Skip to main content

ผาเดียวดาย กับเด็กชายอายุ12 "

คอลัมน์/ชุมชน









 
 


การเดินทาง


ปิดภาคเรียนคราวนี้อยู่ในช่วงของฤดูร้อน ไกด์อู๋มีนัดกับ Backpacker ตัวน้อย เป็นเด็กผู้ชายอายุ 12 ปี จากจังหวัดนครราชสีมา ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวป่าเขาใหญ่ ดูนกชมไพร สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตกันสักสองวัน หนึ่งคืน จึงนัดหมายกันที่สถานีรถไฟปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยต่างคนต่างเดินทางมาพบกัน ใช้บริการของการรถไฟฯ เที่ยวเช้าวันเสาร์


ไกด์อู๋ใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 06.40 น. ถึงปากช่องเกือบ 11.00 น. โดยขบวนรถเร็วที่ 135 คิดค่าบริการโดยสารรวมค่าธรรมเนียมแล้ว 96 บาท ในขณะที่ Backpacker ตัวน้อย ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าจากสถานีรถไฟนครราชสีมา (หัวรถไฟ) เวลา 08.22 น. ถึงปากช่องเวลาประมาณ 10.00 น. กับขบวนรถที่ 234 ค่าโดยสาร 18 บาท เท่านั้น แล้วเราก็พบกันตามนัดหมาย จึงทักทายกันบ้างตามประสา สอบถามถึงเรื่องราวระหว่างเดินทาง ก็จัดได้ว่า สะดวกและประหยัดมากสำหรับการเดินทางในทริปนี้ พร้อมทั้งทบทวนตรวจทานความพร้อมอุปกรณ์ในเป้ใบสวย ( ลายพรางทหารด้วย ท่าทางเอาจริง แฮะ หมอนี่ )


เป้าหมาย ผาเดียวดาย


จุดชมวิวที่น่าสนใจบนเขาเขียว ประมาณ ก.ม.12 เส้นทางแยกเขาเขียว - สถานีทวนสัญญานกองทัพอากาศ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 900 เมตร เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกเส้นทางหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก พรรณไม้ที่ขึ้นในบริเวณป่าผาเดียวดาย ส่วนใหญ่เป็นพรรณไม้ที่หายาก เช่น สนสามพันปี


ด้วยความชุ่มชื้น ประกอบกับความสมบูรณ์ของป่า ทำให้ยังพอมองเห็นหญ้าข้าวก่ำขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่สำหรับปีนี้ดูจะน้อยกว่าเดิม เนื่องจากความแห้งแล้งกว่าปกติที่ผ่านมา แม้จะมีฝนหลวงตกลงมาช่วยบรรเทาแล้งบ้าง แต่มองดูด้วยสายตาแล้ว ไกด์อู๋ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ฤดูฝนปีนี้จะมีน้ำพอให้ป่าธรรมชาติบริเวณนี้ได้ฟื้นคืนความสดใสอีกหรือไม่


เดิมบริเวณพื้นดินตรงหน้าผาซึ่งเป็นจุดชมวิว จะมีมอสขึ้น ปกคลุมพื้นดินเขียวขจีดุจผืนกำมะหยี่ที่ปูโต๊ะสนุ๊กเกอร์ แต่วันนี้เหลือน้อยเต็มที แต่ก็สวยไปอีกแบบ มีผงคล้ายทรายสีขาวละเอียดทั่วบริเวณ ไกด์อู๋เข้าใจว่า น่าจะเป็นมอสที่ตายแล้วจากพิษของภัยแล้ง ตั้งใจจะพักสักครู่ แล้วเดินทางต่อ และแล้ว รางวัลแห่งการเดินทาง ก็มีให้เราได้ชมเป็นขวัญตา "สองตัวครับ" เสียง Backpacker ตัวน้อย กระซิบเบาๆ ไกด์อู๋ จึงหันมองตามน้ำเสียงกระซิบบอกลักษณะเชิญชม เห็นนกเงือกโผบินกลับเข้ารังที่ต้นไม้ใหญ่เบื้องล่างของหน้าผา 2 ตัว จึงรีบคว้ากล้อง หวังจะเก็บภาพ ตัวต่อไป แต่รอแล้วรอเล่าเกือบครึ่งชั่วโมง ไม่เห็นมีตัวที่ 3 หรือ 4 ตามมา จึงเป็นบุญตาเพียง 2 ตัวก็ยังดี จากเดิมที่เคยมีนักดูนกเคยนับได้คราวเดียวถึง 80 ตัวเลยทีเดียว


 


ที่หลับ ที่นอน ศูนย์ควบคุมและรายงานเขาเขียวของกองทัพอากาศ


"เขตทหาร ยินดีต้อนรับ" เราได้รับการต้อนรับจากพี่ชายแสนดี นามว่า จ่ากั๊ง ที่ศูนย์ควบคุมฯ กองทัพอากาศ ดูแลเรื่องบ้านพักรับรองให้ เป็นบ้านพักซึ่งตั้งอยู่ในแค้มป์ของกองทัพอากาศ โดยคิดค่าบริการทำความสะอาดสถานที่และเครื่องนอน เพียงท่านละ 100 บาท บรรยากาศดี ผ้าปูที่นอนขาวจั๊วะ ผ้าห่มใหม่เอี่ยม เตียงสปริงของทหาร นอนแล้วรู้สึกว่าห่อตัวดี (Backpacker ตัวน้อย ถึงกับออกปากชม "เหมือนมีคนนอนกอด")


อากาศเย็นสบาย ดอกไม้ สวยสะพรั่งทั่วแค้มป์ ทั้งกุหลาบหลายหลากสี แคยักษ์ ลำโพง และพรรณไม้หายากเช่น พญาไม้ มะขามป้อมแดง ขุนไม้ ข้าวดอกฤาษี อีกทั้งสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของเหล่าลูกทัพฟ้าที่นี่ คือ เม่น 1 ฝูง ครับ น่ารักมาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกันละครับ ทหารที่นี่เขาเลี้ยงเม่น เหมือนเราเลี้ยงสุนัข หรือแมว ตามบ้านที่อยู่อาศัย อย่างไรก็อย่างนั้น แถมมีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับเม่นฝูงนี้อย่างน่าสนุกสนาน แต่พี่ ๆ ทหารที่แค้มป์ ขอร้องว่า กรุณาเก็บไว้เป็นไฮไลท์ ใครอยากรู้ให้ไปพิสูจน์ด้วยตนเอง


จ่ากั๊งเล่าว่า ที่แค้มป์ทหารแห่งนี้ ได้สำรวจและสร้างไว้ตั้งแต่ปีที่ไกด์อู๋เกิดพอดี คือ พ.ศ.2508 โดยได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน เขตทหารยินดีต้อนรับ โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องติดต่อขออนุญาตจากกองรักษาการณ์ที่ประตูทางขึ้นศูนย์ควบคุมฯ ห้ามถ่ายรูปภายในบริเวณยุทธศาสตร์หวงห้าม และต้องทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศ ผู้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่เท่านั้น


อาหาร การกิน พ่อครัว รั้วของชาติ


มื้อเด็ด ทริปนี้ต้องแนะนำฝีมือ พ่อครัว รั้วของชาติ ณ ห้องอาหารสโมสรภายในแค้มป์ ทีเด็ดเลยก็คือ ผัดเผ็ดกบ เนื้อแดดเดียว ปลาทับทิมทอดกระเทียม ต้มไก่บ้าน กินอย่างราชา ราคาทหาร ระดับความอร่อย ไกด์อู๋ให้ 4 ดาว เป็นมื้อค่ำที่ถูกปากโดนใจคนสองวัย คือไกด์อู๋ และ Backpacker ตัวน้อย สะสมพละกำลังไว้ สำหรับกิจกรรมส่องสัตว์ยามค่ำคืน


กิจกรรม ส่องสัตว์ ยามค่ำคืน


หลังอาหารค่ำผ่านกระบวนการย่อยสลายกลายเป็นพลังงาน เวลาประมาณ 19.00 น. เรานัดหมายกับ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ โดยมีค่าบริการ 700 บาท สำหรับ 3 ชั่วโมงในการส่องสัตว์ค่ำคืนนี้ มีรถกระบะเปิดโล่ง ไม่มีหลังคา เป็นพาหนะในการนำชม พร้อมเจ้าหน้าที่ส่องไฟและบรรยายถึงวิถีชีวิตของสมาชิกสัตว์ป่าภายในอุทยาน เห็นตัวบ้าง ไม่เห็นบ้าง ขึ้นอยู่กับโอกาสและดวงชะตา ว่าอย่างนั้น บางครั้งไม่พบสัตว์เลยก็มี


ไกด์อู๋ ขอแนะนำว่ากิจกรรมนี้ไม่เหมาะสำหรับเทศกาลหรือวันหยุดที่ติดต่อกันหลาย ๆ วัน เพราะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก พลุกพล่านเกินไป ทำให้สัตว์มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป แต่ Backpacker ตัวน้อย บอกว่า "สงสัย เป็นช่วงที่สัตว์ป่าเขาหยุดวันสุดสัปดาห์" โธ่ โถ คิดได้ไง หมอนี่ เดี๋ยวก็ไล่ไปนอนกลางป่าซะเลย เราไปเริ่มส่องสัตว์กันที่ โป่งช้าง ด่านช้าง ดงกระทิง ดงเสือผ่าน วังจำปี ผ่านที่ทำการอุทยานมอสิงโต แล้วย้อนกลับผ่านศาลเจ้าพ่อเขาเขียว ผาเดียวดาย เข้าที่พัก แล้วมานั่งทบทวนกันว่า ส่องสัตว์กันได้อะไรมาบ้าง โดยอ่านจากบันทึกของ Backpacker ตัวน้อย ได้ความว่า


"ล้อหมุนเวลาหนึ่งทุ่มตรง เสียงเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เล่าเรื่องเกี่ยวกับอุทยาน ระหว่างที่รถกำลังแล่นลงจากที่พักเขาเขียว ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่พบสัตว์ป่าสักตัว นอกจากแมลงที่บินกระทบใบหน้า สักครู่พอถึงด่านช้างหรือโป่งช้าง ไม่แน่ใจนัก เพราะด้วยความดีใจ เห็นขี้ช้างแล้ว 3 กอง เป็นกองใหญ่ 2 กอง และกองเล็ก ๆ อีก 1 กอง อยู่บนถนนใกล้ไหล่ทาง เจ้าหน้าที่ฯ บอกว่า เป็นโขลงช้างที่มีไม่ต่ำกว่า 5 เชือก โดยมีลูกช้าง 1 เชือกอยู่ในโขลงนี้ด้วย ค่ำนี้โชคไม่ดีนัก ดูจากร่องรอย โขลงช้างพึ่งผ่านไปประมาณ ชั่วโมงกว่านี้เอง (แต่ผมคิดว่าโชคดี ที่ไม่ต้องเจอช้างแม่ลูกอ่อน ฮิ ฮิ)


เวลาผ่านไปประมาณ หนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาพบฝูงสัตว์ประมาณ 5-6 ตัว ซุ่มซ่อนอยู่ใกล้ชายป่า ปลายแสงไฟที่ส่องถึงกระทบดวงตาของสัตว์ฝูงนี้ เจ้าหน้าที่ฯ บอกว่าเป็นฝูงเก้ง ตัวขนาดเท่าสุนัข ฝูงนี้จะคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวและจะลงมาหาอาหารใกล้ที่พักนักท่องเที่ยว บริเวณค่ายกองแก้ว และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ระหว่างทางกลับที่พักเห็นสัตว์ตัวเล็กคล้ายแมว อยู่ริมทางปากกำลังคาบอะไรอยู่สักอย่าง คล้ายหนูหรือกระต่ายตัวเล็กๆ เจ้าหน้าที่ฯ บอกว่า เป็นแมวพง (แมวป่า) คาบเหยื่อเป็นลูกสัตว์ชนิดหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าเป็นอะไร เพราะอยู่ไกลเกินสังเกต กลับถึงที่พัก สี่ทุ่มนิดหน่อย สนุกดี แต่วันนี้ขออนุญาตไม่อาบน้ำ เริ่มหนาวแล้ว นอนดีกว่า"


ข้อพึงปฏิบัติ เมื่อท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่




  • สัตว์ป่าหลายชนิด เช่น กวาง เก้ง หมี หมูป่า ลิง เม่น บางตัวอาจคุ้นเคยและชินกับคนจนกล้าเข้ามาใกล้ เข้ามาทักทายหาอาหารในบริเวณที่พักของเรา จงดูด้วยสายตา หรือถ่ายรูปไว้เท่านั้น อย่าเมตตาสงสารด้วยการให้อาหาร หรือตกใจทำร้ายสัตว์เหล่านั้น อาจเป็นการสร้างพฤติกรรมที่ผิดธรรมชาติกับสัตว์เหล่านั้นได้


  • เมื่อพบช้างป่าบนทางรถ อย่าบีบแตรหรือเปิดไฟไล่ ช้างอาจเครียดหรือตกใจเข้าโจมตีทำร้ายได้ ควรหยุดรถดูท่าที พยายามรักษาระยะห่างให้เกินกว่า 15 เมตร เมื่อช้างแสดงท่าทีเปิดทางให้โดยการหันหัวเข้าป่า ให้รีบขับรถผ่านไปโดยเร็ว อย่าลังเลชะลอดู อาจทำให้ช้างเครียดไม่แน่ใจ และที่สำคัญห้ามลงจากรถเป็นอันขาด


  • อุทยานแห่งชาติเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มิควรทำเรื่องที่เสื่อมเสียศีลธรรม " ปฏิบัติตามข้อแนะนำและคำสั่งของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอย่างเคร่งครัด


ติดไม้ ติดมือ


วันเดินทางกลับ ลงจากเขาใหญ่ โดยความอุปการะจากรถของทหารอากาศบนเขาเขียว มาส่งที่สถานีรถไฟปากช่อง ระหว่างทางพาแวะซื้อของฝากที่ร้านเจ๊ฮวง ปากช่อง ริมถนนมิตรภาพ ได้ หมูแผ่น กุนเชียง หมูหยอง หมูยอ หมูทุบ หมูหวาน สารพัดหมู มีแต่เรื่องหมู ๆ ทั้งนั้น ได้พูดคุยกับ เจ้าของร้านชื่อคุณจิระพันธ์ บอกว่า " หมูทำอะไรก็อร่อย" ไกด์อู๋ชิมแล้ว ก็อร่อยสมราคาคุย และที่ชอบเป็นพิเศษ เห็นจะเป็น หมูทุบ และหมูแผ่น ด้วย 2 เหตุผล คือ 1.รสชาติดี 2.พกพาสะดวกเหมาะเป็นเสบียงแห้งในการเดินทาง ครับ


อัตราค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของอุทยานฯ




  • ค่าธรรมเนียมรถยนต์ คันละ 30 บาท (เปิดเฉพาะเวลา 06.00-21.00 น.)


  • ค่าธรรมเนียมบุคคล นักท่องเที่ยวไทย ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท เด็กคนละ 10 บาท


  • ค่าธรรมเนียมบุคคล นักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ใหญ่คนละ 200 บาท เด็กคนละ 100 บาท


  • ค่าธรรมเนียมกางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน (นำไปเอง)


  • ค่าเช่าเต็นท์ มีให้เลือก 3 ขนาด คือ 2คน 80 บาท, 4 คน 120 บาท, 6 คน 150 บาท


  • ค่าเช่าจักรยานเสือภูเขา ชั่วโมงละ 40 บาท และวันละ 250 บาท

ก่อนส่ง Backpacker ตัวน้อย ขึ้นรถไฟกลับ เวลา 15.48 น. ที่สถานีรถไฟปากช่อง โดยขบวน 233 เราสัญญากันว่า จะมาเยี่ยมเยียนผาเดียวดาย อีกในช่วงปลายฝนต้นหนาว พร้อมเพื่อนสมาชิกอีกจำนวนหนึ่งโดยใช้ทริปนี้เป็นการสำรวจเส้นทาง แล้วไปนำเสนอเพื่อน ๆ ชวนมาศึกษาธรรมชาติสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต เชื่อว่าทริปผาเดียวดาย ปลายฝนต้นหนาว คงได้เห็นยุวมัคคุเทศก์ นามว่า "Backpacker ตัวน้อย"