Skip to main content

ส.ว.สามแบตเตอรี่

ผมเคยเรียนท่านไว้ว่าในปีที่ห้าของวุฒิสภา ความคิดเห็นต่าง ๆ ของบรรดา ส.ว. ก็เห็นได้ชัดขึ้น


เห็นได้ชัดว่าใครมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร ใครที่คิดเห็นด้วยกับรัฐบาล ใครเห็นด้วยกับฝ่ายค้าน ใครเป็นนักวิชาการ ใครเป็นเอ็นจีโอ


เรียกว่า พอลุกขึ้นอภิปรายจะค่อนข้างรู้ว่าแนวความคิดเป็นอย่างไร


สัปดาห์ที่แล้ว ท่าน ส.ว.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กรุงเทพฯ ได้ทำรายงานสมุดปกเหลืองรายงานให้สภารับทราบเรื่องเหตุการณ์ที่ตากใบ จังหวัดนราธิวาส


เพราะ ส.ว.เจิมศักดิ์ได้ไปดูสถานการณ์ในภาคใต้ ก็เลยเขียนมาให้วุฒิสภารับทราบ


มี ส.ว.หลายท่านก็เห็นด้วยกับรายงาน แต่หลายคนก็ไม่เห็นด้วย เพราะหลายรายงานที่เคยทำให้วุฒิสภาอ่านเป็นการโจมตีรัฐบาล


ซึ่งอาจารย์เจิมศักดิ์ เป็นผู้เขียนหนังสือ รู้ทันทักษิณ ที่ขายดีติดอันดับในไทยมาแล้วหลายสัปดาห์ จนทำให้ ส.ว.ที่เป็นสายรัฐบาลรู้สึกว่า ส.ว.เจิมศักดิ์ไม่เป็นกลาง ทำตัวเป็นฝ่ายค้าน


จึงเกิดการต่อว่า และตำหนิว่า ส.ว.เจิมศักดิ์ ไม่น่าจะทำรายงาน ซึ่งอาจจะมีหลายเรื่องในรายงานไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้เกิดความแตกแยกในประเทศ


ส.ว.เจิมศักดิ์ ก็เลยต้องชี้แจง ระหว่างชี้แจงก็เลยมีการประท้วงจาก ส.ว.อดุลย์ วันชัยธนวงศ์ ซึ่งเป็น ส.ว.ที่ประท้วงให้รัฐบาลโดยตลอด ก็เลยทำให้ ส.ว.ประทิน สันติประภพ ต้องประท้วงว่า ส.ว.อดุลย์ ไม่เป็นกลาง


มีการกล่าวถึง การค้าขายกับขุนส่า จนทำให้ ส.ว.อดุลย์ไม่พอใจ เพราะคำกล่าวอาจจะทำให้คนเข้าใจผิดว่า ส.ว.อดุลย์ เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ก็เลยต้องเข้าไปถามให้แน่ชัด


ก็เลยเกิดการชกต่อยโดย ส.ว.ประทิน บอกว่าเป็นการต่อยเพื่อป้องกันตัว เพราะ ส.ว.อดุลย์ เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว คิดว่าจะเข้ามาทำร้าย


 ถ้าถามว่าใครผิด ก็ต้องตอบว่าผิดทั้งคู่ เพราะใจร้อนด้วยกันทั้งคู่ การชกในสภาครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ ส.ว เพราะไม่เคยมีมาก่อน ก็เลยโดนตำหนิ อย่างรุนแรงจากสื่อและประชาชนทั่วประเทศ


ผมเองในวันนั้นกำลังสอบสวนเรื่องโครงการลำไยอบแห้ง ขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ในกรรมาธิการเศรษฐกิจวุฒิสภา ซึ่งตั้งใจว่าจะมาแถลงผลการตรวจสอบโครงการลำไยอบแห้ง ซึ่งมีการหายไปของลำไยอบแห้ง ถึง ๓๐,๐๐๐ ตัน


เพราะกระทรวงเกษตรว่าจ้างให้เอกชน นำลำไยสดประมาณ ๒๗๐,๐๐๐ ตัน ไปทำลำไยอบแห้งซึ่งจะได้ลำไยอบแห้งประมาณ ๘๐,๐๐๐ ตัน ปรากฏว่า ในการทำสัญญากับบริษัทเอกชนผู้ได้รับสัญญา ไม่ได้มีการนำหนังสือค้ำประกันมาให้ มูลค่า ๓๒๐ ล้านบาท


ในสัญญาระบุว่า ต้องนำหนังสือค้ำประกันมาให้แก่ อตก.หลังการเซ็นสัญญาสามวัน เป็นสิ่งที่ไม่โปร่งใสเป็นอย่างยิ่ง เพราะปกติ หนังสือรับรองการขายต้องนำมาให้รัฐในวันเซ็นสัญญาทั้งสิ้นขณะนี้ปรากฎว่ามีการยกเลิกสัญญากับบริษัทเอกชน เพราะผิดสัญญา แต่รัฐก็ไม่มีหลักประกันการขาย ๓๒๐ ล้าน แต่ อตก. กลับโดนเอกชนฟ้องเพราะไปเลิกสัญญา


กรรมาธิการตรวจสอบแล้วปรากฎว่า ขณะนี้ลำไยอบแห้งที่ส่งมอบให้กับ อตก.แล้วมีไม่ถึง ๘๐,๐๐๐ ตัน มีรายงานว่าอยู่ในบริษัทเอกชนถึงกว่า ๓๐,๐๐๐ ตัน


ก็หมายถึง อตก.คงจะต้องสูญเสียลำไยอบแห้งนี้ และอาจจะต้องเสียค่าโง่ โดนเอกชนฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเอกชนอีกด้วย งานนี้ต้องมีผู้ต้องรับผิด เพราะรัฐเกิดความเสียหายแล้วในขณะนี้ ก็เลยเป็นการตั้งข้อสังเกตว่า มีการตั้งใจทำให้เกิดความเสียหายโดยคนของ อตก. หรือจากการสั่งของนักการเมืองหรือไม่


เพราะการยกเลิกสัญญาเพิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่มีการจ่ายเงินซื้อลำไยไปแล้วหลายเดือน และทำไมเซ็นสัญญากับเอกชนซึ่งไม่มีความพร้อม ความจริงจะต้องมีการแถลงข่าวจากกรรมาธิการเศรษฐกิจ ในบ่ายวันนั้น


แต่เหตุการณ์การชกในวุฒิสภาดังกว่า กรรมาธิการฯ ก็เลยมีมติว่าไม่ควรแถลงในวันนั้น แต่จะทำรายงานให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และทำรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อหาคนรับผิดชอบ ให้ได้ว่าเป็นความผิดของคนใน อตก.หรือนักการเมืองสั่ง


 ข่าวล่าสุด เมื่อมีรายงานจากกรรมาธิการซึ่งได้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรคนใหม่มาชี้แจงวุฒิสภา รองนายกรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ได้ทำหนังสือให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.)ตรวจสอบว่ามีการทุจริตในโครงการนี้หรือไม่ เพื่อป้องกันข้อครหาว่าตัวเองพัวพันกับการทุจริต นับว่าเป็นการแก้ข้อครหาได้อย่างชาญฉลาดยิ่ง


เสียดายจริง ๆ ที่รายงานความเสียหายของโครงการลำไยอบแห้งมูลค่าโครงการกว่า ๓,๐๐๐ ล้านบาท ต้องมาโดนข่าว ส.ว.ต่อยในสภากลบข่าวไป


มีคนตำหนิว่า ส.ว.เลียนแบบสภาไต้หวัน สื่อบางฉบับก็ตั้งฉายาว่า ส.ว.สามเคแบตเตอรี่ไปแล้วก็มีข่าวฉาวไปทั่วโลก จนเป็นที่กล่าวว่า มิน่าล่ะเมืองไทยทำไมดังเรื่องมวย และได้เหรียญโอลิมปิก ได้เหรียญทั้งมวยไทย และเทควันโด้


 ขนาดในวุฒิสภา ผู้อาวุโสยังต่อยกันมีการถ่ายทอดชกมวยไปทั่วโลก จะไม่ให้คนไทยได้เหรียญโอลิมปิกในกีฬามวยได้อย่างไร