Skip to main content

ชอล์ก/ ก้อนอิฐ/ ดอกไม้ : สิ่งเล็ก ๆ ที่ถูกลืม

คอลัมน์/ชุมชน

จิรกาล


"Not One Less"ป็นหนังที่กำกับโดยจางอี้โหมว ซึ่งแม้กระแสความนิยมในไทยออกจะเงียบไปสักหน่อย แต่ในระดับสากลนั้น หนังเรื่องนี้ถือว่า เข้าขั้นเยี่ยมยอดเลยทีเดียว


หนังเรื่องนี้กล่าวถึง เว่ยมินฉี ครูจำเป็น วัย 13 ปี ที่ต้องมาสอนหนังสือแทนครูเกา 1 เดือน เพราะครูเกาต้องกลับไปดูแลแม่ที่ป่วย ทั้งนี้มีข้อแม้ว่า ครูเว่ยจะต้องรักษานักเรียนทั้ง 28 คนไว้ ห้ามขาดไปแม้แต่คนเดียว ครูเกาจึงจะจ่ายค่าจ้างให้


ปัญหามีอยู่ว่า โรงเรียนประจำจังหวัดเห็นว่า หมิงซินหง วิ่งได้เร็วมาก จึงต้องการพาไปฝึกเป็นนักกีฬา


จางหุยเคอะ เด็กเกเรประจำห้อง ต้องออกจากโรงเรียน ไปทำงานในเมือง เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว


เจอปัญหาอย่างนี้เข้า ครูเว่ยต้องยอมไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าอยากรู้ว่า ครูเว่ยแก้ปัญหายังไง คงต้องไปซื้อ หรือเช่าวิดีโอ วีซีดี หรือดีวีดี มาดูกันเอง


ฉาก นักแสดงและรายละเอียดเล็ก ๆ ทำให้หนังเรื่องนี้ "น่ารัก" ทีเดียว


ฉากของหนังเรื่องนี้ถูกเซ็ตอยู่ที่ชนบทแห่งหนึ่ง จริง ๆ แล้วก็เหมือนไม่ใช่การ "เซ็ต" เพราะภาพในหนังดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ ดูแล้ว "เนียน" ว่างั้นเถอะ เช่น ห้องเรียนของเด็ก ๆ ที่อาศัยดูเวลาเอาจากแสงและเงาของไฟดวงโตอย่างดวงอาทิตย์


นักแสดงทั้งหมดนั้นแม้ไม่ใช่มืออาชีพ แต่ส่วนใหญ่ถูกเลือกมาจากคนในอาชีพที่ตรงกับในหนัง เช่น ครูเกา ก็เป็นครูเกาที่สอนอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบท จางหุยเคอะ ก็คือ ด.ช.จางหุยเคอะ ทำให้การแสดงของพวกเขาดูสมจริง เพราะพวกเขากำลังเป็นตัวของตัวเอง


นอกจากนี้ รายละเอียดหลาย ๆ จุดในหนัง ยังกระซิบส่งสาส์นบางอย่างบอกคนดูอย่างเราด้วย


ไม่ว่าจะเป็น ชอล์กสีขาวของครูเกาที่ถูกจำกัดให้ใช้ได้วันละแท่ง ที่กำลังบอกว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่า เรามีอยู่เท่าใด แต่อยู่ที่เราใช้สิ่งที่เรามีคุ้มค่าแล้วหรือยังต่างหาก


การทำงานของครูเว่ยและเด็ก ๆ เพื่อหาเงินเข้าเมืองไปตามจางหุยเคอะ ทำให้คิดได้ว่า กระบวนการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่จำกัดแต่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น ณ ที่แห่งนั้น พวกเขาได้เรียนวิชาพลศึกษา ซึ่งก็คือการขนย้ายก้อนอิฐ วิชาคณิตศาสตร์ ในการคำนวณว่าต้องขนก้อนอิฐกี่ก้อนจึงจะได้เงินตามต้องการนอกจากนี้ การได้ออกมาร่วมกันทำงานหาเงิน ยังเป็นการเรียนวิชาส.ป.ช. หรือ สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ไปในตัวอีกด้วย (หมายเหตุ-วิชานี้เคยมีอยู่จริง!)


น้ำอัดลม 2 กระป๋องที่ต้องแบ่งกันกินถึง 27 คน ถึงจะไม่ดับกระหาย แต่อย่างน้อยก็ชื่นใจ


คุณป้าเจ้าของร้านอาหาร ก็ไม่ได้ดุอย่างที่เราคิด ที่จริงเป็นคนใจดีทีเดียวที่ยอมให้จางหุยเคอะ ซึ่งไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียว ทำงานแลกกับอาหาร


บางทีเราก็ตัดสินอะไรไปก่อนแล้ว โดยที่ยังไม่ทันดูให้ดีเสียก่อน


ตอนจางหุยเคอะตอบคำถามนักข่าวโทรทัศน์ว่า จะเอาเงินที่ได้รับบริจาคไปซื้ออะไรให้ครูเว่ย หลังจากคิดอยู่นานสองนาน คำตอบที่ได้ คือ ของสวย ๆ ดี ๆ ซึ่งก็คือดอกไม้นั่นเอง


หลายครั้งที่เรามักไขว่คว้าหาสิ่งของมีราคาให้กับตัวเองหรือคนที่เรารัก ด้วยคิดว่า ยิ่งหายาก ยิ่งแพง ก็ยิ่งดี แต่เรากลับลืมไปว่า สิ่งที่ทั้งสวยและดีที่สุด ก็คือ ธรรมชาติ ที่หาได้ง่าย ข้าง ๆ ตัวเรานี่เอง


บางครั้งบางคราว สายตาเราก็มองไปแต่ข้างหน้า สาวเท้าก้าวไปไม่หยุดหย่อน...


เปล่าหรอกนะ ไม่ได้จะบอกให้หยุดเดิน เพียงแต่อยากให้ลองเดินให้ช้าลง และหันมามองสิ่งรอบข้างบ้าง...เท่านั้นเอง