Skip to main content

ควรใส่อะไรในสมาร์ทการ์ด

เรามีชื่อและนามสกุลเพื่อระบุตัวบุคคล หากเพียงเท่านี้สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยไม่ผิดพลาดก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ สังคมที่ซับซ้อนมากขึ้น ทำให้เพียงชื่อและนามสกุลไม่สามารถใช้ระบุตัวบุคคลได้อีกต่อไป


เราจำเป็นต้องใช้มากกว่าชื่อและนามสกุลเข้ามาช่วย เช่น ลายเซ็น เอาไว้ใช้กับธนาคาร หรือรหัสผ่าน เอาไว้ใช้กับอีเมล์แอดเดรส ยกตัวอย่างเช่นนี้ดูเหมือนว่าการระบุตัวบุคคลเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง


แต่ที่จริงแล้ว รัฐกังวลเรื่องการระบุตัวบุคคลมากกว่าพวกเราเสียอีก ทำให้รัฐต้องขอระบุกลุ่มเลือดและขอเก็บลายพิมพ์นิ้วมือเมื่อไปทำบัตรประชาชน พบว่า คนส่วนใหญ่ให้ข้อมูลกลุ่มเลือด และลายพิมพ์นิ้วมือแก่รัฐโดยไม่กังวลใจมากนัก ทั้ง ๆ ที่กลุ่มเลือดเป็นถึงข้อมูลพันธุกรรมชนิดหนึ่ง และลายพิมพ์นิ้วมือเป็นถึงส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์


ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนส่วนใหญ่เล็งเห็นประโยชน์มากกว่าโทษ เช่น หากไปบาดเจ็บที่ไหนโรงพยาบาลจะได้ทราบกลุ่มเลือดแล้วให้เลือดได้ทันที และการให้ลายพิมพ์นิ้วมือแก่รัฐเป็นไปเพื่อประโยชน์ของการป้องกันอาชญากรรม มีคำถามว่า จริงหรือ?


อันที่จริงเราได้เปิดเผยตนเองเพื่อระบุตัวบุคคลมากอยู่แล้ว นอกจากชื่อ นามสกุล ลายเซ็น กลุ่มเลือด และลายนิ้วมือแล้ว เรายังได้ให้ข้อมูลอื่น ๆ อีก คือเพศ วันเดือนปีเกิด ส่วนสูง ที่อยู่อาศัย ศาสนา เชื้อชาติ และสัญชาติ ในต่างประเทศอาจจะให้ข้อมูลสีของตา บางคนบางสถานการณ์จะถูกบันทึกรอยสักและแผลเป็น ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เรามอบให้แก่รัฐทั้งสิ้น


คำถามในขั้นตอนนี้มีว่า รัฐได้ข้อมูลเหล่านี้ไปเพื่อประโยชน์ของใคร ของรัฐ ของเรา หรือของใคร


เหตุที่ควรตั้งคำถามเช่นนี้เพราะน่าสงสัยว่าทำไมจึงปรากฏข่าวต่างประเทศว่า ชาวอังกฤษจำนวนหนึ่งเผาบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ที่รัฐบาลทำให้ หากบัตรเหล่านั้นเป็นของที่มีประโยชน์ต่อพวกเขา พวกเขาจะเผาทำไม หรือหากบัตรเหล่านั้นเป็นของที่มีประโยชน์ต่อรัฐในแง่ที่สามารถใช้คุ้มครองและป้องกันความปลอดภัยให้แก่พวกเขาแล้ว พวกเขาจะเผาทำไม


เรื่องข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประโยชน์แก่ใครนั้นมีเรื่องน่าขำอยู่ เมื่อครั้งที่ผู้เขียนย้ายบ้านนั้น ปรากฏว่าดิสเคานต์สโตร์ยักษ์ใหญ่ 2 ห้างสามารถส่งใบโฆษณาลดราคาสะบั้นหั่นแหลกมาถึงบ้านตามที่อยู่ใหม่ได้ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังย้ายบ้าน แต่ชื่อของผู้เขียนไม่ปรากฏในหน่วยเลือกตั้งใด ๆ เลยเป็นเวลาอีก 1 ปีหลังย้ายบ้าน


ในขณะเดียวกันก็มีเรื่องไม่น่าขำ เช่น การปลอมลายเซ็น การถอดรหัสบัตรเครดิต หรือแม้กระทั่งการนำสำเนาบัตรประชาชนไปใช้ประโยชน์ในทางคดโกงบิลค่าโทรศัพท์ก็ปรากฏเป็นข่าว


ข้อมูลส่วนบุคคลมีไว้เพื่อระบุตัวบุคคลและอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าตัว ดังนั้นหากข้อมูลยิ่งละเอียด ความสะดวกก็ยิ่งมากขึ้น เช่น หากข้อมูลในบัตรประชาชนละเอียดถึงขั้นระบุโรคประจำตัว ประวัติการรักษาในอดีต และประวัติการแพ้ยา เมื่อแพทย์ทราบข้อมูลเหล่านี้ย่อมสั่งการรักษาต่อเนื่องและปลอดภัยให้แก่เจ้าตัวได้ แม้กระทั่งหากเจ้าตัวไปหมดสติที่ใดโดยหาตัวญาติยังไม่พบ แพทย์ก็สามารถเริ่มการรักษาได้โดยทันที นี่คือประโยชน์


ในขณะเดียวกัน เราไม่อยากให้ข้อมูลเรื่องโรคประจำตัวหลุดไปถึงมือของบริษัทประกันชีวิต เพราะเขาอาจจะขึ้นเบี้ยประกัน หรือหลุดไปถึงนายจ้าง เพราะเขาอาจจะเพ่งเล็งและหาทางไล่ออกสักวันหนึ่ง การมอบข้อมูลที่ละเอียดเกินไปให้แก่ผู้อื่นจึงรบกวนความเป็นส่วนตัว ไม่มากก็น้อย เรื่องนี้อาจจะเถียงได้ว่าหากเป็นคนไม่แข็งแรงก็สมควรถูกขึ้นเบี้ยประกันหรือถูกไล่ออก แต่ก็ยังติดขัดที่ว่าเรารู้ได้โดยไม่มีอคติเลยหรือว่าอย่างไรจึงเรียกว่าเป็นโรค อย่างไรจึงเรียกว่าเป็นคนปกติ


ความเป็นส่วนตัวเป็นส่วนหนึ่งของศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เราทุกคนต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่ชอบถูกล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว แต่ในหลาย ๆ ครั้งเราเองกลับเป็นฝ่ายมอบความเป็นส่วนตัวให้แก่รัฐโดยเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่รัฐจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการติดต่อธุรกรรม ความสะดวกที่รัฐจะใช้ปกครองประเทศหรือต่อต้านการก่อการร้าย เป็นต้น


คำถามในขั้นตอนนี้ จึงเป็นว่าเราจะมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่รัฐมากเท่าใดจึงเหมาะสม เมื่อมอบไปแล้วรัฐจะจัดการข้อมูลอย่างใดให้เกิดประโยชน์แก่เราโดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว เช่น ข้อมูลสุขภาพดังที่ยกตัวอย่างจะถึงมือแพทย์ผู้รักษาเท่านั้นได้อย่างไร โดยคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เป็นต้น


บัตรเอนกประสงค์หรือสมาร์ทการ์ดเป็นบัตรที่สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากกว่ามาก ไม่เหมือนบัตรประชาชนแบบเดิมหรือบัตรแถบแม่เหล็กที่เก็บข้อมูลได้จำกัด เมื่อมีที่ว่างมากให้ใส่ข้อมูล ก็รับรองได้ว่าอยากจะใส่ เหมือนเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เมื่อเกิดขึ้นมา จะจำเป็นหรือไม่จำเป็นก็ต้องใช้


คำถามที่เฉพาะเจาะจงในขั้นตอนนี้ คือควรใส่อะไรลงไปในสมาร์ทการ์ดบ้าง