Skip to main content

คำวิจารณ์ก่อนปิดสมัยประชุม


ขอเรียนท่านว่าจิตใจรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถเปิดอภิปรายทั่วไปคณะรัฐมนตรีในวุฒิสภาได้ เพราะมีคำถามที่คาใจหลายอย่างที่อยากจะถามรัฐบาล


ผมและส.ว.หลายท่านจึงได้ตั้งกระทู้รอให้รัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆตอบในวุฒิสภา


แต่การตั้งกระทู้นั้นมีระยะเวลาจำกัดและตั้งกระทู้วันนี้กว่ารัฐมนตรีจะตอบก็คงจะต้องเป็นสมัยประชุมหน้า คงจะเป็นปลายปี ซึ่งมักไม่ค่อยทันการ


ผมขอยกตัวอย่างกระทู้ที่ผมตั้งดังนี้


ผมได้ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน และของธุรกิจนอนแบงค์ตั้งแต่สองเดือนก่อน


ปรากฎว่าขณะนี้รัฐบาลก็ได้ทราบปัญหาและตื่นตัวขึ้นมาว่า นอนแบงค์และสถาบันการเงินที่ทำธุรกิจเรื่องบัตรเครดิตแอบคิดดอกเบี้ยผิดนัดอย่างไม่ให้ลูกค้ารู้ตัว และคิดแบบดอกเบี้ยโหด


เช่นคิดดอกเบี้ยผิดนัดถึง สี่สิบถึงห้าสิบเปอร์เซนต์


ขณะนี้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค( สคบ.) ก็ได้เตือนไปยังบริษัทต่างๆรวมทั้งสถาบันการเงินให้ลดการคิดดอกเบี้ยผิดนัด ตามกฎหมายกำหนด


นอนแบงค์ไหน บัตรเครดิตไหนที่คิดดอกเบี้ยผิดนัดเกิน ๒๘ เปอร์เซนต์กรุณาแจ้งไปที่ สคบ.ได้ หรือแจ้งมาทาง ตู้ ป.ณ. ๑๕๓ ภูเก็ตก็ได้


นี่เป็นเรื่องที่ผมได้กระทู้ถามรัฐมนตรี และรัฐบาลก็ได้ทำการแก้ไขก่อนที่จะต้องตอบกระทู้ผมในวุฒิสภา


นี่เป็นตัวอย่างของการควบคุมการทำงานของตัวแทนประชาชน


งานของส.ส.และส.ว.ที่กระทำได้นั้น มีหลายวิธี วิธีตั้งกระทู้ก็เป็นวิธีหนึ่งในการตรวจสอบและทำให้รัฐบาลทราบปัญหา


การอภิปรายในสภาในวาระต่างๆ เช่น ในการอภิปรายร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี ก็ สามารถอภิปรายให้รัฐบาลทราบปัญหา


การอภิปรายนโยบาย และผลงานประจำปีของรัฐบาลก็สามารถทำได้


การตั้งญัตติ และตรวจสอบในกรรมาธิการก็สามารถทำได้ เพื่อให้รัฐบาลทราบปัญหา และตัวแทนประชาชนจะสะท้อนปัญหาของพี่น้องประชาชนได้


แต่มาตราการที่แรงที่สุดของส.ว.ก็คือการเปิดอภิปรายทั่วไปให้คณะรัฐมนตรีมาแถลงต่อวุฒิสภา


ก็คล้ายกับการอภิปรายไม่ไว้วางในรัฐมนตรีในสภาผู้แทนราษฎร


ที่ต่างกันก็คือ ของส.ว.อภิปรายทั่วไปแล้วไม่ต้องลงคะแนน เพราะฉะนั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นการเปิดเพื่อการเมือง ล้มรัฐบาล หรือ ดิสเครดิตรัฐบาล


แต่น่าเสียดายที่ ส.ว.ไม่สามารถลงชื่อครบ ๑๒๐ เสียงได้ รัฐบาลก็เลยรอดตัวไป เพราะส.ว.ล่ารายชื่อได้เพียง ๑๐๐ เสียง


มิฉะนั้นเราจะได้เห็นมุมมองการอภิปรายของส.ว. ซึ่งคาดว่า รัฐบาลคงจะไม่อยากจะให้ส.ว.เปิดอภิปรายเท่าไร


เพราะเห็นจากการอภิปรายแค่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ท่านเดียว รัฐมนตรีโดนส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างเร้าใจ และสมราคาคุย


ข้อมูลโดนใจประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นมวยก็ถือว่าถึงโดนนับ โชดดีระฆังช่วยทัน


มิฉะนั้นต้องโดนชกสลบคาเวที หรือต้องถึงหาม


ในฐานะคนกลาง ต้องขอชมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมว่า คุมสติได้ดี ไม่โกรธหรือกล่าวคำไม่สุภาพแต่ประการใด


แต่ข้อมูลอธิบายไม่แจ่มชัด และยังคาใจในบางประเด็น


โดยเฉพาะประเด็นที่ไม่ได้ใช้ให้ อัยการสอบหาข้อมูลการฮั้วข้ามชาติ ในการซื้อเครื่องซี ที เอกซ์


ซึ่ง เป็นข้อมูลตรงกับที่ ส.ว.ได้เสนอต่อรัฐบาลให้ทำการขอความร่วมมือจากสหรัฐอเมริกา ในช่องทางของอัยการ


หากรัฐบาลไม่ทำ ก็จะเป็นข้อครหาว่าไม่ทำจริง และเป็นการปกปิดข้อมูล ไม่จริงจังในการแก้ไขปัญหาการทุจริต


ก็ต้องดูว่าหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว จะมีการขอความร่วมมือจากอัยการของสหรัฐอเมริการหรือไม่


และจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาการตรวจสอบซี ทีเอกซ์ ให้ดีกว่าเดิมหรือไม่


ที่สำคัญที่รัฐบาลที่ต้องเจอหนักกว่าการอภิปรายในสภาก็คือ การแก้ไขปัญหาวิกฤติในด้านการท่องเที่ยว ปัญหาน้ำมัน ปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง


เพราะขณะนี้พี่น้องประชาชนกำลังชักหน้าไม่ถึงหลัง ประหยัดจนไม่รู้จะเอาอะไรมาประหยัดแล้ว


ถามว่าผมรู้ได้อย่างไรว่าประชาชนลำบาก


ตอบอย่างวิศวกรที่เคยเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ ว่า ดูจากที่ มาม่า ไวไว บะหมี่สำเร็จรูปขายดีอย่างมากถึงยี่สิบเปอร์เซนต์


แสดงว่าประชาชนเจอราคาน้ำมัน เจอค่าน้ำค่าไฟ ค่าของที่แพงอย่างนี้ ต้องอดข้าวไปกินบะหมี่สำเร็จรูปกันแล้ว


แล้ว รัฐมนตรีผู้ดูแลบ้านเมืองยังขับรถหรูราคาหลายสิบล้านไปอวดในสภาได้อย่างไรครับ


ในขณะที่ขณะนี้ทั้งบ้านเมืองเขาไม่มีเงินไปซื้อน้ำมันมาใช้กันแล้ว !