Skip to main content

ความรู้ใหม่เมื่อผมได้กลับไปเรียน ป. 3 อีกครั้ง ตอน 3

คอลัมน์/ชุมชน










กิตติ วงส์พิเชษฐ เพื่อนชาวประชาไท มาร่วมเล่าประสบการณ์ที่น่าสนใจในช่วงชีวิตหนึ่งที่มีโอกาสได้กลับไปเรียนประถมอีกครั้ง ..




 


กิตติ วงส์พิเชษฐ



ลักษณะทั่วไป


เนื่องจากรัฐมิสซิสซิปปีเป็นรัฐที่จนมาก จัดอยู่อันดับท้าย ๆ ในบรรดารัฐทั้งหมดของประเทศนี้ ดังนั้น จึงขอให้จินตนาการถึงสิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ว่า ค่อนข้างโทรม แต่ทุกอย่างก็ทำงานได้ดีนะครับ


โรงเรียนโอเวอร์สตรีท มีอาคารที่ต่อเนื่องกัน มีห้องเรียนที่มีนักเรียนนั่งประจำประมาณ 10 ห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องศิลปะ ห้องดนตรี ห้องวิทยาศาสตร์ ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้องสมุด ห้องเหล่านี้เรียงต่อกันอยู่สองด้านของตัวอาคาร และมีโถงทางเดินอยู่ตรงกลางที่ปูด้วยกระเบื้องยาง


คุณคงจะนึกด่าผมในใจว่า ไม่ต้องอธิบายละเอียดขนาดนี้ก็ได้ และกระเบื้องยางก็ไม่ใช่ของแปลกอะไร เมืองไทยจะเลิกใช้อยู่แล้ว ตรงนี้มีประเด็นครับ แล้วผมจะพูดถึงต่อไป


นอกจากห้องที่เกี่ยวกับการเรียนโดยตรงแล้ว ยังมีห้องอื่น ๆ อีก เช่น ห้องอาหารที่มีครัวในตัว นักเรียนส่วนหนึ่งมากินอาหารเช้าที่โรงเรียน ส่วนมื้อเที่ยง ทุกคนจะมากินอาหารในห้องนี้ ไม่ว่าจะเอามาเองหรือซื้อของโรงเรียน เนื่องจากที่หน้าและในโรงเรียนไม่มีหาบเร่แผงลอยมาคอยบริการตั้งแต่เช้าจดเย็นเหมือนในเมืองไทยครับ


ในห้องที่หลานผม (และผมด้วย) เรียนอยู่ มีอาจารย์หญิงผิวขาวชื่อ Mrs. Harriet Rooks เป็นอาจารย์ประจำชั้น นักเรียนเรียกอาจารย์ว่า มิสซิสรูกส์


มีนักเรียนในห้องนี้ 22 คน เป็นคนผิวดำและ/หรือผิวสี 15 ผิวขาว 5 และผิวเหลือง 2 (จีน 1 และไทย 1 ) ดังนั้น ภาษาอังกฤษที่ได้ยินส่วนใหญ่จึงเป็นสำเนียงของคนดำและ/หรือคน (ตะวันออกเฉียงใต้) ที่มีลักษณะเฉพาะตัว สังเกตนะครับ มีนักเรียนผิวดำมากเหมือนอาจารย์ผิวดำ ที่ผมพูดถึงคนผิวสีต่าง ๆ ก็เพื่อจะสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์และความหลากหลายทางเชื้อชาติของสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่าเป็น " หม้อหลอม" ใบใหญ่ที่สุดของโลกนั่นเอง


เมื่อดูรูปร่างหน้าตาของนักเรียนทั้งห้องแล้ว จะเห็นว่าแตกต่างกันค่อนข้างมาก คือมีตั้งแต่เด็กเล็กไปจนเกือบเด็กวัยรุ่น ถ้ารวมผมด้วยก็มีถึงคนแก่แหละครับ ผมเดาว่าคงเป็น การให้เด็กเรียนไปเรื่อย ๆ ตามความสามารถ มากกว่าที่จะแบ่งชั้นตามอายุของเด็ก ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าคงจะสอดคล้องกับพันธกิจและความเชื่อของโรงเรียนด้วยนะครับ


ทางเข้าห้องเรียนมีเพียงประตูเดียว และมิสซิสรูกส์มักจะยืนสอนอยู่แถวนั้น ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นักเรียนจะแวบออกจากห้อง ส่วนหน้าต่างนั้นเขาปิดไว้ตลอดเวลา แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องร้อนอบอ้าวหรือหนาวยะเยือกนะครับ เครื่องแอร์กับเครื่องทำความร้อนจะคอยปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมทั้งวัน


นักเรียนนั่งปะปนกันในห้องเรียน ไม่ได้แบ่งแยกสีผิวเหมือนในอดีต เมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้ว เขาจัดให้นักเรียนนั่งเป็นกลุ่ม ๆ ละสี่คน หันโต๊ะเข้าหากัน ผมซึ่งเป็นส่วนเกินจึงต้องเอาเก้าอี้เสริมไปนั่งข้างโต๊ะเจ้าหลานชาย เพื่อคอยแปลหรืออธิบายสิ่งที่อาจารย์พูดหรือสั่งให้กับเขา


ที่ใต้โต๊ะด้านข้างมีหนังสือเล่มหนาประมาณสี่ห้าเล่มสำหรับแต่ละวิชาใส่ไว้ประจำทุกโต๊ะ หากไม่จำเป็น ไม่ต้องแบกหนังสือที่หนักอึ้งเหล่านี้กลับบ้าน ยกเว้นว่ามีการบ้านต้องทำ


ฝาด้านหนึ่งมีกระดานสำหรับเขียนเหมือนโรงเรียนในเมืองไทย ริมอีกด้านหนึ่งมีโทรทัศน์พร้อมเครื่องเล่นวิดีโอห้อยลงมาจากเพดาน และมีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่บนโต๊ะสี่เครื่อง บางครั้ง ผมเห็นนักเรียนบางคนไปนั่งทำข้อสอบกับคอมพิวเตอร์เหล่านี้


ถัดจากคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นที่ว่าง ปูพรมไว้ให้นักเรียนนั่งรวมกลุ่มกันฟังอาจารย์ที่จะนั่งบนอาร์มแชร์อ่านหนังสือเรื่องให้ฟังในคาบแรกก่อนเรียนวิชาต่าง ๆ ( แต่ละคาบใช้เวลาประมาณ 45 นาที เท่านั้น รวมทั้งเวลาเดินย้ายห้องเรียนด้วย )


ข้างฝาห้องด้านหนึ่งมีธงชาติสหรัฐฯ ติดไว้ พื้นที่ฝาส่วนที่เหลือทั้งหมด มีโปสเตอร์ที่พิมพ์สำเร็จรูป หรือแผ่นกระดาษที่มีข้อความเขียนไว้ ติดจนแทบไม่มีที่ว่าง มีตั้งแต่วิชาการความรู้ กฎระเบียบต่าง ๆ คำขวัญ ไปจนถึงคำปฏิญาณต่อธงชาติ


อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นของจำเป็นสำหรับคนอเมริกันผู้ตรงเวลา ก็คือนาฬิกาครับ


ที่เราเห็นในหนังฮอลลีวู๊ดค่อนข้างบ่อยคือ ลูกโลก แผนที่โลก และแผนที่สหรัฐฯ ในห้องนี้ก็มีครับ นอกจากนี้ ยังติดป้ายบอกทิศไว้ที่ริมฝาแต่ละด้านด้วย อุปกรณ์เหล่านี้คงจะช่วยให้นักเรียนเห็นภาพรวมของโลกได้ดีและเร็วขึ้น หรืออาจจะดีเกินไป จนทำให้เมื่อโตขึ้น คนอเมริกันจำนวนมากจึงเข้าใจว่าตนเป็นตำรวจโลกที่ต้องคอยดูแลจัดระเบียบโลกที่ยุ่งเหยิงใบนี้เป็นระยะ ๆ


ส่วนโต๊ะทำงานของอาจารย์นั้น เขาเอาไปซุกไว้มุมหลังห้อง ข้างบนและรอบ ๆโต๊ะนี้มีแต่หนังสือและแฟ้มเต็มไปหมด ตลอดระยะเวลาที่ไปโรงเรียนนี้ ผมไม่เคยเห็นมิสซิสรูกส์นั่งที่โต๊ะประจำตำแหน่งตัวนี้เลย นอกจากใช้เป็นที่วางกระเป๋าถือของเธอ