Skip to main content

เรื่องของกลิ่น

คอลัมน์/ชุมชน











































































ผู้เขียนได้รับเสียงสะท้อนจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในแวดวงของกลุ่มผู้หญิงที่สนับสนุนให้เขียนเรื่องราวของผู้หญิงให้ได้อ่านกันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเสียงเชียร์จากเพื่อนเพศผู้ … ที่สนใจใคร่รู้เรื่องของผู้หญิงชนิดที่หายใจรดต้นคอ แต่ก็นั่นแหละ เราไม่ได้ปฏิเสธเสียงสะท้อนจากผู้ชาย เพราะสิ่งที่พวกเราพูดคุยกันก็มักจะพาดพิงถึงพวกเขาอยู่เสมอ

 

ต้องขอชี้แจงกันสักนิดว่า ที่นี่เป็นพื้นที่ร่วมของเพื่อนหญิงทุกคนที่อยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พื้นที่นี้อาจอ่อนด้อยในด้านวิชาการ แต่พื้นที่นี้น่าเป็น ชุมชนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้หญิง รวมทั้งเพื่อนต่างเพศที่สนใจ ความน่าสนใจของมันอยู่ที่ ความสด ของความคิดจากกลุ่มผู้หญิงในงานเอดส์ได้พูดคุยร่วมกัน ชนิดที่ว่าแทบถลกหนังหัวคุยกันทีเดียว

 

เอาล่ะ …. มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เรื่องนี้ผู้เขียนหยิบมาขยายอธิบายเพิ่มเติมจากวงคุยเรื่องสุขภาพทางเพศของผู้หญิงเมื่อไม่นานมานี้เช่นเดียวกัน

 














" กลิ่น " ที่เราพูดถึงนี้ไม่ได้หมายถึงกลิ่นจากส่วนอื่น ๆ แต่หมายความถึงกลิ่นที่เกิดจากเครื่องเพศของผู้หญิง ( อย่าคิดไพล่เป็นเครื่องเทศเชียวนา ) หรือมีชื่อเล่นที่น่ารักว่า " จิ๋ม "
 
มีผู้หญิงหลายคนแสดงความกังวลและห่วงใยในกลิ่นจิ๋มของตนเอง ในฐานะที่จิ๋มเป็นช่องทางการไหลผ่านของประจำเดือน ตกขาว ระดู หรือให้กำเนิดชีวิต ผู้หญิงที่ใส่ใจกับความเปลี่ยนแปลง " กลิ่น " ของอวัยวะส่วนนี้ คอยสังเกตดูอาการ และพิสูจน์กลิ่นของจิ๋ม
ตัวเองจากกางเกงในหรือผ้าอนามัย หรือใครจะเอานิ้วป้ายขึ้นมาสูดดมก็แล้วแต่แม่เจ้าประคุณเถอะ ถ้ามีกลิ่นปกติก็สบายใจ แต่ถ้าวันไหนจิ๋มเกิดส่งกลิ่นทะแม่ง ๆ ขึ้นมา ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยถึงความผิดปกติในร่างกายหรือในอวัยวะสืบพันธุ์ของตัวเอง
 

แล้วกลิ่นจิ๋มปกติที่ไม่ใช่เวลาที่มันป่วยไข้หรือนอกเหนือจากมีประจำเดือน ลักษณะกลิ่นของมันเป็นอย่างไรหรือ

 

เพื่อน ๆ ผู้หญิงบางคนก็บอกว่า กลิ่นมันคล้ายกับดอกไม้ชนิดหนึ่ง ผู้เขียนก็จำไม่ได้ว่าเปรียบเทียบกับดอกอะไรสักอย่าง แต่ที่เห็นพ้องร่วมกันว่า เมื่อไหร่ที่จิ๋มส่งกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งขึ้นมาเหมือนไหปลาร้าแตกล่ะก็ …… คงหนักหนาสาหัสอยู่เอาการ อย่ากระนั้นเลย คนที่ช่วยให้ข้อมูลแยกแยะจำแนกกลิ่นออกมาได้ชัดที่สุด อย่ามองข้ามคนสำคัญคนนั้น คนที่มีคู่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคู่ของหญิงรักหญิง หรือหญิงรักชาย หากมีกิจกรรมทางเพศที่ได้ลิ้มลองรสชาติของจิ๋ม เขาจะบอกเราได้ถึงกลิ่นของจิ๋มเราว่ามันมีกลิ่นอย่างไร เผลอ ๆ ก็อาจได้ความรู้เรื่องรสชาติของจิ๋มเป็นของแถมอีกด้วย บางคนยังบอกละเอียดถึงกลิ่นและรสในช่วงก่อนหรือหลังมีประจำเดือนได้เข้าไปอีกนั่นเชียว พวกผู้ชายจะใช้วิธีการเดียวกันนี้ไปทดสอบกลิ่นของจู๋ตัวเองก็ได้นะ

 

อีกวิธีหนึ่งที่จะตรวจสอบความปกตินอกเหนือจากการพิสูจน์เรื่องกลิ่นแล้ว และยังทำได้ด้วยตัวเองก็คือ การใช้กระจกส่อง เพ่ง พินิจ พิเคราะห์ดูลักษณะจากภายนอก จะใช้ท่าไหนส่องก็แล้วแต่ หกคะเมน ตีลังกา ก้ม ๆ เงย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ขอให้มองเห็นจิ๋มตัวเองได้ถนัดชัดเจนเป็นพอ ดูได้หนำใจจากนั้นจะทำอะไรกับจิ๋มต่อก็สุดแล้วแต่

 
รายละเอียดพวกนี้เป็นสิ่งที่ผู้หญิงควรใส่ใจและสามารถดูแลด้วยตัวเองได้ แต่ที่ผ่านมาผู้หญิงหรือลูกสาวส่วนใหญ่มักถูกอบรมสั่งสอนจากแม่ ( หรือพ่อ ) ว่าอวัยวะเพศเป็นของสกปรก อย่าไปยุ่งหรือเล่นกับมัน จะด้วยเหตุผลที่ไม่อยากให้ลูกสาว ลูกชาย หมกมุ่นกับอวัยวะเพศของตัวเองจนกลายเป็นการสนใจเรื่องเพศและฝักใฝ่ในกิจกรรมทางเพศไปนู่นนนน …. พิโถ่ !
 

ใครจะไปรู้ว่า การค้นพบวิธีการช่วยตัวเองก็เริ่มต้นมาจากตรงนี้ ( ซึ่งผู้เขียนคิดว่ามันเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญ เพราะทำให้มนุษย์ทั้งหญิงและชายรู้จักอาการถึงจุดไคลแมกซ์ของตัวเอง ไม่เห็นว่ามันไม่ดีตรงไหน ) เด็กสาวหลายคนคงมีประสบการณ์ถูกแม่ใช้มือหรือไม้เรียวตี โทษฐานที่ใช้กระจกนั่งส่องดูจิ๋มหรือจับจู๋ของตนเองตอนเป็นเด็ก ส่งผลมาถึงตอนโตเป็นสาวหรือบางคนล่วงเลยวัยไปจนแก่เฒ่า ไม่กล้าแม้จะจับต้องสอดสายตายลโฉมจิ๋มของตัวเองว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร

 
ผลจากการเอาใจใส่กับอวัยวะส่วนนี้ของผู้หญิง ผู้เขียนเห็นด้วยว่าอย่างน้อยมันช่วยแก้ปัญหาจากจุดเล็ก ๆ ไม่ให้มันลุกลามจนยากเกินเยียวยารักษา หรือหากมันถึงขั้นนั้นจริง ๆ ความจำเป็นที่จะต้องไปพบสูตินรีแพทย์หรือที่เราเรียกกันคุ้นปากว่า หมอตรวจภายใน ซึ่งเป็นภาวะอารมณ์ที่อิหลักอิเหลื่อสำหรับผู้หญิงหลายคน โดยเฉพาะผู้หญิงโสดที่ต้องก้าวข้ามผ่านความเขินอายของตนเองเพื่อเปิดเผยอวัยวะส่วนนี้ให้คนแปลกหน้า ซึ่งไม่ใช่แค่มองในระยะเผาขนแต่ยังล้วงสอดส่องเข้าไปดูถึงข้างใน ยิ่งผู้หญิงที่มีประสบการณ์ไปพบหมอตรวจภายในส่วนใหญ่จะเจอหมอผู้ชายมากกว่าหมอผู้หญิง ( ผู้เขียนไม่อาจทราบได้ว่ามีเหตุผลอันใดที่ผู้หญิงถึงสนใจเรียนด้านนี้น้อยกว่าผู้ชาย ) แต่ก็มีคนที่มีประสบการณ์จากการไปตรวจภายใน ประเภทปล่อยให้เปิดขาทิ้งไว้อ้าซ่า ถ่างจนแห้งกรอบก็แล้ว หมอก็ยังไม่มาดูให้สักที จนกลายเป็นที่มาของเรื่องเล่าที่หมอลืมคนไข้ให้ถ่างขาทิ้งไว้นานครึ่งค่อนวัน แต่นั่นก็คงเป็นเพียงประสบการณ์ด้านหนึ่ง ผู้หญิงที่ได้พบเจอกับคุณหมอที่ใส่ใจความรู้สึกของผู้หญิงและปฏิบัติต่อร่างกายผู้หญิงอย่างสุภาพก็มีจำนวนมากเช่นเดียวกัน เดี๋ยวจะกลายเป็นพากันไม่กล้าไปหาหมอไปเสียนี่
 

ทว่า … ผู้หญิงบางคนก็ใส่ใจกับกลิ่นจากอวัยวะส่วนนี้มากจนเกินพอดีไปบ้างเหมือนกัน ถ้าไล่เบี้ยกันจริง ๆ ผู้หญิงก็ไม่ได้สมหวังพอใจกับกลิ่นที่ปกติของตัวเองเท่าใดนัก แต่ขอเพิ่มความหอมหวล รัญจวนใจขึ้นมาอีกข้อหนึ่ง หรือเพื่อตอบสนองความมั่นใจของตัวเองขึ้นมาหรืออย่างไร

 

คงได้ชมโฆษณากันผ่านตาไปบ้างแล้วเกี่ยวกับการขายผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่จุดซ่อนเร้นของผู้หญิง ที่เรียกกันภาษาอังกฤษว่า Hygiene Feminine อะไรทำนองนั้น แม้แต่โฆษณาผ้าอนามัยพักหลัง ๆ ที่มีออปชั่นให้เลือกมากกว่า แบบสลิมแผ่นบาง แบบติดปีกบินได้ ยังได้เพิ่มสรรพคุณช่วยดับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ไม่ให้ลอยฟุ้งออกมากระทบจมูกของคนใกล้เคียงเพิ่มขึ้นมาอีกออปชั่นหนึ่ง

 

พวกเราหยิบหัวข้อเหล่านี้มาสนทนาอย่างออกรสโดยถามกันตรง ๆ ว่า เวลามีประจำเดือนมีใครได้กลิ่นของเพื่อนที่อยู่ใกล้เคียงกันบ้างไหม ไม่นับที่ได้กลิ่นของตัวเองเวลาถอดกางเกงตอนเข้าห้องน้ำ อันนั้นนี่ได้กลิ่นแน่นอน ถามกันไปกันมาทุกคนตอบเหมือนกันว่าไม่มีใครได้กลิ่นของคนอื่นเลย ถึงอย่างนั้นก็ตามเถอะ ช่วงที่ผู้เขียนมีประจำเดือนยังได้กลับมาลองเดินเอาบั้นท้ายผ่านหน้าเพื่อนในรัศมีที่ห่างพอที่จะไม่ให้จมูกมาจ้ำหรอกหนา เพื่อนก็ยืนยันว่าไม่ได้กลิ่นจริง ๆ

 

ทดสอบกันถึงขนาดนี้เพื่อจะยืนยันให้สบายใจได้ว่ากลิ่นไม่ได้ออกมาเพ่นพ่านข้างนอก เลยพูดกันต่อถึงความจำเป็นของการใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่เป็นประจำทุกวัน เพราะมีข้อมูลชุดหนึ่งที่ได้ยินกันมาว่า การใช้น้ำยาประเภทนี้ติดต่อกันนาน ๆ จะมีผลไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ช่วยรักษาสมดุลย์ความเป็นกรดด่างของร่างกายออกไป ทำให้เกิดอาการติดเชื้อหรือตกขาวได้ง่าย ซึ่งพี่ ๆ จากมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง ( สคส .) ช่วยยืนยันด้วยอีกแรงหนุนหนึ่ง

 

ท่ามกลางกระแสการบริโภคนิยมที่มุ่งเน้นให้คนใช้จ่ายสินค้าที่ป้อนเข้าสู่ระบบตลาดอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยเฉพาะตลาดสินค้าด้านสุขภาพอนามัย รวมไปถึงความงามของผู้หญิง ที่คอยผลิตสินค้ามายั่วใจให้ซื้อหามาใช้อยู่เรื่อย ๆ ผู้หญิงคงต้องฉุกคิดและใช้สติไตร่ตรองว่าสิ่งไหนมีความจำเป็นและมีประโยชน์ต่อตัวเองมากน้อยแค่ไหน

 

ตัวอย่างของผ้าอนามัยหรือน้ำยาดับกลิ่นเฉพาะที่ที่ผู้หญิงหยิบยกขึ้นมาอภิปราย คงเป็นสิ่งอธิบายได้ดีว่า สรรพคุณเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านี้ทำให้สินค้าชิ้นนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาโดยที่ผู้หญิงไม่เอะใจด้วยซ้ำไปว่าได้สูญเสียเงินเพิ่มโดยใช่เหตุ

 

สิ่งสำคัญที่ผู้หญิงควรเอาใจใส่อยู่เสมอคือ การดูแลทำความสะอาดทุกวัน หมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยอยู่เสมอๆ แต่แหม …. บางคนก็ประหยัดเกินไปแผ่นเดียวใช้ทั้งวัน อย่างนั้นจิ๋มก็อาจอยู่ในภาวะที่ต้องการความช่วยเหลือได้เช่นกัน การใช้สบู่อ่อน ๆ หรือสบู่ที่ใช้อาบน้ำอยู่ทั่วไปก็น่าจะเพียงพอ หรือหากอยากใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่ขึ้นมาจริง ๆ คงไม่ถึงกับต้องใช้เป็นประจำทุกวันอย่างที่ได้อธิบายไปแล้ว

 

อวัยวะเร้นลับหลบอยู่ใต้ร่มผ้าแท้ ๆ อีกทั้งไม่ได้เปิดโอกาสให้ใครยลโฉมได้พร่ำเพรื่อ แต่บริษัทผลิตสินค้าก็ช่างสรรหากลยุทธ์ด้านการตลาดมาดึงเงินในกระเป๋าผู้หญิงที่ในสมองมีพื้นที่ของต่อม ชอปปิ้งวายป่วง (Impulse shopping) ได้อยู่เรื่อยเชียว


................


เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๔๗