Skip to main content

Pass the Love Forward : พินัยกรรมจากขนมปังดนตรี

คอลัมน์/ชุมชน

ต้องกล่าวกับผู้อ่านก่อนว่า ผมเขียนบทความชิ้นนี้ด้วยความรู้สึกเสียดายระคนใจหายกับเหตุการณ์ ๆ หนึ่งในวงการดนตรีไทยสากลที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ นั่นคือเหตุการณ์ที่คุณสุกี้-กมล สุโกศล แคลปป์ คุณบอย โกสิยพงษ์ และคุณสมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารของเบเกอรี่มิวสิค-ค่ายเพลงที่สื่อมวลชนบางฉบับขนานนามว่าเป็น "ค่ายเพลงทางเลือกที่สาม" รองจากอาณาจักรดนตรีแถบอโศกและลาดพร้าว


ที่กล่าวว่าใจหายและเสียดายนั้น ก็ต้องบอกกันตามตรงว่าเป็นเพราะผมเองก็เหมือนกับวัยรุ่นบ้าเพลงในยุคเดียวกันอีกหลายคนที่ถือว่าอัลบั้มชุดแรกของ Modern Dog ซึ่งถือเป็นอัลบั้มชุดแรกของเบเกอรี่ฯ ด้วยนั้นเป็นอัลบั้มที่เปลี่ยนชีวิตการฟังเพลงอย่างขนานใหญ่ รวมทั้งเป็นอัลบั้มที่ทลายความเชื่อเดิม ๆ ของวงการเพลงไทย ที่เคยเชื่อว่าศิลปินนักร้องต้องหน้าตาดีเสียก่อนถึงจะขายได้ โดยไม่ต้องมีองค์ประกอบทางฝีมือเข้ามาเกี่ยวข้อง


และภาพของเบเกอรี่ฯ ในความคิดของผม ก็มีภาพของทั้งสามคน ที่นอกจากจะเป็นผู้บริหารแล้ว ทั้งสามยังมีบทบาทไปถึงงานแทบทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมในการแต่ง การเล่น การดูแลการผลิต หนัก ๆ เข้าทั้งสามก็กระโดดลงมาเป็นศิลปินเสียเอง


ดังนั้น...แม้ว่าหลังจากการลาออก ตัวค่ายจะยังคงอยู่ก็ตาม แต่สำหรับแฟนเบเกอรี่ชนิดจงรักภักดีแล้ว...จิตวิญญาณของค่ายนี้หดหายไปเสียแล้วล่ะครับ


มาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า ที่การประกาศลาออกครั้งนี้มาเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันก่อนจะเกิดคอนเสิร์ต B-Day อันเป็นคอนเสิร์ตครบรอบ 10 ปีแห่งการก่อตั้งค่ายพอดี ซึ่งคอนเสิร์ตนี้ก็มีเพลงประจำงาน (Theme) ของงานเป็นเพลงชื่อว่า "Pass the Love Forward" หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า "ส่งต่อความรัก" (อ่านเนื้อเพลงประกอบได้ที่ http://www.cityblue.net/lyric/viewlyr.php?cat=b&artist=boyd&song=passfo… ครับ)


จริง ๆ แล้วเจ้าเพลง "Pass The Love Forward" นั้นเคยอยู่ในอัลบั้ม Song From Difference Scenes#3 ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมเพลง "เก็บตก" ของคุณบอย โกสิยพงษ์ ซึ่งเวอร์ชั่นในอัลบั้มนั้นเป็นเสียงร้องของคุณนภ พรชำนิ แต่สำหรับเวอร์ชั่นปัจจุบันนั้นเป็นการร่วมกันร้องของศิลปินทั้งค่ายทั้งอดีตและปัจจุบัน (รวมถึงเสียงของคุณโจ้-อมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้แอบหลบไปร้องเพลง ณ ที่ใดที่หนึ่งที่ไม่ใช่โลกนี้อยู่ด้วย)


เมื่อพูดถึงเพลงนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงลักษณะการแต่งเพลงของคุณบอย โกสิยพงษ์ไม่ได้ ซึ่งถ้าใครสังเกตเพลงของคุณบอยในช่วงหลังจากที่คุณบอยได้อ่านหนังสือ "พลังแห่งชีวิต" เอ่อ...ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่าหลังจากที่คุณบอยหันมาเป็นคริสเตียนนั้น จะพบว่าเพลงในยุค "Post-Christian" ของคุณบอยจะมีลักษณะไปในทางอบอุ่น อ่อนโยน และมองโลกในแง่ดี ส่วนในด้านของดนตรีนั้นก็นุ่มนวลตามไปด้วย ทำให้ในปัจจุบันเราไม่ได้ยินเพลงในโทนร้อนอย่าง "คลั่ง" ในชุดแรก และ I'm Free ในชุดที่สองซักเท่าไหร่


อย่างตัวเพลง "Pass the Love Forward" ก็สะท้อนถึงการ "มองโลกในแง่ดี" อย่างชัดเจน ด้วยการนำเสนอแนวคิด "ถ้าเรามอบความรักให้ต่อกันและกัน และส่งต่อไปเรื่อย ๆ โลกก็คงเต็มไปด้วยความรัก" คล้ายว่าจะเป็นการ "พินัยกรรมสั่งลา" กลาย ๆ ...ประมาณว่าถึงแม้ตัวตนของค่ายจะเปลี่ยนไป แต่ตัวเพลงที่เคยสร้างไว้ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม


ส่วนหัวเรื่อจะไปสร้างเพลงในที่ใหม่อย่างไรนั้น ก็คงต้องดูกันต่อไป (เสียงคนข้าง ๆ กระซิบมาว่า "ยังไงก็ขอให้ค่ายใหม่ซีดีราคาถูกกว่านี้หน่อยแล้วกัน" ;-))


ฟังแล้วดูเป็นความคิดในเชิง "อุดมคติ" ดีพิลึกนะครับ เพราะว่าในความจริง...การ "ส่งต่อความรัก" บนโลกที่ความรักยังถูกการแบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายระหว่างคนที่ไม่เหมือนกัน โดยไม่มีสะพานแห่งความเข้าใจพาดสายอยู่นั้น...เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน แต่อย่างน้อย ๆ หากหวังและหาทางสร้างความหวังเสียบ้าง ก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก


เมื่อพูดถึงการ "ส่งต่อ" ความรัก ผมก็นึกถึงฝูง "ความรัก" กว่า 120 ล้านตัวที่ถูกโปรยลงสู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ว่านั่นอาจจะเป็นการ "ส่งต่อความรัก" อีกแบบหนึ่ง...แต่เป็นการส่งต่อที่ผู้รับนอกจากจะได้รับ "ความรัก" แล้ว ยังสามารถเอา "ความรัก" ไปแลกนม หรือถ้าโชคดีสุด ๆ ได้รับ "ความรัก" จากนายกฯ ของเรา ก็อาจได้เข้าร่วมโต๊ะดินเนอร์กับท่านได้ (โปรดระวัง "ความรัก" ลอกเลียนแบบ;-))


นอกจากนี้...เรายังได้พบทั้ง "ความรัก" ที่สร้างด้วยใจจริง สลับกับ "ความรัก" ที่ถูกบังคับให้สร้าง


ผมเลยคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเราไม่ส่งต่อความรักแบบนั้น แต่ใช้เสียงดนตรีส่งไปแทนก็คงจะดีไม่น้อย เพราะแม้ว่าเราจะเอาความรักไปแลกนมไม่ได้ แต่อย่างน้อย...ก็ไม่มีความรักเกลื่อนถนน สร้างความเดือดร้อนให้พนักงานกวาดถนน


เอ...เขียนเรื่องเพลงอยู่ดี ๆ ไหงมาจบแบบนี้ได้หว่า?