Skip to main content

ปัญหาเรื่องการตรวจดีเอ็นเอและชาติพันธุ์

ข่าวการเจาะเลือดเยาวชนในสถานพินิจเพื่อตรวจดีเอ็นเอ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรือน่ากังวลจนเกินไป เพราะเชื่อว่าเป็นการเจาะเลือดเพื่อตรวจหา " ลายพิมพ์ดีเอ็นเอ " เพียงเพื่อใช้ประโยชน์ในการระบุตัวบุคคล มิใช่การเจาะเลือดเพื่อค้นหาข้อมูลพันธุกรรมทั้งหมด รวมทั้งมิใช่การเจาะเลือดเพื่อการค้นหา " ยีนอาชญากรรม " อย่างไรก็ตามควรที่สังคมจะช่วยกันทำความกระจ่างว่าเป็นเช่นที่ว่ามาจริง


การตรวจหาดีเอ็นเอเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ควรเฝ้าระวัง ปัจจุบันมีงานวิจัยบางชิ้นที่กำลัง เจาะเลือดเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอของชาวอาข่าเพื่อศึกษายีนที่รับผิดชอบต่อการใช้สารเสพติด แม้ว่างานวิจัยเหล่านี้น่าจะผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมของมหาวิทยาลัยมาแล้ว แต่ก็ควรที่สังคมจะช่วยกันสร้างความมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการนำเลือดของชาวอาข่าไปตรวจหาข้อมูลพันธุกรรมอื่น ๆ อีก


เยาวชนในสถานพินิจและชาวอาข่าเป็นกลุ่มบุคคลเปราะบางที่สาธารณชนมักไม่สนใจ เยาวชนในสถานพินิจเป็นชนกลุ่มน้อยเพราะสาเหตุด้านพฤติกรรม ชาวอาข่าเป็นชนกลุ่มน้อยเพราะความแตกต่างด้านชาติพันธุ์ คำถามง่าย ๆ มีว่า กลุ่มคนทั้งสองกำลังถูกการแพทย์สมัยใหม่รุกรานหรือเปล่า สังคมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการตรวจค้นดีเอ็นเอของกลุ่มคนทั้งสองเป็นไปเพื่อประโยชน์ของเจ้าตัว และเพื่อสังคมโดยรวมอย่างแท้จริง


บทเรียนในอดีตสอนให้เราไม่มั่นใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ย้อนหลังไปหนึ่งแสนปี ตั้งแต่ที่โลกเริ่มมีมนุษย์เป็นครั้งแรก บรรพบุรุษของเราที่ชื่อว่ามนุษย์ " นีแอนเดอร์ธาล " ถือกำเนิดขึ้นในยุโรปและตะวันออกกลาง เวลาผ่านไปหนึ่งหมื่นปีจึงเกิดมนุษย์อีกเผ่าพันธุ์หนึ่งเรียกว่า " โฮโมเซเปียนเซเปียน " มีหลักฐานว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่อสู้กันจนกระทั่งมนุษย์นีแอนเดอร์ธาลหายไปจากโลกในที่สุด นอกจากนี้ยังมีมนุษย์อีกหลายพันธุ์ถือกำเนิดขึ้นและผลิตเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น เผ่าพันธุ์ที่มีเทคโนโลยีสูงกว่าจะเป็นผู้ชนะ และกำจัดเผ่าพันธุ์ที่มีเทคโนโลยีต่ำกว่าเสมอ


การแพทย์ก็เป็นเทคโนโลยีชนิดหนึ่ง การแพทย์สมัยใหม่เช่นการตรวจค้นดีเอ็นเอยิ่งชัดเจนว่าเป็นเทคโนโลยีก้าวหน้า ลำพังการแพทย์แผนปัจจุบันที่มีอยู่เดิมก็มีนัยยะมากกว่าการรักษาโรคอยู่แล้ว กล่าวคือ การแพทย์แผนปัจจุบันมีสภาพเป็นเครื่องมือทางการเมืองของผู้ครองอำนาจเสมอมา


การแพทย์แผนปัจจุบันไม่เพียงรักษาผู้ป่วย แต่มันได้ทำหน้าที่ขับไล่การแพทย์แผนโบราณ การแพทย์แผนไทย แพทย์จีน แพทย์ล้านนาให้หายไปจากสังคมด้วย ในอีกแง่มุมหนึ่ง การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือทางการเมืองที่ใช้ปกครองคนท้องถิ่นนั่นเอง


แต่แล้วการแพทย์แผนปัจจุบันก็ได้ก้าวหน้ามาถึงยุคที่สามารถตรวจหาดีเอ็นเอ และข้อมูลพันธุกรรมของผู้คน จึงชวนให้ระแวงได้ว่าการตรวจหาดีเอ็นเอที่นิยมกันอยู่ทุกวันนี้นั้น เป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ใช้ปกครองหรือกำจัดกลุ่มคนด้วยหรือเปล่า เมื่อพิจารณาบทเรียนในอดีตนับแต่ดึกดำบรรพ์มาจนถึงการกำจัดชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งทำให้เราทราบว่ากลุ่มคนที่ครอบครองเทคโนโลยีที่สูงกว่าจะใช้เทคโนโลยีนั้นครอบครองหรือกำจัดกลุ่มคนที่ไม่พึงปรารถนาออกไปจากสังคมด้วยแล้ว ก็ยิ่งชวนให้ต้องระวังว่าเหตุการณ์เช่นนั้นกำลังเกิดขึ้นอีกรอบหนึ่งหรือไม่


สังคมที่ดีควรมีโอกาสเรียนรู้ปรากฏการณ์เหล่านี้ด้วยกัน


ไม่ตระหนกจนเกินเหตุว่าการตรวจดีเอ็นเอผู้คนเป็นการละเมิด แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจว่าจะไม่มีการละเมิด


ไม่ควรต่อต้านการตรวจดีเอ็นเอเพียงเพราะว่ามันเป็นเทคโนโลยีล้ำยุค แต่ก็ไม่ควรคลั่งไคล้จนลืมมองความเสียหายที่จะตามมา


ไม่ควรปล่อยเรื่องราวเช่นนี้ให้ขึ้นกับการตัดสินใจของผู้รู้เพียงไม่กี่คน แต่ควรที่สังคมจะเรียนรู้และช่วยท่านเหล่านั้นตัดสินใจให้เหมาะสม