Skip to main content

ดนตรีในสวน

คอลัมน์/ชุมชน

 


สิ่งที่น่าทรมานที่สุดสำหรับคนทำงานด้านขีด ๆ เขียน ๆ คือการคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไร ยิ่งโดยเฉพาะในตอนที่ใกล้ถึงเส้นตายที่จะต้องส่งงานแล้วยังไม่สามารถจรดปากกาได้นี่...ต้องนับว่าเป็นสุดยอดความทรมานพอ ๆ กับการปวดฉี่ในขณะเดินทางข้ามจังหวัดโดยที่ข้างทางไม่มีปั๊มน้ำมันแม้แต่แห่งเดียว


ผมก็กำลังประสบกับอาการเช่นนี้อยู่ ทั้ง ๆ ที่ผมควรจะเร่งทำงานส่งเสียที หลังจากที่ผม "อู้" ไปพักใหญ่ ๆ กว่าจะรู้ตัวก็พบว่างานในชุมชนอื่น ๆ เขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว


ในขณะที่สมองผมกำลังปั่นเหมือนจักรถูกหนูถีบนั้น คุณ "เด็กใหม่ในเมือง"-นักเขียนหน้ามลคนรูปงาม (เอ่อ...ผมไม่ได้คิดมุขนี้เองนะ แต่เจ้าเด็กใหม่ ฯ มันบังคับให้ผมเขียนแบบเนี้ย) แห่ง "บ้านบรรทัดห้าเส้น" มาหาผมที่บ้านเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมกับถามผมว่า...


"เฮ้ย ไปดูดนตรีในสวนกันมั้ยมึง"


"ดนตรีในสวน...ที่มันจัดที่สวนลุมฯ ใช่มั้ยวะ คือ...ก็เคยได้ยินนะ แต่กูไม่เคยไปเลยว่ะ"


"ไอ้นี่...มึงกำลังจะพลาดของดีแล้ว รู้มั้ย เอางี้... เดี๋ยวพาไปเอง นี่มึงเขียนเรื่องท่องเที่ยวประสาอะไร
ฟะ แค่โปรแกรมในเมืองก็ยังไม่เคยไปเลย"
ว่าแล้วมันลากผมออกจากบ้านโดยไม่ได้ถามผมเลยว่าผมว่างหรือเปล่า


แต่เอาเถอะ โชคดีที่ว่าผมว่างอยู่ ประกอบกับไหน ๆ ก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อยคงไม่เลวเหมือนกัน...


@#@#@#@#@


"ดนตรีในสวนจัดในวันอาทิตย์ช่วงปลายปีคาบเกี่ยวถึงช่วงต้นปีที่สวนลุมฯ แบบนี้มา 12 ปีแล้วแหละ ซึ่งจริงๆ แล้วดนตรีในสวนจะมีการแบ่งเป็นสองช่วง คือช่วงของวง BSO (Bangkok Symphony Orchestra) ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ช่วงดนตรีไทยต่อนะ" เด็กใหม่ฯ พูดพลางเคี้ยวไส้กรอกแกล้มผักดองตุ้ยๆ


"แล้วนี่แกมาทุกปีหรือเปล่าวะ" ผมถามมัน


มันพูดทั้ง ๆ ที่ไส้กรอกยังอยู่ในปาก "อ๋อ...กูมาได้สี่ซ้าห้าปีแล้วแหละ ได้เห็นตั้งแต่ตอนที่มันยังเป็นแค่เวทีชั่วคราวที่พอจะมีการแสดงทีนึงก็สร้างขึ้นมาทีนึง จนเดี๋ยวนี้กลายเป็นศาลาแสดงคอนเสิร์ตถาวร แต่สิ่งนึงที่มันก็ยังเป็นอยู่แบบนี้ตลอดเวลา ก็คือภาพของคนที่มาดูคอนเสิร์ต ที่มักจะมากันทั้งครอบครัว พร้อมกับนั่งปูเสื่อกินขนม-อาหารหยั่งกะเป็นปิกนิกกลาย ๆ เชียวแหละ"


หลังจากมันพูดแบบนี้ ผมจึงสังเกตไปรอบ ๆ ตัว ก็พบว่ามันเป็นจริงอย่างที่เด็กใหม่ฯ มันว่าน่ะแหละ เพราะในพื้นที่ของลานหน้าเวทีถูกจับจองด้วยเสื่อจำนวนมาก (ทั้งที่คนนั่งนำมาเอง และที่เช่าจากแม่ค้าแถวนั้นในสนนราคา 20 บาทขาดตัว) ที่มาพร้อมกับครอบครัวหลาย ๆ ครอบครัวในท่าทีสบาย ๆ


ที่สำคัญ...ผมไม่เห็นว่าจะมีใครพกบันไดมาฟังเพลงกันสักคน


ผมมองไปที่นักดนตรีบนเวที ก็ดูว่าจะไม่มีใครพกบันไดมาเล่นด้วยเช่นกัน เพราะไม่เห็นมีใครมาในเครื่องแต่งกายแบบนักดนตรีคลาสสิกในภาพที่เราเคยเจนตา หากแต่มากับเสื้อยืด และกางเกงขายาวเสียมากกว่า


เมื่อถึงเวลาห้าโมงนิด ๆ โน้ตตัวแรกของการแสดงก็ดังขึ้น เสียงดนตรีเรียกเกือบทุกสายตาให้มองไปที่เวที จะมีก็แค่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่การได้วิ่งเล่นนั้นน่าสนุกกว่า ซึ่งผมก็แอบชักภาพเด็ก ๆ เหล่านั้นเก็บไว้ด้วย


"อิจฉาเด็กๆ ว่ะ ที่เกิดในยุคที่มีกิจกรรมแบบนี้ให้ได้สัมผัส เพราะกูเชื่อนะ ว่าการให้เด็กได้สัมผัสดนตรีหรือศิลปะดีๆ มันจะกล่อมเกลาจิตใจของพวกเขาให้อ่อนโยนในอนาคต แต่...มันก็น่าเสียดายว่ะ ว่าแต่ตอนนี้เหลือไส้กรอกชิ้นสุดท้ายแล้ว มึงกินดิ" เด็กใหม่ฯ พูดพลางส่งไส้กรอกชิ้นสุดท้ายให้ผม


"มึงกินเหอะ...ว่าแต่ว่ามันน่าเสียดายตรงไหนวะ"


"มันน่าเสียดายตรงที่ว่าไอ้ของแบบนี้มันกระจุกอยู่ที่ในเมืองนะสิ แล้วโชคที่ร้ายที่ว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้ถูกนิยามว่าเป็น "ความเจริญ" เสียด้วยสิ" มันพูดหลังจากที่จัดการกับไส้กรอกชิ้นสุดท้าย


ผมถามมัน "แล้วมึงจะต้องให้เอา BSO ตระเวนเล่นทุกจังหวัดเหรอวะ"


"ไม่ใช่อย่างงั้นโว้ย กูหมายถึงว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมักจะมองความเจริญที่เรื่องเศรษฐกิจ แต่สำหรับเรื่องศิลปวัฒนธรรมล่ะ มีใครคิดหรือเปล่าว่ามันคือความเจริญ ขนาดหอศิลป์ฯ ที่จะสร้างแถว ๆ มาบุญครองนี่ก็แท้งไปจนได้ พอจะเกิดก็มีคนจะเอาไปทำลานจอดรถซะอีก เฮ้อ..." มันพูดพลางถอนหายใจ


เมื่อดนตรีแสดงไปได้สักพัก พิธีกรก็จูงเด็กตัวเล็ก ๆ ขึ้นมาบนเวที พร้อมทั้งประกาศหาผู้ปกครอง สักพักนึงแม่ของเจ้าเด็กตัวน้อยก็ยืนขึ้นกลางฝูงชน และเจ้าหน้าที่ก็พาเจ้าเด็กคนนั้นไปหาแม่ของเขา พร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังมาโดยไม่ได้นัดหมาย


"เออ ตลกดีว่ะ เห็นเคยเจอแต่ประกาศให้เลื่อนรถ งานนี้มีประกาศตามหาพ่อแม่ด้วยแฮะ" ผมพูด


"เฮ้อ...ทำไมทีของกู เขาไม่เห็นจะประกาศเรียกเลยวะ"


"เดี๋ยว ๆ มึงทำอะไรหายไปวะ ก็เห็นมึงอยู่กะกูตลอดนี่"


"คือ...กูทำหัวใจหล่นหายไปกับสาว ๆ แถวนี้นะสิ"


พอผมได้ยินแบบนั้นก็ไม่ว่ากระไร นอกจากจะรีบเดินไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด เพื่ออ้วกกับมุขน้ำเน่า ๆ ของมัน


เมื่อเวลาเคลื่อนมาถึงหนึ่งทุ่มตรง การแสดงประจำวันนี้จบลง มันก็ถามผมอีกว่า "อาทิตย์หน้ามึงจะมามั้ย"


ผมไม่ได้ตอบมัน แต่ก็คิดไว้แล้วว่าคราวหน้า...ฝ่ายที่ถามว่า "ไปดูดนตรีในสวนกันมั้ยมึง" จะไม่ใช่มันแน่ๆ...


หมายเหตุ : เทศกาลดนตรีในสวนโดยวง BSO นั้นมีทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00-19.00 ณ ศาลาภิรมย์ภักดี บริเวณลานต้นปาล์ม สวนลุมพินี ซึ่งจะมีไปจนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ สนใจติดตามรายละเอียดได้ที่ http://www.bangkoksymphony.org/