Skip to main content

ความคิดของเด็กที่ไม่ "เด็ก" อย่างที่คิด

คอลัมน์/ชุมชน

จันทน์กระพ้อ


บ่อยครั้งที่ฉันวางสมองอันหนักอึ้งจากการใช้ชีวิตในสังคมเมืองหลวงไว้ข้างกาย แล้วปล่อยใจโลดแล่นกลับไปสู่ความทรงจำในวัยเด็ก เรื่องราวที่ผ่านพ้นมาเนิ่นนานแล้วนั้น นึกขึ้นมาทีไรอดอมยิ้มที่มุมปากไม่ได้ทุกที


วีรกรรมต่าง ๆ ที่ทำไว้ในวัยเด็ก หากเป็นเรื่องดี ผู้ใหญ่ก็จะชมว่า เด็กคนนี้ฉลาด ตรงกันข้ามหากเป็นวีรกรรมที่แสบสันต์ ผู้ใหญ่ก็มักจะให้อภัยโดยให้เหตุผลว่า "เด็กยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร" แต่ในเวลานั้น เด็กอย่างฉันรู้ดีว่าทั้งเรื่องดี และเรื่องแสบสันต์ที่เกิดขึ้น ฉันกระทำมันลงไปด้วยความรู้เรื่องรู้ราวเป็นอย่างยิ่ง


Children of heaven สุดยอดหนังจากประเทศอิหร่าน ภายใต้การกำกับของ Majid Majidi มีเนื้อหาสนับสนุนข้อเท็จจริงที่ว่า เด็กมี "ความรู้เรื่องรู้ราว" มากกว่าที่ผู้ใหญ่เข้าใจได้เป็นอย่างด


เรื่องราวในหนังสะท้อนภาพความยากจน โดยไม่มีการเอ่ยถึงอุดมการณ์ทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ หากแต่เสนอภาพของเด็ก ๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยว่า พวกเขาได้รับผลกระทบจากความล้มเหลวของการพัฒนาประเทศอย่างรุนแรงที่สุด


หนังเล่าถึง "อาลี" เด็กชายวัย 9 ขวบ ที่บังเอิญทำรองเท้าของ "ซาร่าห์" น้องสาวหายไป และเนื่องจากครอบครัวยากจน อาลีและซาร่าห์จึงต้องผลัดเปลี่ยนรองเท้าผ้าใบใส่ไปโรงเรียน (ทั้งสองคนเรียนคนละเวลากัน) หลังจากที่อดทนมานาน ในที่สุด อาลีก็มีหนทางเพื่อจะได้มาซึ่งรองเท้าให้น้องสาวของเขา นั่นก็คือการเข้าร่วมการแข่งขันวิ่ง แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะ ต้องวิ่งได้ที่ 3 เพราะหากได้ที่ 1 หรือที่ 2 รางวัลก็จะสูงค่ากว่านี้ ที่สุดแล้วเขาจะเข้าเส้นชัยเป็นคนที่ 3 หรือไม่ โปรดติดตามชมเองก็แล้วกัน


ความน่าสนใจของเรื่องอยู่ตรง กระบวนการคิดอันนำไปสู่การแก้ปัญหาในแนวทางของเด็ก และการใช้หัวใจเป็นตัวกำหนดการกระทำ


การที่อาลีและซาร่าห์รับรู้และเข้าใจได้ว่า ฐานะของครอบครัวยากจน พ่อไม่มีเงินซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้ และเข้าใจลึกกว่านั้นว่า ถ้าร้องโวยวายตีโพยตีพายจะเอารองเท้าให้ได้ พ่อของพวกเขาก็ต้องไปกู้ยืมเงินคนอื่นมา ซึ่งการกู้เงินนั้นทำให้พ่อต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อนำเงินไปคืนเจ้าหนี้ แสดงให้เห็นว่า พวกเขามีกระบวนการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล รับรู้ และ สามารถเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี


ด้วยความเข้าใจและการคิดด้วยกระบวนการที่เป็นเหตุเป็นผล สองพี่น้องจึงเลือกที่จะไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อ โดยซาร่าห์ยอมใส่รองเท้าของพี่ชายซึ่งมีขนาดยาวกว่าเท้าของเธอ ส่วนอาลีก็ยอมเลิกซ้อมฟุตบอลกับเพื่อน ๆ เพียงเพราะกลัวว่ารองเท้าจะสกปรก และยันเยินไปกว่าที่เป็นอยู่ จากนั้นทั้งสองก็เลือกที่จะแก้ปัญหาตามแนวทางของพวกเขาเอง


วันหนึ่ง ซาร่าห์พบเด็กผู้หญิงพร้อมกับรองเท้าคู่ที่หายไปของเธอ เธอและอาลีจึงติดตามไปที่บ้านของเด็กคนนั้นด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะเอารองเท้าคืนให้ได้ แต่เมื่อพบว่าพ่อของเด็กคนนั้นตาบอด โดยที่ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองสื่อสารกันด้วยสีหน้าและแววตาที่หมองเศร้า แล้วก็พากันกลับบ้านโดยที่เท้าของซาร่าห์ ไม่ได้สวมรองเท้าคู่นั้นที่ตามหามานาน


ถึงแม้อาลีและซาร่าห์จะสามารถเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างได้ด้วยกระบวนการทางเหตุผล แต่การกระทำของพวกเขาข้างต้นแสดงให้เห็นว่า เขามองโลกและเลือกที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยหัวใจ


สำหรับพวกเขา 1+1 อาจจะไม่เท่ากับ 2 อย่างที่หัวใจของคนที่โตแล้วทางอายุหลายดวงคิด เพราะพวกเขารับรู้ว่าระหว่างทางแห่งการช่วงชิงเอาของ ๆ ตัวเองกลับคืนมานั้นมีรายละเอียดที่อ่อนไหวมากมาย จนถึงจุดที่ทั้งคู่มองว่า ในชีวิตนี้ยังมีสิ่งจำเป็นกว่ารองเท้าอยู่หลายสิ่งหลายอย่างนัก


การนำตัวเองเข้าสู่การแข่งขันวิ่งของอาลี และความมุ่งมั่นตั้งใจจะเข้าเส้นชัยเป็นคนที่ 3 เพื่อให้ได้รองเท้าเป็นรางวัล ทั้ง ๆ ที่ของรางวัลของที่ 1 และที่ 2 มีมูลค่าสูงกว่านั้น แสดงให้เห็นว่าในความคิดของอาลี เมื่อขาดรองเท้าก็หาทางให้ได้รองเท้า ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องได้ชุดกีฬา หรืออุปกรณ์การศึกษา


ช่างแตกต่างจากความคิดของผู้ใหญ่ที่เมื่อมี "ฮอนด้า" แล้วก็อยากมี "เบนซ์" มีบ้านแล้วก็อยากมีที่ดิน เป็นอย่างนี้เรื่อยไปไม่รู้จักจบจักสิ้น จึงไม่น่าแปลกที่ผู้ใหญ่จะมักมีคำพูดติดปากว่า "เหนื่อยเหลือเกิน"


ผู้ใหญ่หลายคนอาจจะกล่าวโทษผู้ที่ริเริ่มนำระบบทุนนิยมเข้ามาแพร่หลายในสังคมโลก ทำให้คนเราต้องแก่งแย่งชิงดี เพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิตที่สมบูรณ์แบบทางวัตถุ หลายคนอาจจะโทษผู้นำประเทศที่ขาดความสามารถในการบริหาร และไม่สามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีกันถ้วนหน้า


แต่อาลีและซาร่าห์สอนให้ฉันเรียนรู้ว่า แท้จริงแล้วความเหนื่อยของผู้ใหญ่เป็นสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นเองภายใต้การไม่ยอมรับความ "มีน้อย" กว่าคนอื่น และฉันก็ยังรับรู้อีกว่า การยอมรับเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งดูเหมือนเด็ก ๆ จะมีความสามารถในเรื่องนี้ดีกว่าผู้ใหญ่หลายเท่าตัว


สำหรับบทสรุปของ Children of heaven คงไม่มีอะไรมากไปกว่าความบริสุทธิ์ สะอาด ละเมียดละไม และ "เนียน" ในความรู้สึกอย่างที่สุด เหนือสิ่งอื่นใด ท่ามกลางความวุ่นวายในการดำเนินชีวิต ก็ยังมีความสุขอีกหลายทางให้ไปรู้สึก