Skip to main content

เสี้ยวความคิดถึง " ท่าพระจันทร์"

คอลัมน์/ชุมชน

 




ภาพจาก Google


มิถุนายน 25 46 19.00 น. ...ท่าพระจันทร์


ผมเดินไปท่าพระจันทร์พร้อมของพะรุงพะรังที่ใครคนหนึ่งฝากไว้ วันนั้นฝนที่ตกลงมาไม่ขาดเม็ด หยุดฝีเท้าของผมไว้ที่หน้าร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เปิดโอกาสให้ได้ซึมซับบรรยากาศของท่าพระจันทร์ในยามฝนพรำ


ท่าพระจันทร์...มิติหนึ่งก็มีความงามในตัวเอง


ฝนตกปรอย ๆ อย่างนี้ หลายคนที่เดินผ่านมาที่นี่อาจไม่ทันสังเกต ภาพชีวิตของบรรดาเจ้าของร้านค้า ผู้คนที่ขวักไขว่ไปมาหาที่หลบฝน เรือข้ามฟากที่เคลื่อนไหวอยู่อย่างเอื่อย ๆ


สุดท้ายก็คือเรื่องราวของผู้คนที่ดำเนินไปตามกระแสชีวิต


เวลาแบบนี้...ใครหลายคนกำลังกินข้าวใต้ชายคาอันอบอุ่น หลายคนกำลังรีบร้อนกลับบ้าน หลายคนกำลังสังสรรค์กับเพื่อนฝูง …


และถึงที่สุด...ใครหลายคนอาจเป็นทุกข์อยู่ในซอกมุมหนึ่งของเมืองใหญ่


แต่ที่ท่าพระจันทร์ตรงหน้าผมขณะนี้ เสียงดนตรีกังวานทั่วลานชุ่มช่ำ


เดือนเพ็ญ.....สวยเย็นเห็นกระจ่าง …


เสียงกีตาร์ลอยมา … ช่างโรแมนติกเข้ากับบรรยากาศพลบค่ำเสียนี่กระไร


สายฝน...ยามเย็นและท่าพระจันทร์ " คนบางคนเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ตัวเชื่อมั่น" ความคิดนี้เข้ามาในใจผม เมื่อเห็นนักดนตรีพเนจรผู้หนึ่งไล่นิ้วไปบนกีตาร์ของเขา


ความจริง อาชีพศิลปินพเนจรเหล่านี้ในสังคมตะวันตกได้รับการยกย่องมาก เพราะฝรั่งถือว่าคนเหล่านี้เป็นศิลปินที่รักงานและศรัทธากับสิ่งที่ตนเองทำ


คำว่า " วณิพกพเนจร" จึงไม่เกิดในสังคมฝรั่ง เพราะเขาไม่ถือว่าคนเหล่านี้เป็นขอทาน


บริเวณท่าพระจันทร์....หากเราเฝ้าดูตลอดวันจะพบว่ามีศิลปินผ่านไปมาและใช้ที่แห่งนี้ทำมาหาเลี้ยงชีวิตอยู่ไม่น้อย


เช้า …." พี่มอญ" สีซออู้ส่งเสียงขับกล่อม


สาย … คุณลุงคนหนึ่งกับคีย์บอร์ดตัวโตพร้อมบทเพลงเอาใจวัยรุ่น


บ่าย … เด็กมัธยมคนหนึ่งพร้อมกับเสียงหวาน ๆ ของไวโอลินดังกังวานท่ามกลางผู้คนที่มาเดินจับจ่าย


และตอนเย็น … ผมพบนักกีตาร์เปิดหมวกหลายคน


 


นี่คือชีวิตศิลปินท่าพระจันทร์


หลังยืนดื่มด่ำเพลงของเขาระยะหนึ่ง บางทีอาจเพราะวันนั้นผมถือถุงกีตาร์ไปด้วย ประสาคนรักดนตรีด้วยกันทำให้ระหว่างเราไม่มีกำแพงกั้น


เขาเล่าให้ผมฟังว่าตระเวนเล่นดนตรีแลกรายได้เล็กน้อยอยู่แถวท่าพระจันทร์กับท่าช้าง แต่ที่นี่เขาไม่ได้มาบ่อยนัก


บทสนทนาดำเนินไปสักพัก...


คืนนั้นเขาเล่นเพลง If we hold on together เป็นเพลงสุดท้ายแล้วก็จากไป


การเปิดหมวกเล่นกีตาร์ในเมืองไทย หากเทียบกับสังคมตะวันตกแล้วลำบากกว่าหลายเท่า แต่เพื่อความฝัน ความรักในอาชีพ ไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้สึกว่า นี่คือความสุขของชีวิตไม่ว่าจะลำบากเพียงใดก็ตาม



คนเรา … มีชีวิตที่ต้องเลือกเดิน อยู่ที่ว่าจะแน่วแน่แค่ไหน


เป็นความคิดถึงท่าพระจันทร์ ยามสิ้นแสงตะวันและหยาดฝนโปรยปรายเมื่อ 2 ปีก่อน