Skip to main content

"เครือออน ฟ้อนฟ้า"

คอลัมน์/ชุมชน

"เครือออน ฟ้อนฟ้า" เป็นกวีอีกนามหนึ่ง ที่พาชีวิตวิถีอยู่กับโลกของการเรียนรู้ การต่อสู้อยู่เคียงข้างพี่น้องชาวนาชาวไร่ที่ทุกข์ทน บนผืนแผ่นดินที่เหือดแห้ง บนความแล้งน้ำใจของนักปกครองแห่งยุคสมัย เขาส่งบทกวีพร้อมบอกเล่าว่า กวีบทนี้ เขียนไว้ตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักกิจกรรม ทว่า,เมื่อกลับมามองโลกปัจจุบันความจริง ยังคงเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ใช่สิ, "เครือออน ฟอนฟ้า" ในห้วงขณะนี้ เขาถูกคดีความกว่า 40 คดี เมื่อร่วมกับพี่น้องชาวนาชาวไร่เข้ายึดผืนดินที่นายทุนฉ้อฉลเข้าครอบครอง




เธอแห่งยุคสมัย


1 .


ยังจำสัญญา ริมหาดทรายคืนฟ้ามืดสลัว


เธอกู่ก้อง " ต้องสละสุขส่วนตัว แปรความกลัวเป็นพลังวาดหวังใจ"


จักผ่านวันเพลิงคุระอุเผา จักปาดเอาเหงื่องานเป็นธารใส


จักข้ามคืนเริดร้างแล้งแสงไฟ จักส่องทางด้วยใจ ทระนง !!



จักโถมกายพลิกสิ้นแผ่นดินแล้ง จักทุ่มแรงพลิกสิ้นแผ่นดินโล่ง


ทะเลทรายจักกลายเป็นป่าดง จักกอบผงฝุ่นร้าวเป็นดาวดวง


จักหอบเอาความรักห่มหล้าโลก จักลบรอยเศร้าโศกให้ลับล่วง


จักฝากฝันแบ่งปันคนทั้งปวง จักพลีใจทั้งดวงแด่ผองชน


เพื่อให้โลกสดสวยด้วยความรัก เพื่อผลักไสคืนวันอันสับสน


เพื่อผู้คนตระหนักในค่าคน เพื่อยุคสมัยอาบล้นความดีงาม


 


2 .


แต่อีกครั้ง, ริมฝั่งฝันคืนนี้เธอครั่นคร้าม


ขอบโค้งฟ้าระยับดาววับวาม เธอทรุดนั่งท่ามน้ำตาพร่างพร่าพราย


ฉันฟังเธอสะอื้นว่า " เวลานี้ ชีวิตช่างไร้ค่า ไร้ความหมาย "


ทุกสิ่งอย่างจัดวางพังทลาย ที่ผ่านมาเปล่าดายกับสายลม


แต่ละก้าวละก้าวหนาวใจช้ำ เกินกลืนกล้ำเรื่องราวความขื่นขม


บ่าเคยแบกคือแอกหนักร้าวระบม ก้าวต่อก้าวจวนล้มคลุกคลีดิน


ไม่เหลือหวังอันใดในโลกหล้า มีเพียงม่านมายาลวงทั้งสิ้น


มอดดับแล้วดวงไฟในดวงจินต์ พ่ายพังภินฑ์แล้วหวังพลังใจ


หมดเรี่ยวแรงกำหมัดเข้าหยัดต้าน สุดทัดทานฉุดรั้งสังคมใหญ่


ก้มหน้ารับชะตากรรมตามเขาไป จักทนฝืนเพื่อใครทำไมกัน



3 .


โอ้เธอจ๋า… ขอฉันซับน้ำตาเธอด้วยใจฉัน


หลั่งออกมาเถิดน้ำตาความจาบัลย์ หลั่งรินรดความฝันและความจริง


เธอเดินทางมานานเหนื่อยและหนัก เธอที่รัก,หนทางทอดไกลยิ่ง


เธอมิได้พ่ายแพ้แก่ทุกสิ่ง เธอต้องการหยุดและนิ่งในบางครา


ด้วยว่ายุคสมัยเราเร่าร้อน ยุคสมัย ความรักซุกซ่อนหน้า


ยุคสมัย ความชังขังชีวา ยุคสมัย เงินตราวัดค่าคน


ยุคสมัย การยื้อแย่งทำลาย ยุคสมัย การขายซื้อฉ้อฉล


ยุคสมัย การค้าแบ่งชั้นชน ยุคสมัย การปล้นด้วยน้ำคำ


ยุคสมัย คนจนถูกทอดทิ้ง ยุคสมัย คนรวยยิ่งรวยล้ำ


ยุคสมัย คนจนทนเจ็บจำ ยุคสมัย คนรวยครอบอำนาจครอง


ยุคสมัย แผ่นดินสิ้นกวีหวาน ยุคสมัย สายธารขับเพลงหมอง


ยุคสมัย ฟากฟ้าไร้แสงทอง ยุคสมัย ทุนนิยมล่องเสรี


ยุคสมัย หนุ่มสาวถูกหล่อหลอม ให้สงบสยบยอมต่อวิถี


พึงพอใจต่อคำตอบเท่าที่มี จากกรงครอบระบอบชี้นำหนทาง



4 .


จึงน้อยนิด ผู้หาญคิดทลายกำแพงขวาง


จึงน้อยกว่าผู้กล้าฝ่าหลุมพราง จึงน้อยยิ่งผู้พลีสร้างทั้งชีวี


ย่อมมิง่าย หากหมายเปลี่ยนทันใดในวันนี้


เก็บถนอมความฝันเถิดคนดี โลกต้องมีสังคมใหม่ในสักวัน


การเปลี่ยนแปลงยังยืดเยื้ออีกนานนับ เราย่อมอาจขยับทีละขั้น


เราย่อมอาจตั้งหลัก ณ ปัจจุบัน เราย่อมคอยพลิกผันสถานการณ์


การก่อเกิดนั้นเจ็บปวดอยู่ทุกเมื่อ พร้อมก่อเกื้อศรัทธาความกล้าหาญ


พร้อมสั่งสมอุดมคติปณิธาน ให้ยืนนานคงมั่นดั่งสัญญา



5 .


อีกสักครั้ง เพียงหวังเธอก้าวเดินเผชิญหน้า


เก็บบทเรียนร้าวรานคราวผ่านมา เป็นตำราสอนใจคิดใคร่ครวญ


ด้วยโลกนี้ปรารถนาคนเช่นเธอ ผู้งามพร้อมเสมอความดีถ้วน


เธอคือฝันคือหวังคือทั้งมวล ของกระบวนสร้างโลกผ่องอำไพ


อีกสักครั้ง เพียงหวังเธอหยัดยืนขึ้นครั้งใหม่


บนหนทางแห่งยุคทอดยาวไกล เราจักฝ่ายุคสมัยไปด้วยกัน


.เครือออน ฟ้อนฟ้า.