Skip to main content

บ้านในฝัน สันติสุขทุกดวงใจ – a midwinter daydream

คอลัมน์/ชุมชน

หลาย ๆ ครั้งในหัวใจของคนเมืองหลวงก็คงมีความรู้สึกโหยหาชุมชนเล็ก ๆ ที่ตลบอบอวลด้วยบรรยากาศแห่งความทรงจำในอดีต กอปรกับที่ว่างให้ศิลปะได้ถูกจัดวางบ้าง



เมื่อสุดสัปดาห์หนึ่งที่ผ่านมา ณ ชุมชนเล็ก ๆ กลางใจเมืองอย่างย่านแพร่งภูธร ก็มีที่ว่างให้ความโหยหาเหล่านั้นได้เป็นจริงขึ้นบ้าง ในงาน " บ้านในฝัน สันติสุขทุกดวงใจ " ที่จัดในวันที่ 27-28 พฤศจิกายน


งานเริ่มต้นในเวลาคล้อยบ่าย ก็ได้เวลาเริ่มต้นเดินชมย่านสามแพร่งโดยมีการนำเที่ยวย่านแพร่งภูธร รวมทั้งแพร่งสรรพศาสตร์และแพร่งนรา ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้า...เพราะในตอนนั้นผมยังมะงุมมะงาหรากับการหาทางเข้าแพร่งภูธรอยู่ ซึ่งถ้าไม่ได้คุ้นเคยกับเส้นทางจริง ๆ ก็อาจทำให้หลงทางกันง่าย ๆ


น้องเอ๋ – น้องสนิทของผมที่บังเอิญได้ร่วม ขบ วนเยี่ยมชมแพร่งมาบอกผมตอนหลังว่า " แต่แหม...พี่ น่าเสียดายนะที่พี่มาไม่ทัน เพราะมันอเนกมากเลยอ่ะพี่ " อเนกที่น้องพูดหมายถึงอเนก นาวิกมูล นักสะสมและเล่าประวัติศาสตร์คนนั้น (คุณอเนกไม่ได้มาร่วมขบวนด้วยหรอกครับ แต่รูปแบบของการนำเสนอที่นำเกร็ดประวัติศาสตร์จากสถานที่ต่าง ๆ มาเล่าให้ฟังประกอบการเยี่ยมชม ทำให้นึกถึงหนังสือของคุณอเนกเข้ามาตะหงิด ๆ )


นอกจากการเดินชมย่านสามแพร่งแล้ว ภายในบริเวณแพร่งภูธรยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ ซุ้มสาธิตการปั่นฝ้าย-ย้อมครามของยายไฮ ขันจันทา ที่แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนกว่าจะมาเป็นผ้าฝ้ายตั้งแต่การแยกเมล็ดฝ้ายจนถึงการปั่นฝ้าย รวมถึงการให้ผู้เข้าร่วมงานได้พูดคุยกับคุณยายไฮได้ ซึ่งก็นับว่าน่าเหนื่อยแทนคุณยาย เพราะมีคนทยอยมานั่งคุยกับยายอย่างไม่ขาดสาย...แต่ถึงกระนั้น ยายไฮก็ยังยิ้มแย้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี



หลังจากนั่งคุยกับยายไฮแล้ว ก็แวะไปดูซุ้มของนายดาบตำรวจวิชัย สุริยุทธ - นักปลูกต้นไม้ตัวจริงที่ไม่ได้ปรากฎแค่ในหนังสือ " คนปลูกต้นไม้ " ของ ฌ็อง   ฌิโอโนเท่านั้น ซึ่งภายในซุ้มก็มีการแจกเมล็ดพันธุ์ไม้ รวมทั้งมีการให้ผู้เข้าชมได้ระบายสีกระถางต้นไม้เพื่อนำไปเพาะเมล็ดที่บ้านด้วย



และยังมีซุ้มผ้าบาติกจากโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก ผ้ามัดย้อมจากโรงเรียนเด็กรักป่า ซุ้มปั้นดินจากคุณยายเกาะเกร็ด รวมถึงการวาดรูปล้อลงบนเสื้อยืดด้วย นอกจากซุ้มต่างๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมละครต่าง ๆ รวมทั้งนิทานจากหลากหลายกลุ่มแสดงอยู่ในรอบ ๆ งานด้วย




เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น ก็ได้เวลาของการแสดงบนเวทีกลางงาน ที่ทั้งสองวันมีกลุ่มโฮป แฟมิลี่เป็นตัวยืน โดยมีศิลปินอื่นๆ สลับสับเปลี่ยนกันในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงของดร. แซก สตริงควินเตต และบี๋-คณาคำ อภิรดี (27 พ.ย.) หรือโก้ มิสเตอร์แซกแมน และ A Cappella Seven (28 พ.ย.)





<><><><><><>  


เมื่อเสียงเพลงโน้ตสุดท้ายของโฮป แฟมิลี่หยุดลง พร้อม ๆ กับผู้ชมงานที่ทยอยออกจากงาน ผมกับเอ๋พบว่าขยะในบริเวณงานนั้นน้อยเหลือเกิน ซึ่งต่างจากมหรสพกลางแจ้งส่วนใหญ่ที่มักจะทิ้งขยะกองโตไว้ให้ดูต่างหน้า


" ทำไมขยะน้อยอย่างนี้วะ " ผมถามเอ๋


" งานแบบนี้ก็งี้แหละพี่ มันไม่ใช่กลุ่มที่จะทิ้งอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า " เอ๋ตอบ


มันก็อาจจะจริง ที่หากเรากล่อมเกลาคนในสังคมด้วยศิลปะ และจิตสำนึกในการมองสังคมที่ไม่ได้มีคำตอบอยู่ที่ตัวเองเพียงอย่างเดียว สิ่งที่เราได้กลับมาก็น่าจะเป็นพลเมืองที่จิตใจอ่อนโยน และใส่ใจกับสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่...