Skip to main content

งามเจ้าเอย...นะ " นางงาม"

คอลัมน์/ชุมชน


26 พ.ค. 2548 วัดธารน้ำไหล สุราษฏร์ธานี


สายวันนั้น...ผมพบเธออยู่กลางศาลาอันเงียบสงัด และอยู่สูงสุดเอื้อม


สุดเอื้อมเกินกว่า ชายหนุ่มใด ๆ จะเข้าใจความงามของเธอ


เพราะเธอขาวโพลนไปทั้งเรือนร่าง โป๊เปลือยไปทั่วสรรพางค์กาย


อย่าเข้าใจผิดว่า ผมเล่าเรื่องอีโรติกในวัดวา....


แต่นี่คือเรื่องจริง ที่ผมไปพบเจอในดินแดนดุจสวรรค์ที่มีความร่มเย็นและแมกไม้สายน้ำเป็นพยาน และผมยืนยันได้ว่า เธองามกว่านางงามทั้งหลายทั้งปวงที่มีการจัดการประกวดขึ้นในโลกใบนี้



* * * *


คงเป็นที่ทราบกันว่า ระยะนี้สื่อต่างๆ นำเสนอเรื่องราวบรรดาผู้เข้าประกวดนางงามอย่างคึกคัก ยิ่งเวลาประกาศผลคนที่งามที่สุดในโลกร่นเข้ามาเท่าใด ข่าวก็ยิ่งถี่ขึ้นเท่านั้น


แต่...ในบางความหมายที่ผกผันขัดแย้ง


หญิงสาวชาวมนุษย์ที่งามที่สุด เราเรียกเธอว่า " นางงามจักรวาล"


ทั้งที่หากมีมนุษย์ต่างดาวดักสัญญาณโทรทัศน์ถ่ายทอดการประกวดครั้งนี้จากโลกแล้ว พวกเขาอาจค้าน ว่านี่เป็นเรื่องประกวดความงามเฉพาะลิงสายพันธุ์โฮโมซาเปี้ยนเท่านั้น...


แต่ดันเรียกว่า "Miss Universe" ซึ่งหมายความว่าคนที่งามที่งามที่สุดในจักรวาลไปเสียนี่


จริง ๆ เขามีการประกวดนางงามจักรวาลกันทุกปีครับ แต่ปีนี้ บรรดาผู้ท้าชิงตำแหน่งมิสยูนิเวอร์สต่างยก


ขบวนขาอ่อนมาเยือนบ้านเรากันคับคั่ง เพราะรัฐบาลไทยทุ่มสุดตัวทั้งหัวใจและเงินกว่า 200 กว่าล้านรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพต้อนรับอย่างเต็มที่ โดยเล็งผลเลิศคือโฆษณาประเทศ โฆษณาแหล่งท่องเที่ยวสู่ชาวโลกด้วยงบประมาณถูกแค่ 200 กว่าล้าน ที่บางท่านเปรียบว่าหากไปซื้อโฆษณาในสื่อข้ามชาติแล้ว ใช้เงินมากกว่านี้อย่างเทียบไม่ติด


แต่สายของวันนั้นที่สวนโมกข์ ผมกลับพบว่านางงามจักรวาลที่แท้จริงไม่ได้อยู่บนเวทีการประกวดครั้งนี้...


นางงามจักรวาลที่แท้จริงคนนี้อยู่ที่ " ศาลานางงาม" ในสวนโมกขพลาราม แผ่นดินธรรมแผ่นดินทองของท่านพุทธทาสภิกขุที่ท่านมาบุกเบิกเอาไว้เมื่อเกือบกึ่งศตวรรษก่อน




เธอเปลือย...ไม่มีแม้กระทั่งเนื้อหนังและเส้นเอ็น เธออยู่ที่กลางห้อง เหนือศีรษะเราขึ้นไปหลายเมตร และกาลเวลาไม่ได้ทำให้ความงามลดลง


นางงามคนนี้เธอบอกผมว่า ต้องมองเข้าไปให้ถึงเนื้อหนังข้างใน มองเข้าไปถึงความเป็น " อนิจจัง"


เธอบอกว่า เธอเคยเป็นแบบผม และสักวันหนึ่งผมต้องเป็นแบบเธอ


แน่นอนชายหนุ่มหลายคนยากจะเข้าใจความงามในแบบของเธอ...



* * * *



ถึงที่สุด...ในวันต้นฤดูฝนวันนั้น สิ่งที่ทำให้ผมได้อะไรกลับมาคิดมากที่สุดคงเป็นเรื่องนี้ เพราะบังเอิญประเทศเรากำลังเป็นเจ้าภาพประกวดนางงามระดับนานาชาติอยู่พอดี


" ตายก่อนดับ" ...ปริศนาธรรมของท่านพุทธทาสภิกขุซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับนางงามคนนี้ล้ำลึกยิ่ง


มีผู้อนุมาน มีผู้อธิบายให้ฟังว่าความหมายของประโยคนี้คืออะไร แต่ผมก็ยังคงแทบจะเข้าถึงคำ ๆ นี้เพียงหางอึ่งอยู่ดี แต่วันนั้นมีบางสิ่งที่ผุดขึ้นในใจสองสามเรื่อง


เรื่องแรก...คนไทยสักกี่คน หรือบรรดาสื่อสักกี่สำนักที่จะทราบบ้างว่า ท่ามกลางการประกวดนางงามจักรวาลที่กำลังดำเนินไป ปีนี้มีวาระสำคัญคือการครบรอบ 100 ปี กุหลาบ สายประดิษฐ์ " ศรีบูรพา" นักคิด นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ ผู้แผ้วถางทางและเป็นแบบอย่างของนักหนังสือพิมพ์ที่ทำงานเพื่ออุดมการณ์มากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ เป็นครูที่แผ้วถางทางให้กับคนรุ่นหลังอย่างพวกเขา


ความดีของท่านถึงขนาดที่องค์การ UNESCO ซึ่งดูแลเรื่องวัฒนธรรมประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญเคียงบ่าเคียงไหล่กับนักเขียนชื่อก้องของโลกหลายคนที่ครบรอบ 100 ปีในปี 2548 นี้เช่นกัน


แต่ รัฐบาลไทยกลับให้ความสำคัญกับบุคคลสำคัญของโลกคนนี้ด้วยงบประมาณจัดกิจกรรมทางปัญญา 5 ล้านบาท ! นอกนั้นให้คนในแวดวงวรรณกรรมจัดกันเองตามมีตามเกิด


ยิ่งกว่านั้นยังมีข่าวลือว่า ในปีนี้นอกจากงานประกวดนางงาม ยังมีงานระดับโลกอีกงานหนึ่งให้เราเลือกจัด คือ การประชุมสรุปผลกระทบจากคลื่นสึนามิ ซึ่งกลืนชีวิตคนเอเชียไปนับแสนเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2547


ว่ากันว่า รัฐบาลมาเลเซีย " เลือก" ที่จะรับจัดงานนั้นมากกว่าการประกวดนางงาม


ขอให้นั่นเป็นแค่ข่าวลือ.... เพราะเมื่อรัฐบาลเรารับหน้าเสื่อจัดงานครั้งนี้แล้ว ก็มีองค์กรต่าง ๆ ออกมาร้องแรกแหกกระเชอกันเมื่ออนงค์นางทั้งหลายโชว์เนื้อหนังโดยมีฉากหลังเป็นวัดอรุณฯ บนเรือสำราญลำหรู


ผมแอบสงสัยว่า ทำไมจึงไม่ออกมาคัดค้านตั้งแต่แรก ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าหากบ้านเรารับเป็นเจ้าภาพอาจต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่นับสภาพเป็นจริงก่อนหน้าที่ตามลำน้ำเจ้าพระยา มีเรือที่เปิดเป็นเธคแล่นผ่านวัดอรุณฯ นับร้อยยามค่ำคืน ทำไมไม่มีใครออกมาคัดค้าน


หรือสิ่งนี้ไม่ออกสื่อ ? ... สังคมบ้านเราส่วนหนึ่งชอบผักชีโรยหน้ากันหรืออย่างไร ? ชอบเอาเรื่องราวซุกไว้ใต้พรมหรืออย่างไร? แล้วทำไมก่อนหน้านี้คน " ส่วนใหญ่" ในสังคมทำไมจึงเห็นดีเห็นงามกับการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ซึ่งต้องละลายเงินสร้างความมักมากในกามารมณ์ทางจอทีวีเป็นร้อยล้าน


ผลในอนาคตสักสิบปีข้างหน้า คงไม่ต้องบอกว่า หากเราเอาเงินตรงนี้ไปทุ่มกับกิจกรรมทางปัญญา เยาวชนของชาติจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างมีคุณภาพแค่ไหน...


* * * *


การสัญจรไปสวนโมกข์ครั้งนี้ ทำให้ผมต้องดูประกวดนางงามทางสื่อต่าง ๆ โดยมีภาพ " นางงาม" ที่สวนโมกข์ลอยไปลอยมาในห้วงคำนึงให้ปลงไปด้วยในคราวเดียวกัน...


เฮ้อ ! งามเจ้าเอย...นะ " นางงาม"


หมายเหตุ : ปีนี้และปีหน้า จะมีกิจกรรมทางปัญญาเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับท่านพุทธทาสภิกขุ โดยเฉพาะที่สวนโมกขพลาราม เนื่องในโอกาส 1 ปีก่อนครบ 100 ปีชาตกาล อนึ่งท่านพุทธทาสเอง ก็ได้รับการเสนอชื่อโดยมูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ต่อยูเนสโกเพื่อเป็นบุคคลสำคัญของโลกทางด้านวัฒนธรรมในปีหน้าอีกด้วย