Skip to main content

ผู้หญิงกับคำถามที่ไม่รู้จบ

คอลัมน์/ชุมชน








ช่วงนี้เป็นช่วงที่เกิดนึกย้อนประสบการณ์ของตัวเองขึ้นมาหนึ่งมุมค่ะ อันเนื่องมาจากมีเพื่อน ๆ น้อง ๆหลายคนได้กลายเป็นหรือกำลังจะเป็น " คุณแม่" นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ดิฉันนึกย้อน " คำถาม" ที่ต้องเจอมาตลอดใน " ความเป็นหญิง" ที่ผ่านมาของชีวิต


ย้อนไปตอนที่เป็นสาว ๑๖ ดิฉันออกจากหมู่บ้านมาเรียนหนังสือกับเพื่อน ๆ ในตัวจังหวัด แต่ดิฉันก็มาอาศัยอยู่กับป้า ( เกือบเหมือนพจมานอ่ะ แต่ว่าไม่ได้เป็นวัง) ปีแรกจึงเป็นปีของการเรียนรู้ชีวิตในเมืองใหญ่ เพื่อนฝูง การเรียน อ้อ แล้วก็มีหนุ่ม ๆ มาจีบด้วย อันที่จริงหนุ่มมาจีบตั้งแต่ดิฉันอยู่กับพ่อแม่ แต่ว่าก็อยู่ในสายตาของครอบครัว ของเพื่อนบ้าน นั่นก็ส่อแววให้คนอื่น ๆ ( เพื่อนบ้าน) เห็นและตั้งคำถามกับดิฉันเมื่อตอนไกลจากการควบคุมของครอบครัวและสายตาของเพื่อนบ้าน


คำถามที่เด่นชัดในความทรงจำคือ ลุงคนหนึ่ง ( ไม่ใช่ลุงแท้ ๆ นะคะ) ก็เปรย ๆ ขึ้นกับพ่อดิฉันว่า " ปล่อยให้ลูกสาวไปเรียนหนังสือในเมือง เดี๋ยวก็ท้องโย้กลับมาหรอก" พ่อดิฉันก็สวนกลับทันทีว่า " ก็ไม่เป็นไร อายุขนาดนี้ในหมู่บ้านเราก็มีผัว มีลูกกันแล้ว ถ้าเขาอยากมี ก็ไม่เป็นไร" แหม สะใจกับคำตอบมาก ขอบอก เผอิญว่าดิฉันเดินอยู่ไม่ห่างมากนัก แหมก็เล่นพูดระยะเผาขนอย่างนั้น ไม่ได้ยินก็หูหนวกแล้วล่ะค่ะ คิดว่าลุงคนนั้นคงตั้งใจให้ดิฉันได้ยินด้วยแหละ


พอดิฉันเรียนจบปริญญาตรี มีงานทำ มีรายได้พอเลี้ยงตัวเอง ดิฉันก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะท้องโย้ขึ้นมาซักที มีคำถามใหม่มาอีกค่ะ " เมื่อไหร่ จะแต่งงาน( ซะที)" คิดว่าคำถามนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เจอคำถามนี้ แต่ดูไป เหมือนว่าเราต้องไปเป็นตามขั้นตอนนะ แต่เอ.. ถึงตอนนี้ พ่อแม่ ดิฉันไม่ปกป้องเหมือนก่อนแฮะ แถมเริ่มถาม ( ซ้ำๆ) ดิฉันบ้างเหมือนกัน ประมาณว่า หากมีใคร ( ซุกซ่อน) อยู่ก็พามาบ้านเถอะ พ่อแม่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ช้าก่อน ดิฉันไม่หลงกล เนื่องจากไม่มีใครหลงกลดิฉันก่อน ( ฮา) แหม ก็มีหลง ๆ เลยมาบ้าง แต่ด้วยหลายอย่างไม่ลงตัว อันนี้ไม่นับรวมที่ " ดิฉันดีเกินไป" นะคะ จนแล้วจนรอดดิฉันไม่เคยพาหนุ่มหน้ามาที่บ้านเลย ขณะเดียวกันหลายคนในหมู่บ้านมั่นอกมั่นใจว่า ดิฉันต้องมีใครแอบซ่อนอยู่แหง ๆ แต่เป็นประมาณว่า " ดิฉันต้องแอบแซ่บ" แน่ ๆ เลย


คำถามเรื่องการแต่งงานผ่านไปประมาณสิบปี คำถามนั้นก็ไม่ถามแล้วค่ะ เชยไป แต่ดิฉันได้ตำแหน่งใหม่คือ " ขึ้นคาน" ประจำหมู่บ้าน ต่อมา ก็แถมคานนั้นก็เป็นคานทองที่อยู่ชั้นสามซะด้วย พ่อแม่ก็เริ่มคิดหนัก เป็นห่วงเป็นใยว่า " แก่ไปดิฉันจะอยู่อย่างไร ใครจะดูแล ระวังจะลำบากนะ" ตอนนี้ความเป็นโสดนานไปหน่อยของดิฉันเริ่มเป็นภาระของพ่อแม่และญาติพี่น้อง หลายคนเริ่มตำหนิว่า " คงเป็นคนเรื่องมาก เลือกมาก ท่าทางแข็งกระด้าง ไม่อ่อนหวาน เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายไม่ชอบเอาซะเลย มิน่าล่ะ ถึงได้อยู่คนเดียวมาจนป่านนี้"


อ้าว เฮ้ย ทีนี้ก็เป็นเรื่องสิคะ ดิฉันก็เริ่มมาพิจารณาตัวเอง ถามตัวเอง เอ … เราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าน้อ แต่แหม ดิฉันก็หวั่นไหวซิค่ะ ถึงแม้จะทำมาหากินเลี้ยงตัวเองได้ แต่ลองเจอคำถามแบบนี้บ่อย ๆ เป็นเวลาหลายปี ต้องคิดแล้วคิดอีกเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้กระตือรือร้นต้องไปหาใครมาเคียงข้าง เพราะคิดว่าหากมีใครแล้วปวดหัวมากกว่า การอยู่คนเดียวก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า


เวลาผ่านไป ( หลายปีพอสมควร) ดิฉันก็เจอ " ใครคนนั้น" ที่ทำให้คิดว่าน่าจะลองอยู่กันสองคน ดิฉันก็เริ่มเปิดเผยกับพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง คนรอบข้าง ทีนี้มาแนวใหม่ค่ะ เพราะดิฉันบอกว่าไม่แต่งงานนะ แต่จะอยู่ด้วยกันและจะไม่มีลูกด้วย


เรื่องไม่แต่งงาน พ่อแม่ไม่ได้ตกใจเนื่องจากเราไม่มีหน้าตาทางสังคมต้องรักษาเชิดชูมากนัก พ่อแม่ดิฉันบอกว่าขอให้เขาคนนั้นดูแลลูกสาวตัวเองก็พอแล้ว แต่อยากให้รีบมีลูก เนื่องจากอายุเยอะแล้ว ส่วนพี่สาวคะยั้นคะยอแถมล่อใจอีกว่า มีลูกเถอะจะช่วยเลี้ยงให้ ส่วนเพื่อนอีกคนถามว่า ทำไมดิฉันไม่อยากมีลูก ไม่รักเด็กเหรอ แหม .. เรื่องความรักเด็กเนี่ย ดิฉันก็ไม่เป็นรองนางงามหลายคนนะจะบอกให้ แต่ว่าไม่อยากห่วงใครคนหนึ่งตลอดชีวิตเท่านั้นเอง เมื่อวานนี้เองค่ะ ดิฉันเดินสวนกับชายกลางคนหนึ่งกำลังเปรยกับเพื่อนว่า " เมื่อคืนนี้ เครียดมาก ปวดหัว นอนไม่หลับ ลูกไม่ยอมกลับบ้าน" เฮ้อ เสียดายที่ดิฉันไม่ได้มองหน้าเขา หากคะเนจากเสียงแล้ว คงเป็นทุกข์อักโขเหมือนกัน เศร้าจัง


ดิฉันกับชายหนุ่มความตั้งใจตรงกันคือ จะไม่มีลูก ขอบอกว่ามันไม่ได้ง่ายสำหรับเราเพียงสองคนนะคะ นอกจากเราต้องตั้งมั่นว่า " ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง" การเดินทางไกลไปเที่ยวต่างเมือง ถุงยางอนามัยต้องเตรียมไว้เสมอ จะได้ไม่ต้องไปหาให้วุ่นวายในสถานที่ต่างบ้านต่างเมืองอีก ก่อนนอนก็ต้องเตรียมไว้ข้างเตียง ยังไม่พอค่ะ เพื่อนดิฉันที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเราทั้งคู่ มี ( สาป) แช่งด้วยค่ะ " ขอให้ถุงยางอนามัยแตก" แต่ดิฉันว่าโอกาสที่เราทั้งสองเมาแล้วไม่ได้ใช้มีมากกว่าถุงยางแตกเสียอีก ( ฮา)


นอกจากที่เราต้องเจอคำถามที่เราอยากตอบหรือไม่อยากตอบก็ตาม เราก็ต้องเจอคำถามตลอดทั้งที่เป็นเรื่องต้องสืบทอดอุดมการณ์ของครอบครัวและสังคม โดยเฉพาะการเป็นลูกสาว สาวโสด สาวสูงวัย แม่ เมีย ผู้หญิงมักต้องหาคำตอบทั้งตัวเอง ครอบครัวและสังคม แต่อย่างน้อย " ตัวตน" ของเราต้องมีแรงต้านมากพอที่ต้องยืนหยัดเชื่อมั่นในคำถามที่เราไม่อยากตอบ ( คนอื่น ๆ) เช่นกัน



...........


เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๙ ก.ค. ๒๕๔๘