พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
คอลัมน์/ชุมชน
สัปดาห์นี้ ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีการพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งผมได้อภิปรายคัดค้านการพิจารณาโดยกรรมาธิการเต็มสภา
และมีสมาชิกหลายท่านได้อภิปรายคัดค้านการพิจารณาโดยกรรมาธิการเต็มสภา ในที่สุดที่ประชุมก็ได้ลงมติเห็นชอบให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้
สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ขยายอำนาจให้ กบข. สามารถมอบหมายให้นิติบุคคลอื่นจัดการเงินกองทุนทั้งในและนอกประเทศ
ปัจจุบัน กบข.มีเงินกองทุนสินทรัพย์ทั้งสิ้น ๒๔๐,๐๐๐ ล้านบาท มีสัดส่วนการลงทุนเป็นพันธบัตรรัฐบาลรัฐวิสาหกิจ ๒๘.๙ % ตราสารหนี้ ๒๔.๓ % เงินฝากธนาคารและตราสารที่ออกโดยธนาคาร ๒๒.๓ % ตราสารทุน ๑๕ % อสังหาริมทรัพย์การลงทุนทางเลือกอื่น ๒.๖ % การลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ๓.๓ %
โดยผลตอบแทนการลงทุนสะสม ๑๒ เดือนจนถึงกันยายนปีนี้เป็น ๔.๔ %
ก็ต้องยอมรับว่า ปีที่ผ่านมา กบข.ได้ทำผลประกอบการให้กับเงินข้าราชการได้อย่างดี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชมเชย แต่การเสนอขอแก้อำนาจการจัดการลงทุนให้จัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้นต้องระมัดระวังและรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง
สมควรที่วุฒิสภาจะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบในรายละเอียดของการขอแก้ไขให้ กบข. มีขนาดสินทรัพย์เพิ่ม และต้องการให้มีอำนาจในการให้ผู้จัดการกองทุนต่างประเทศมาบริหารเงิน กบข.
การขอแก้ไขในกฎหมายนี้มีหลายมาตราที่น่าจะต้องตรวจสอบ เช่น ในปัจจุบันกองทุนต้องจ่ายเงินให้แก่สมาชิกเมื่อสมาชิกภาพสิ้นสุดลงภายในเจ็ดวัน
มีการเพิ่มในกฎหมายนี้ว่า กบข.จะจ่ายเงินภายในเจ็ดวันก็ต่อเมื่อได้ปรากฏหลักฐานถูกต้องครบถ้วน
ซึ่งประเด็นนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง ว่าการแก้ไขกฎหมายมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ มีปัญหาอะไรที่ทำให้จ่ายเงินภายในเจ็ดวันไม่ได้
เคยมีกรณีที่ กบข. คืนเงินให้กับข้าราชการครูที่ขอเกษียณก่อนอายุล่าช้ามาก ซึ่งข้าราชการครูได้ร้องเรียนมาทางวุฒิสภา
ควรจะมีการตรวจสอบในรายละเอียดว่า กบข. มีสภาพคล่องเพียงพอหรือไม่
ยิ่งมีการขอขยายการลงทุนในแบบต่าง ๆ มากขึ้น โดยให้สมาชิกส่งเงินมาให้มากขึ้นถึง ๑๕ เปอร์เซ็นต์ จะต้องตรวจสอบในขั้นกรรมาธิการ ถึงแม้ว่าจะอ้างในกฎหมายว่าให้สมาชิกทำโดยความสมัครใจของสมาชิกก็ตาม
เดิมการลงทุนของ กบข. กำหนดไว้ในกฎหมายให้เป็นไปในลักษณะที่อนุรักษ์ รอบคอบ และไม่เสี่ยง
การขอแก้ไขให้มีความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้นหลายรูปแบบ ต้องมีการดูอย่างละเอียดของกรรมาธิการซึ่งจะได้พิจารณาให้รอบคอบ
เงินจำนวนถึง ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาทที่จะมีการระดมจากสมาชิกข้าราชการจำนวนกว่าล้านหนึ่งแสนคน จะได้รับผลกระทบเพียงใด
สิ่งที่ผมต้องเล่าให้ท่านทราบก็เพราะเคยตรวจสอบ กบข.ในกรรมาธิการการคลังฯ ก็คือการลงทุนในหุ้นต่าง ๆของ กบข. มีผลต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
และมีบางรายกล่าวหา กบข.ว่าเรียกร้องเงินเพื่อให้ซื้อหุ้นบางตัว
ผมได้ตั้งข้อสังเกตว่า วุฒิสภาต้องเป็นสภาแห่งการตรวจสอบ ที่จะต้องดูแลเงินของประชาชน และจะต้องไม่ให้เกิดมีข้อครหาว่า ฝ่ายบริหารแทรกแซงการทำงานของวุฒิสภา จะต้องให้พิจารณากฎหมายนี้อย่างละเอียด ลบภาพที่จะมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจจะมีขึ้นได้ถ้าไม่มีการพิจารณากฎหมายนี้อย่างรอบคอบ
ต้องให้สังคมยอมรับว่า วุฒิสภาไม่ใช่สภาตรายาง ไร้การตรวจสอบ สั่งซ้ายหันขวาหันได้