Skip to main content

การแก้ไขปัญหาความยากจน

 


ท่านประธานครับผมไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ ส.ว.ภูเก็ตในฐานะสมาชิกรัฐสภา

ขอเรียนว่ารัฐบาลได้หาแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ และปัญหาความยากจนรัฐบาลได้ถูกทางแล้ว ขอชมเชยว่านายกรัฐมนตรีได้เปลี่ยนท่าที เปลี่ยนบทบาทได้อย่างน่าชื่นชม


จากการไม่รับฟัง มาเป็นการรับฟัง จากการไม่ได้ยิน เป็นการได้ยิน


ที่เห็นได้ชัดคือท่านนายกรัฐมนตรีพูดน้อยลง ฟังมากขึ้น และที่สำคัญคือได้ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง การตั้งกรรมการสมานฉันท์แสดงถึงเจตนารมย์ในการแก้ปัญหา ผมได้รับข้อมูลมาว่าที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่กี่วันมานี้ สภาพที่ทหารถือเอ็มสิบหกนำรถถังไปจ่ายตลาดไม่มีแล้ว ในโกลก

การที่รัฐบาลให้งบประมาณไปเป็นพิเศษสำหรับชายแดนภาคใต้นั้นเป็นการแสดงเจตนารมย์ที่ดี เช่น ให้การนิคมอุตสาหกรรมตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาราล ๕๐๐ ล้าน แต่ต้องมีมาตรการทางด้านดอกเบี้ย ด้านภาษีจะเป็นการช่วยจังหวัดเหล่านั้นได้มาก เพราะไม่มีใครไปลงทุนที่นั้น


หลายโครงการยังมีความซ้ำซ้อนไม่รู้หน้าที่ เช่น กระทรวงมหาดไทยผลักเบี้ยเสี่ยงภัยไปให้ท้องถิ่นอ้างว่าไม่มีงบ แต่ตัวเองกลับเอาเงินไปทำท่องเที่ยว การแก้ปัญหาทางภาคใต้ก็ต้องอาศัยความเป็นผู้นำของท่านนายกรัฐมนตรีเป็นหลักในการแก้ไข การเปลี่ยนจากการใช้นโยบายใช้ความรุนแรงเป็นการสมานฉันท์นั้นดี เพียงแต่อย่าโลเลหันหลังกลับทั้ง ๆ ที่มาถูกทาง

ปัญหาความยากจนก็เช่นเดียวกัน รัฐบาลมีมาตรการในการขจัดความยากจนโดยปรับปรุงระบบริหารจัดการทั้งระบบ จะมีการจัดตั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่ คาราวานแก้จน จะพัฒนาระบบโครงสร้างด้านเกษตรในระดับชุมชน เช่น โรงสีชุมชน โรงปุ๋ยเกษตรอินทรีย์ชุมชน ซึ่งมาถูกทางเพราะการแก้ไขราคาปุ๋ยให้เกษตร เพราะเกษตรกรบ่นว่าปุ๋ยแพงเหลือเกิน ราคาถุงละ ๕๗๐ บาทแล้ว ทำนาเดี๋ยวนี้ต้องเสียค่าปุ๋ยเป็นหมื่น ถ้ารัฐบาลได้ทำให้นโยบายปุ๋ยอินทรีย์ชุมชนเป็นจริงท่านมาถูกทางแล้ว เพราะที่ผ่านมาปุ๋ยนี้โดนนำเข้าแบบผูกขาดโดยพ่อค้าใหญ่ โดยนักการเมือง ที่เขามีเครือข่ายกว้างขวาง ทั้งประเทศต้องนำเข้าปุ๋ยราคาแพงจากต่างประเทศ

ในโครงการขจัดความยากจนนั้น ระดับประเทศจะมีบริษัทเอสพีวีมาทำหน้าที่บริหารจัดการด้านการผลิต แปรรูป การตลาด และแหล่งทุน เพื่อลดความเสี่ยงให้กับเกษตรกร สัปดาห์ที่แล้วรัฐสภาเราพูดฝากให้ รมต.ทั้งหลายช่วยกันดูแลไม่ให้มีคนหากินกับโครงการขจัดความยากจน เมื่อวานต้องขอบคุณท่าน รมต.สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่ได้ตรวจสอบการประมูลในโครงการบ่อบาดาลแก้ภัยแล้ง ๓๐๐,๐๐๐ บ่อทั่วประเทศ


ข้อมูลที่ท่านได้มาตรงกับกรรมาธิการเศรษฐกิจวุฒิสภา ที่การเปิดประมูลทำอย่างเร่งรีบ เร่งอนุมัติ เร่งประมูล ทำแบบเงียบ กฎเกณฑ์ว่าทำไมถึง ต้อง ๓๐๐,๐๐๐ บ่อก็ไม่มีข้อมูล แล้วที่น่าฉงนอย่างยิ่งสำหรับผม บ่อบาดาลในปีหน้านี้ ผมถามท่านประธานให้ทายซิว่าจังหวัดไหนที่ได้บ่อน้ำบาดาลมากที่สุด ลองทายซิ


ถูกต้องครับ สุโขทัยครับ เป็นคำตอบสุดท้าย ๔,๐๐๐ บ่อ แต่ที่น้อยใจคือภาคใต้ทั้งภาค ๑๔ จังหวัดได้แค่ ๑,๔๐๐ บ่อ จังหวัดสุโขทัยจังหวัดเดียวได้บ่อบาดาลมากกว่าภาคใต้ทั้งภาค ภาคเหนือ ๑๗ จังหวัด ได้รับ ๒๘,๑๐๐ บ่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑๐ จังหวัด ได้รับ ๔๘,๐๐๐ บ่อ ภาคกลาง ๑๗ จังหวัดได้รับ ๑๓,๔๕๔ บ่อ


ผมก็ต้องถามท่านประธานไปยังรัฐบาลว่าการจัดสรรงบประมาณขุดบ่อน้ำบาดาล จัดสรรตามสัดส่วนของอะไร

ผมต้องฝากรัฐบาล สำนักงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มาทางท่านประธานช่วยตรวจสอบการใช้ งบประมาณว่าใช้เงินมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลเพียงใด ให้สมกับยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลให้ไว้ ตอนเสนองบประมาณ


บ่อน้ำบาดาล ถ้าไม่มีน้ำจะทำอย่างไร ในอดีตใช้วิธีเติมน้ำตอนไปตรวจ เพราะไม่มีน้ำบาดาล บ่อบำบัดน้ำเสียทั่วประเทศใช้ได้กี่บ่อ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น โรงสีชุมชนทั่วประเทศ ใช้ได้กี่โรงสี ใครได้ใครเสีย ยังมีอีกหลายโครงการที่ต้องอาศัยความโปร่งใส ในการขจัดความยากจน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐบาลเร่งตั้งบริษัทส่งเสริมเกษตรกรไทยจำกัด ทุนจดทะเบียน ๑,๐๐๐ ล้านบาทเพื่อระดมทุนในโครงการโคล้านตัวเป็นเอสพีวีโครงการแรกโดยให้รัฐถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยจะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการเลี้ยงโค ๕ ล้านตัว ในเวลา ๕ ปี ต้องภาวนาให้โครงการทำได้จริง เพราะที่น่าเป็นห่วงคือ หน่วยงานของรัฐยังไม่เข้าใจระบบของเอสพีวีที่แท้จริง ยังไม่มีความพร้อมที่จะอธิบายให้เกษตรกร


เกษตรอำเภอยังไม่มีข้อมูลของโครงการวัว ๕ ล้านตัวเลย บางจังหวัดบอกว่าจะชักค่าเปอร์เซ็นต์จากชาวบ้าน ๓๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วโครงการนี้ไม่รู้ว่าจะเอาหญ้า เอาน้ำที่ไหน มาเลี้ยงโค


ที่สำคัญ ใครจะได้โคไปเลี้ยง ที่ผ่านมาราษฎรเขาหวังจากไทยรักไทยมาก บางจังหวัดชาวบ้านเขาล้อมรั้วคอกรอโคกันแล้ว เกษตรอำเภอบางแห่งจดบัตรประชาชนไปอ้างว่า ไปลงทะเบียนเพื่อแจกโคแล้วเขาจะกล่าวหาว่าไทยรักไทยหลอก


วันนี้ ส.ส.หลายท่านก็ได้อภิปรายรายละเอียด ให้ท่านประธานทราบแล้ว เห็นโครงการเอสพีวี โครงการแรกก็เป็นห่วง เพราะถ้าเอสพีวีขาดทุน แจกโคแล้ว โคตาย โคเลี้ยงไม่โต เลี้ยงแล้วไม่มีนม จะทำอย่างไร กรรมการบริษัท เอสพีวีไม่ต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นก็เหมือนโครงการลำใยอบแห้ง และโครงการอื่น ๆ ที่กรรมการบริหารไม่ต้องรับผิดชอบ เกิดปัญหาก็ให้ ปลาซิวติดคุกแทน


ผมอยากให้รัฐบาลรีบทำโครงการโคล้านตัวให้เป็นรูปธรรม มิฉะนั้นประชาชนเขาจะไม่เชื่อ เขากล่าวหาว่ารัฐบาลคุยมากกว่าทำ หรือทำจริงไม่ได้เท่าที่พูด เช่น สึนามิ


ผมชมเชยท่านนายกรัฐมนตรีที่บริหารวิกฤติได้เก่งเป็นพิเศษ แก้ไขช่วยเหลือผู้ประสพภัยสึนามิ โดยไม่ได้หลับนอน รวมทั้งท่านประธานโภคินด้วย ผมยืนยัน เพราะตีสอง ตีสาม ยังลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน ต้องขอชมเชย แต่พอท่านกลับทุกอย่างก็เหมือนไฟไหม้ฟาง เงินช่วยเหลือสินามิ ชาวบ้านขอจากกรมบรรเทาสาธารณภัยกว่า สามเดือนแล้ว


ท่านประธานทราบไหมว่าได้กี่หลัง สิบเอ็ดหลัง ที่กระบี่กรมบรรเทาให้ไปหลายร้อยหลัง แล้วทำไมที่ภูเก็ต พี่น้องผมที่ป่าตอง กมลา ราไวย์ เกาะสิเหร่ ทำไมเงียบ ไม่ได้ค่าชดเชย รอแล้วรออีก ชาวบ้านเขาบอกว่า เงินที่คลังหายคนรับโทษกลับเป็นชาวบ้าน เพราะไม่ได้ค่าชดเชย แจ้ง อบต. เทศบาล เงินชดเชยค่าบ้านเขายังไม่ได้ครับ


ศูนย์เตือนภัยเช่นเดียวกัน ตอนแรก ผู้ช่วย รมต.บอกว่าจะเวลาไม่นาน ก็จะติดตั้งได้ง่ายมาก ร้อยสองร้อยล้านก็ทำได้ สัปดาห์ที่แล้วเป็นไง วิ่งกันทั้งเกาะ ถามกรมอุตุก็บอกว่าให้วิ่งขั้นเขา วิ่งไปให้ไกลอย่างน้อยหนึ่งกิโล แล้วข้อมูลจริงเป็นอย่างไร ต่างประเทศเขาทำโซนนิ่ง สึนามิเซฟ ไม่ใช่วิ่งกันทุกคน คนอยู่ในเขตปลอดภัยต้องเฉย ไม่ใช่วิ่งด้วย แทนที่จะตายเพราะสินามิ กลับต้องไปตายเพราะรถชน ระบบสื่อสารต้องพร้อม ไม่ใช่พอแผ่นดินไหว ก็เป็นอัมพาต หน่วยงานของรัฐต้องซักซ้อมความเข้าใจว่า สึนามินั้นมาแล้วอพยพอย่างไร


ผมฝากเป็นประเด็นเพื่อให้รัฐบาลทำงานให้พร้อมในโครงการต่างๆ ที่จะมีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขจัดความยากจนจะทำไม่ได้ ถ้าภาครัฐไม่พร้อม


สรุปว่า รัฐบาลเดินมาถูกทาง ที่เห็นความสำคัญของปัญหาความยากจน ปัญหาชายแดนภาคใต้ โดยจัดรับฟังตัวแทนประชาชนในสองวันนี้ ซึ่งรัฐสภาได้เรียกร้องตลอดมาว่าจะได้ประโยชน์ยิ่งในการแก้ไขปัญหา ผมคิดว่า สมแล้วที่เราได้ใช้เวทีความคิดเห็นของตัวแทนประชาชนมาแสดงจุดยืนเพื่อเป็นประโยชน์


ปัญหาความยากจนและปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมดีใจที่รัฐบาลจะยึดยุทธศาสตร์พระราชทาน โดยนำพระราชดำรัสของพระบรมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น สองวันที่ผ่านมาเราพอสรุปได้ว่า ประเด็นหลักที่เกิดเหตุรุนแรงนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่เป็นธรรม ความไม่เข้าใจกัน ไม่ใช่ประเด็นของศาสนา เพราะทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี


ท้ายสุดนี้ ผมขออนุญาตท่านประธานฝากคำกลอนของท่านพุทธทาสมาเป็นสติเตือนใจทุกคนทุกศาสนาว่า ไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาใด ขอให้เข้าใจศาสนา ที่สอนให้คนเป็นคนดี


ท่านพุทธทาสภิกขุเขียนไว้ว่า พระเจ้าองค์เดียว ดังนี้


พระศาสนา สัมพันธ์ คือมรรคา
ที่ชักพา นำมนุษย์ สู่จุดหมาย
เพื่อมนุษย์ได้เป็นสุข ทุกนิกาย
เราทั้งหลาย ชวนกันมา ปรึกษากัน


พระเจ้าแท้ มีแต่ พระองค์เดียว
ทางจึงมี แต่ทางเดียว เป็นแม่นมั่น
เป็นทางตรง มุ่งไป สู่ไกวันย์
เป็นนิรัน ดรสุข แก่ทุกคน


ไม่มีข้อ ขัดแย้ง แบ่งพรรคพวก
มนุษย์รัก ร่วมสุข ทุกแห่งหน
นี่แหละหนา พวกเรามา รวมกมล
แห่งปวงชน เพื่อบูชา พระเจ้าเดียว


การเรียกชื่อ ต่างกัน นั้นไม่แปลก
แต่เนื้อใน ไม่อาจแยก เป็นส่วนเสี้ยว
คือธรรมนูญ หนึ่งแน่ เป็นแท้เที่ยว
ทุกคนเหนี่ยว เป็นที่พึ่ง จึงรอดเอย