Skip to main content

ความรู้ใหม่เมื่อผมได้กลับไปเรียน ป. 3 อีกครั้ง ตอน 8

คอลัมน์/ชุมชน










กิตติ วงส์พิเชษฐ เพื่อนชาวประชาไท มาร่วมเล่าประสบการณ์ที่น่าสนใจในช่วงชีวิตหนึ่งที่มีโอกาสได้กลับไปเรียนประถมอีกครั้ง ..



 


กิตติ วงส์พิเชษฐ


ระเบียบวินัย และการลงโทษ


ถึงแม้ผมจะเคยแค่เดินผ่านหน้าโรงเรียนเตรียมทหารเท่านั้น ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองว่านักเรียนเหล่านั้นมีระเบียบวินัยอย่างไร แต่ผมก็เชื่อว่านักเรียนเกรด 3 ในโรงเรียนนี้มีวัตรปฏิบัติระดับนักเรียนเตรียมทหารน้อย ๆ เลยแหละครับ ลองดูนะครับ


ระเบียบในห้องเรียนที่มิสซิสรูกส์พูดบ่อย ๆ ก็คือ ทุกคนต้องนั่งประจำที่ ห้ามหยอกล้อเพื่อน ห้ามพูดหรือลุกออกจากที่นั่ง ก่อนจะได้รับอนุญาต


ส่วนที่เขาเขียนติดไว้ข้างฝาก็มีหลายข้อ ผมขอยกมาบางข้อแล้วกันนะครับ เช่น ให้ทำตามคำสั่ง ต้องมีอุปกรณ์การเรียนครบถ้วนและเตรียมพร้อมในการเรียน มือ เท้า และสิ่งของอื่น ๆ ต้องอยู่ภายในพื้นที่ของตนเอง ต้องเคารพพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่น ปฏิบัติต่ออาจารย์และนักเรียนคนอื่นด้วยความเคารพ และทำงานและเล่นอย่างปลอดภัย


แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมแปลกใจคือ นักเรียนกินขนมในห้องเรียนได้ครับ เช่น อม (ขนม) อมยิ้มค้างไว้ในปากขณะเรียนหนังสือ


ส่วนระเบียบในโถงทางเดินนั้น เป็นอย่างแรกที่ทำให้ผมแปลกใจเกือบหงายหลัง เขาเขียนติดข้างฝาไว้หลายข้อ รวมทั้งที่เขียนเป็นโคลงฝรั่งด้วย ผมลองถอดออกมาเป็นโคลงเคลง พอได้ความอย่างนี้ครับ


เอาแขน ไว้ข้าง ข้างตัว อย่ามั่ว เข้าแถว ให้สง่า
ปากปิด ตาดู ไปข้างหน้า พวกข้าฯ พร้อมแล้ว ที่จะเดิน


ในทางปฏิบัติเมื่อนักเรียนเดินในโถง อาจารย์ก็จะคอยสั่งคอยบ่นเป็นระยะ ๆ จับใจความได้ทำนองนี้คือ ทุกคนต้องเดินเป็นแถวตามลำดับเลขที่ของตนเอง ให้เดินชิดขวา บนกระเบื้องยางแผ่นที่สาม ตามองไปข้างหน้า และอย่าคุยกัน


เดินเป็นแถวเรียงหนึ่งนะครับ ไม่ใช้แถวเรียงหมู่ที่เราคุ้นเคย และเห็นความสำคัญของกระเบื้องยางแล้วใช่ไหมครับ ถ้าเป็นพื้นปูนแบบบ้านเราคงเดินกันไม่ถูกแน่


ในแง่คนดู ตอนที่สนุกคือตอนเช้าหลังคาบวิชาการอ่านครับ เมื่อหมดคาบนี้ นักเรียนทั้งโรงเรียนจะเดินแถวออกจากแต่ละห้อง ในมือถือหนังสือ เพื่อกลับไปยังห้องตัวเอง ที่ประตูห้องเรียนแต่ละห้องมีอาจารย์ประจำชั้นมายืนเป็นตำรวจจราจรคอยโบกมือให้นักเรียนเดิน หรือยกมือให้นักเรียนหยุด ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร ณ จุดนั้น


คุณนึกถึงมดดำมดแดงที่เดินออกจากรัง เลาะข้างฝาห้องครัวมาเป็นแถว ในปากคาบเศษไก่ย่างหรือแคบหมูก็แล้วกันครับ


ส่วนในห้องอาหารค่อนข้างผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ก็มีระเบียบที่ทุกคนในห้องเดียวกันต้องนั่งรวมกันในโต๊ะที่กำหนด เริ่มกินพร้อมกัน และเลิกกินใกล้เคียงกัน และที่พิเศษก็คือ อนุญาตให้กระซิบคุยกับเพื่อนที่นั่งติดกันและตรงข้ามกันได้


ระเบียบในสนามเด็กเล่นที่ผมเห็นว่านักเรียนปฏิบัติกันจริง คือ ทุกคนต้องเล่นอยู่ภายในบริเวณที่กำหนด ห้ามออกจากบริเวณโดยเด็ดขาด ตัวอย่างที่เห็นก็คือ ลูกบอลที่เด็กเล่นกลิ้งผ่านช่องประตูรั้วออกไปนอกเขตโรงเรียน นักเรียนทั้งหมดได้แต่ยืนดู ทำท่ายึกยักกัน ไม่มีใครสักคนที่จะเดินออกไปหยิบกลับมา ต้องรอให้มิสซิสรูกส์ออกไปเก็บให้


อีกตัวอย่างที่ผมประทับใจก็คือ ในคาบเล่นของวันหนึ่งที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมื่อนักเรียนเริ่มเล่นได้เพียงครู่เดียว ฝนเริ่มทำท่าจะตกหนัก มิสซิสรูกส์เป่านกหวีดให้สัญญาณเพียงครั้งเดียว นักเรียนทุกคนรีบวิ่งมาเข้าแถวรวมพลกันที่ทางเข้าอาคารเรียนทันที ทำให้ผมมั่นใจว่า ทางโรงเรียนได้เตรียมรับมือกับเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นเป็นอย่างดี


สุดท้าย ระเบียบในการรอรถก็คือ ให้นั่งขัดสมาธิ หมายความว่าก้นต้องอยู่บนพื้นนะครับ (อาจารย์เขาสั่งอย่างนี้จริงๆ) ไหล่ชิดฝา หันหน้าไปทางประตูทางออก เอาเป้วางไว้บนตัก ห้ามคุย และห้ามเล่น


แล้วถ้าหากนักเรียนไม่ทำตามระเบียบล่ะ มีการลงโทษอย่างไรบ้าง?


เท่าที่ผมเห็นก็มีตั้งแต่ขั้นต้นก็คือเตือน หากชักหนักข้อขึ้น ก็หักคะแนนความประพฤติ เขาทำคล้ายซองประจำตัวนักเรียนแต่ละคนติดไว้ข้างประตูทางเข้าห้อง มีไม้ไอติมแบนแทนคะแนนเสียบเอาไว้ เมื่อคะแนนถูกหักออกถึงระดับหนึ่ง จะถูกลดเวลาพักเล่น คือเพื่อน ๆ เริ่มเล่นแล้ว แต่คนถูกลงโทษต้องนั่งเฉย ๆ หรือให้นั่งคัดระเบียบที่ติดไว้ข้างฝา คัดหลาย ๆ รอบนะครับ ในบางกรณี ให้ยืนหันหน้าเข้าฝาหรือนั่งเฉย ๆ ในขณะที่เพื่อน ๆ ทำกิจกรรมกัน ถ้าดื้อด้านมาก มิสซิสรูกส์จะโทรศัพท์ถึงผู้ปกครองทันที


ผมยังไม่เคยเห็นมิสซิสรูกส์ลงโทษด้วยวิธีที่ถูกตัวนักเรียนเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นมือสัมผัสโดยตรง หรือสัมผัสผ่านไม้เรียว ต่อมามีผู้รู้บอกว่า ที่รัฐนี้มีกฏหมายห้ามลงโทษเด็กด้วยการเฆี่ยนตีครับ