที่มีแหล่งนันทนาการด้านกีฬาและการท่องเที่ยวที่ไม่ทำลายวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมสำหรับประชาชน เหล่านี้คือ สิ่งที่กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการกีฬาและการท่องเที่ยวเป็นเจ้าภาพในการดำเนินงาน ต้องมีรัฐมนตรีที่มีวิสัยทัศน์ มีความกล้าหาญที่จะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของกระทรวง ปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการ


โครงการใหญ่ ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพลเมืองไทยมีโอกาสได้แสดงออกซึ่งจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ เพื่อก่อให้เกิดพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจที่เหมาะสม มีสถานที่ มีการสร้างสรรค์กิจกรรมนันทนาการที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ไม่ใช่มีแต่การจัดแข่งขันกีฬาเยาวชน กีฬาแห่งชาติเท่านั้น เพราะมีนักกีฬาจำนวนไม่มากที่เข้าร่วมกระบวนการเหล่านี้ และทำให้มีความคิดผิด ๆ ว่ากีฬาคือเรื่องของนักกีฬาและการแข่งขันเท่านั้น แต่กีฬาและกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ ควรเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมได้ตลอดเวลา ทุกช่วงอายุ การจัดหาพื้นที่ การจัดกิจกรรมนันทนาการของชุมชน การฟื้นฟูกิจกรรมท้องถิ่น โดยชุมชน


ทั้งนี้อย่าหลงทางว่าเป็นการฟื้นฟูเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อนักท่องเที่ยวต่างถิ่น เพราะนอกจากทำให้ชุมชนไม่มีพัฒนาการด้านคุณภาพชีวิตของตนเอง และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนแต่ละรุ่นในชุมชนด้วยกันเองแล้ว กลับกลายเป็นว่านักท่องเที่ยวมาทำให้กิจกรรมเหล่านี้สูญเสียเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนของตนเองไปด้วย เพราะเป็นการทำกิจกรรมเพื่อขายเท่านั้น


อยากเห็นคนเก่ง ๆ คนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล คนมีฝีมือแย่งกันมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงกีฬาและการท่องเที่ยว ตลอดถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเหล่านี้หากผนึกกำลังกัน สร้างแผนโครงการขนาดยักษ์ร่วมกันเฉกเช่นโครงการมหึมาสร้างสนามบินหนองงูเห่า น่าจะเป็นการนำพาประชาชนในชาติให้มีหูตากว้างไกล มีความคิดสร้างสรรค์ มีความมั่นคงปลอดภัยในการดำรงชีวิต เห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ร่วมกัน


ทั้งนี้ การดำเนินโครงการขนาดใหญ่ร่วมกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องให้กระทรวงเป็นเจ้าภาพคนเดียวในการจัดหางบประมาณ วางแผน และสั่งการจากส่วนกลาง ซึ่งนับว่าเป็นความคิดที่ผิดเพราะจะทำให้กระทรวงหลงทางไปพัฒนาขนาดของกระทรวงให้ใหญ่ขึ้น มีคนมากขึ้น มีกรม กองมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การมีแผนเดียวใช้ปฏิบัติร่วมกันทั้งประเทศ เหมือนการตัดรองเท้าขนาดเดียวแจกไปทั่วประเทศ ซึ่งย่อมขัดแย้งต่อแนวทางการบริหารงานของรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่มุ่งเน้นให้มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ให้ชุมชนจัดการดำเนินการกันเอง รัฐมีหน้าที่จัดสรรงบประมาณ และมอบหมายให้กระทรวงต่าง ๆ ทำหน้าที่เป็นกลไก สนับสนุนให้ท้องถิ่น ชุมชน ดำเนินงานโครงการด้วยตนเอง ทั้งนี้ โดยมีกระบวนการในการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน จัดทำแผนการเดินทางร่วมกัน เพื่อมุ่งไปสู่คุณภาพและศักยภาพของคนในชุมชนร่วมกัน


ที่สุดแล้วต้องคอยดูกันต่อไปว่า หน้าตารัฐบาลใหม่นี้จะออกมาอย่างไร ที่คิดที่เขียนมาทั้งหมด อาจเป็นเพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้นก็ได้ ขอแค่ให้สองกระทรวงนี้ไม่ถูกยุบก่อน แล้วประชาชนคงต้องเหนื่อยต่อไปที่จะกระตุ้นให้กระทรวงเหล่านี้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ หรือการถูกยุบก็อาจจะดีก็ได้จะได้ไม่รู้สึกขวางหูขวางตาต่อการทำงาน หากเหมือนเดิม ๆ ที่ผ่านมา 4 ปีของรัฐบาลชุดก่อน หวังว่าฝันจะเป็นจริงสักวัน