Skip to main content

งานวัดไทย งานวัดฝรั่ง

คอลัมน์/ชุมชน

 


"เฮ้ย มึง เสาร์นี้ว่างมั้ยวะ" ไอ้นำ-เพื่อนสมัยประถมพูดกับผมผ่านทางสายโทรศัพท์
"เออๆๆ พอจะว่างอยู่...นี่มึงจะพากูไปไหนอีกเนี่ย" ผมถามมันกลับ
"ก็มันมีสวนสนุกที่เมืองทอง มึงจะไปมั้ย"
"เหรอๆๆ งั้นพอถึงวันมึงก็มารับกูที่บ้านแล้วกัน" ผมตอบพร้อมวางสาย


...สองวันต่อมา


ไอ้นำและเพื่อนสมัยประถมอีกจำนวนหนึ่งโขยงก็เอารถมาจอดที่หน้าบ้านผม แล้วก็บรรจงกดออดพอให้ผมรู้ตัว...ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย -___-"


ว่าแล้วผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็รีบลงไปเจอกับพวกมันในทันที ซึ่งพวกมันก็รอท่าอยู่แล้ว เมื่อผมลงไปถึง รถกระบะที่ใช้เป็นพาหนะของพวกเราก็เริ่มแล่นไปสู่ที่หมาย...


ระหว่างที่ผมกับเพื่อน ๆ นั่งรับลมเย็นสบายที่ปะทะเข้าหน้าระหว่างขึ้นทางด่วน (ท่อนนี้ผมโกหกครับ...เพราะจริง ๆ แล้วรถไอ้นำมันติด cab เสียหนาแน่นโดยไม่ติดแอร์ ซึ่งพอเปิดประตูหลังออก ไอ้ที่เข้ามาก็ไม่ใช่ลมเย็น ๆ แต่ดันเป็นควันท่อไอเสียของรถไอ้นำนี่สิ เฮ้อ... แต่ที่ผมต้องโกหกท่านผู้อ่านก็เนื่องจากว่าโกหกแล้วมันดูดีกว่านะครับ) ผมก็คิดถึงงานวัดภูเขาทองขึ้นมาในทันทีทันใด


...ภาพที่ผมเห็นคือภาพของพื้นที่ภายในวัดสระเกศที่ถูกแปรสภาพให้กลายเป็นงานเทศกาล ภาพความสงบของวัดถูกแทนที่ด้วยความรื่นเริงชั่วขณะ ภายในอุดมไปด้วยของใช้ต่าง ๆ ทั้งเสื้อผ้า ที่นอนหมอนมุ้ง อุปกรณ์ช่างต่าง ๆ แผ่นซีดี และอีกจิปาถะ


แต่สิ่งที่ผมสนใจคือบรรดาอาหารในงาน ที่มากและหลากหลาย ตั้งแต่ข้าวเกรียบว่าว ขนมถังแตก ก๋วยเตี๋ยวเรือ บุหรี่ตราแมว (รวมทั้งขนมยุค Retroชนิดต่างๆ) ลูกชิ้นปิ้ง ไก่ย่าง หอยทอดและอื่น ๆ อีกมากมาย



พูดถึงงานวัด บรรดาของเล่นต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานวัด ตั้งแต่เกมเล็กๆ อย่างช้อนปลาทอง (เอาช้อนกระดาษที่หนากว่าทิชชูนิดนึงช้อนปลาทองขึ้นมาให้ได้ ถ้าช้อนได้ก็ได้ปลาตัวนั้นฟรี) ยินปืนลม สาวน้อยตกน้ำ ม้าหมุน (อันนี้สำหรับเด็ก ๆ ครับ) แต่ที่เป็นสิ่งที่ผมต้องนั่งแน่ ๆ ก็คือชิงช้าสวรรค์ ที่แม้ว่าจะไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ประกอบกับน้ำหอมกลิ่นไก่ย่างที่มักจะโชยเข้าจมูกระหว่างนั่ง แต่ก็เป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้บรรยากาศงานวัดสมบูรณ์ (ยิ่งตอนที่ได้นั่งชิงช้าสวรรค์กับ "นางอันเป็นที่รัก" นี่...บรรยายไม่ถูกครับ :)


แต่สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือการขึ้นไปบนภูเขาทองเพื่อไหว้พระบรมสารีริกธาตุ และดูทิวทัศน์บนยอดเจดีย์ (ที่ผมหลงไม่กล้าขึ้นอยู่นานสองนาน ด้วยเหตุว่าผมกลัวความสูง แต่พอขึ้นไปจริงๆ...กรุงเทพก็สวยไม่หยอกนะ)...


ผมนั่งคิดถึงงานวัดภูเขาทองอยู่สักพัก จนไอ้นำมันเรียกให้ลงรถ "เอ้า ถึงที่แล้วมึง นั่งหาอะไรอยู่วะ"



เมื่อลงจากรถแล้ว ภาพที่ผมได้เห็นคือชิงช้าสวรรค์คู่ขนาดใหญ่ (หนึ่งในนั้นเขาว่ากันว่าเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเสียด้วย) เครื่องเล่นหลายชิ้นตามแบบสวนสนุกทั่วไป ซุ้มเกมส์ต่างๆ และป้ายไฟสีสวยสดที่หน้าทางเข้าติดชื่อหรา... "Coca Cola World Carnival Bangkok"


ผมกับไอ้นำและเพื่อนๆ ทุกคนผ่านเข้าไปในตัวสวนสนุกโดยไม่ต้องเสียตังค์ (ด้วยอิทธิฤทธิ์จากฝาน้ำอัดลมยี่ห้อที่เป็นสปอนเซอร์งาน 3 ฝา ส่วนค่าบัตรผ่านประตูจริงๆ...20 บาทครับ)


เมื่อเดินเข้าไปในงาน ผมก็พบกับซุ้มแลกเหรียญสำหรับนำไปเล่นเครื่องเล่น ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วงาน ซึ่งถ้านึก ๆ ไปก็เหมือนกับเรากำลังเข้าไปในประเทศสักประเทศหนึ่ง ที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเป็นของตัวเอง ซึ่งผมขอสมมติว่าค่าเงินของประเทศนี้เป็น Token แล้วกันครับ


อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของที่นี่คือ 1 Token=25 บาทไทยครับ ซึ่งเมื่อแลกเหรียญของเขาแล้ว เขาจะให้กระดาษระบุจำนวนเงินที่เราแลกไว้ ซึ่งจะมีประโยชน์ในการนับ "ค่าเสียหาย" หลังงานเลิก (งานนี้ผมเสียเงินไป 400 บาทถ้วน แต่ไอ้นำที่เพิ่งได้ตังค์จากหุ้นมา มันซัดไปพันเจ็ด -___-")


หลังจากที่แลกเหรียญแล้ว ผมก็เดินสำรวจดูเครื่องเล่นต่าง ๆ โดยตั้งใจว่า "ยังไงซะ พ่อจะล่อให้เรียบซะเลย" (เอ่อ... "ล่อ" ที่ว่าเนี่ยหมายถึง "เล่น" นะครับ) แต่เมื่อดูโดยรอบงานแล้ว...ผมก็ตัดสินใจยกเลิกความคิดนั้นในทันที ทำต้องทำตัวเขียมทันที เพราะถ้าดูจากราคาแล้ว...ที่นี่ค่าครองชีพสูงใช่เล่น (เครื่องเล่นส่วนใหญ่จะใช้ 4-5 Token แต่ที่โหดสุดคือ Reverse Bungy ที่คล้าย ๆ กับบันจี้จั๊มป์ที่เปลี่ยนจากการโดดจากที่สูงเป็นการยิงจากพื้นขึ้นไปแทน ที่ต้องใช้ถึง 14 Token หรือ 350 บาท!!! ส่วนบรรดาเกมต่างๆ ในนั้น ที่มีตุ๊กตาขนาดเบิ้มเป็นเครื่องล่อใจ ก็ต้องใช้ตั้งแต่ 1-4 Token เป็นต้นไป)


ไอ้ครั้นจะหาร้านน้ำ ร้านขนมบ้าง ก็พบว่ามันก็มีอยู่ แต่เป็นราคามาตรฐาน Food Center ตามห้างน่ะแหละ แถมการจะซื้อก็ต้องซื้อด้วยคูปองเหมือนกันซะอีก


ขณะที่เดินไปเรื่อย ๆ ไอ้นำมันก็ชวนผม "เฮ้ย เข้าบ้านผีกันมั้ยมึง 5 Token เอง"...เอาซะหน่อยก็แล้วกัน


ผมคิดถึง "บ้านผี" แบบไทย ๆ ในงานวัด ที่เมื่อเราเข้าไปในซุ้มเล็ก ๆ เหล่านั้น ก็จะมีคนแต่งตัวเละ ๆ เลอะๆ คอยต้อนรับและส่งเสียง "แฮ่..." คอยทำให้คนขวัญอ่อนต้องหวาดผวา (แม้เมื่อดูในยามปรกติแล้วมันจะดูน่าขำมากกว่าน่ากลัวก็เถอะ)


แต่สำหรับบ้านผีใน "งานวัดฝรั่ง" คราวนี้กลับดูเป็นบ้านขนาดใหญ่ ดูน่าเกรงขามมากเชียว แถมก่อนเข้าบ้านเขายังให้เราใส่แว่น 3 มิติซะอีก


งานนี้เขาน่าจะทุ่มทุนสร้างน่าดู...


เมื่อถึงรอบของพวกเรา เราทั้งกลุ่มก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน เมื่อแรกเห็นก็ได้เจอกับแสงหลากสีสวยงาม (อันเป็นผลจากแว่นสามมิติ) และเสียงโครมครามสร้างบรรยากาศความหลอน บวกกับบ้านที่มีกลไกนิด ๆ อาทิ ห้องที่ดูเหมือนจะหมุนตลอดเวลา เป็นต้น


เฮ้ย...ชักน่าสนุกแล้วสิ


ในที่สุดก็มาถึงจุดตื่นเต้น เมื่อเราเดินไปเรื่อย ๆ เราก็ได้พบกับฝาห้องที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกเปิดออก พร้อมกับมีคนแต่ชุดผีเดินออกมาพร้อมร้องว่า "แฮ่..."


กรรม...เล่นมุขเดียวกับงานวัดภูเขาทองเลยอ่ะ -___-"


เมื่อออกมาจากบ้านผี ผมกับเพื่อน ๆ ก็ตระเวนล่าตุ๊กตาจากเกมต่าง ๆในงาน ซึ่งก็มีตั้งแต่ใช้ฝีมือ (โยนห่วงคล้องลงคอขวด ถ้าลงที่สีไหนก็จะได้ตุ๊กตาตามที่กำหนด, ตั้งขวดน้ำอัดลมด้วยคันเบ็ดที่เป็นเชือกกับห่วง โดยไม่ให้ห่วงหลุดออกจากขวด ฯลฯ) จนถึงใช้ดวงล้วน ๆ (เลือกถุงกระดาษแล้วเปิดดู ถ้าในถุงมีสัญลักษณ์พิเศษจะได้ตุ๊กตาไซส์ยักษ์ แต่ถ้าไม่ได้ก็จะได้ตุ๊กตาที่อยู่ในถุงแทนฯลฯ )


ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่าเราเสีย Token จากเกมเหล่านี้ซะมากกว่าจากเครื่องเล่นซะอีก ทั้งๆ ที่ผลที่ได้ก็เป็นตุ๊กตาไม่กี่ตัว


หลังจากนั้นผมก็เล่นเครื่องเล่นอีกอย่าง-สองอย่าง (ของเล่นที่เหมือนกับ "ล่องแก่ง" ในดรีมเวิร์ล แต่ขนาดเล็กกว่าหน่อย กับอะไรอีกอย่างที่ผมจำไม่ได้แล้ว) หลังจากนั้นเราก็พากันไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ที่เขาว่าสูงที่สุด และเป็นที่เดียวที่ติดแอร์ (เหตุที่เราพร้อมใจกันขึ้นก็เพราะว่ามันดูเป็นสัญลักษณ์ของงานดีครับ ประมาณว่าจะได้ไปอวดคนอื่นเขาว่า "ถ้าแกไม่ได้มานั่งชิงช้านะ...มาไม่ถึงที่นี่จริงๆ นะแก")


เมื่อชิงช้าเริ่มพาเราขึ้นไปยังที่สูงขึ้นแล้ว เสียงเพลงต่าง ๆ ที่เราเคยได้ยินตอนอยู่บนพื้นดินก็ค่อย ๆ เงียบลง เราเริ่มมองเห็นภาพงานในมุมสูง รวมถึงภาพที่จอดรถและทางด่วนที่อยู่ใกล้ ๆ กัน...


แต่กับผู้คนในงาน เรากลับไม่เห็นเอาเสียเลย มันต่างกับตอนที่ผมนั่งบนชิงช้าที่วัดภูเขาทอง ซึ่งสูงไม่มากนัก และเราก็ยังรู้สึกว่าเราเป็นก้อนหนึ่งเดียวกับงาน


แต่กับชิงช้าสวรรค์ที่นี่ มันทำให้ผมเหมือนไม่ใช่องค์ประกอบในงานนี้...หรืออาจจะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกใบนั้น...



หมายเหตุ : .รูปประกอบนำมาจาก
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E3142665/E3142665.html
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E3142872/E3142872.html และ
http://www.taklong.com/webboard/show.php?Category=taklong&No=38675