Skip to main content

สมบัติกับ...โลกสองใบ

คอลัมน์/ชุมชน

24 1/6



คำเตือนก่อนอ่าน : เนื่องจากบทความชิ้นนี้จะเล่าตอนจบของหนังเรื่อง " เฉิ่ม" ด้วย ดังนั้นถ้าท่านใดยังไม่ได้ดูหนังเรื่องดังกล่าว หรือว่าตั้งใจจะไปดูหนังเรื่องนี้ ขอความกรุณาไปอ่านบทความอื่น ๆ ในประชาไทก่อน จนกว่าจะได้ดูหนังเรื่องนี้


สมบัติ ดีพร้อม -คนขับแท็กซี่กะดึกวัยกลางคน ที่ชีวิตวนเวียนอยู่กับการขับแท็กซี่ ฟังรายการเพลงไทยอมตะของคุณอาธรรมรงค์ เพชรสุนทรและละครวิทยุทางวิทยุคลื่น AM อมยาอมโบตันที่พกติดกระเป๋าเสื้อ ก่อนที่จะไปจบลงที่ร้านต้มเลือดหมูเจ้าประจำ กลับเข้านอนในยามเช้า เพื่อจะตื่นขึ้นมาทำงานในยามเย็นของวันต่อมา (อาจจะมีบางวันที่เขาจะแวะเวียนไปที่ " ลีลาศนิรันดร" -คลับลีลาศเล็ก ๆ ที่เหมือนยกเอายุคเวทีลีลาศสวนลุมพินีมาไว้ที่นั่น) วนเวียนอย่างนี้ตลอด...


มีคำถามเกิดขึ้นว่า ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน สมบัติจะยังสามารถใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ อย่างมีความสุขได้หรือเปล่า หรือถ้าหากเขาต้องเปลี่ยนชีวิตไปเป็นแบบมนุษย์สมัยใหม่ เขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า?


คำถามนี้ดูเหมือนเป็นหัวใจสำคัญของหนังเรื่อง " เฉิ่ม" ผลงานกำกับชิ้นที่สองของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี (หลังจากที่เขาเคยมีผลงานกำกับร่วมกับเกียรติ คงสนันท์ใน " สยิว" นอกจากนั้นเขายังมีผลงานเขียนบทใน The Letter รวมถึงยังพ่วงตำแหน่งนักร้องนำของวงดนตรี " สี่เต่าเธอ" และยังมีผลงานแต่งเพลงให้กับศิลปินอย่าง Groove Riders และโดม – ปกรณ์ ลัมเป็นต้น) ที่ได้ดาราระดับแม่เหล็กอย่างหม่ำ จ๊กมก และนุ่น-วรนุช วงษ์สวรรค์เป็นจุดขายหลัก


หลังจากที่หนังเริ่มพาเราไปรู้จักชีวิตของสมบัติ (หม่ำ จ๊กมก) ปากกาเขียนบทก็เขียนให้สมบัติมาพบกับ นวล (วรนุช วงษ์สวรรค์) หมอนวดสาวที่พาสมบัติเดินไปแตะพรมแดนระหว่างโลกความฝันใบเล็ก ๆ เงียบ ๆ กับโลกความจริงอันอึกทึกครึกโครม ก่อนที่สมบัติจะกระโจนลงสู่โลกแห่งความจริง ด้วยหวังว่าจะทำให้นวลได้มีร้านตัดชุดแต่งงานตามที่หวัง ด้วยการตัดสินใจทำธุรกิจขายตรงตามที่เพื่อนคนขับแท็กซี่แนะนำ


...ก่อนที่เขาจะพบมรสุมขนาดใหญ่ที่พัดพาเขาจนเสียศูนย์


ตั้งแต่ " ธุรกิจขายตรง" ที่มอบเพียงออฟฟิศร้าง ๆ กระเป๋าแห้ง ๆ และความตายของเพื่อนแท็กซี่สูงอายุไว้ดูต่างหน้า แท็กซี่ของสมบัติถูกปล้น อีกทั้งเขายังพบว่า รายการวิทยุที่เขาฟังประจำเป็นแค่การฟังเทปบันทึกรายการเท่านั้น แถมยังมาพบว่า " ลุงเอื้อ อาทร" (ลองอ่านชื่อนี้ติด ๆ กันแล้วจะรู้สึก " ได้อารมณ์" พิลึก ;-)) คุณลุงใจดีที่ทำให้สมบัติศรัทธาในการทำความดีนั้นแท้จริงแล้วคือ...(เอ่อ...อันนี้บอกไม่ได้จริง ๆ ครับ เพราะตรงนี้เป็นบทหักมุมชนิด " หักศอก" จนสติเราแทบหกคว่ำคะมำหงาย ซึ่งผมไม่รู้ว่าผมจะชอบหรือไม่ชอบวิธีหักมุมแบบนี้ดี)


ผมคิดถึงช่วงอาทิตย์-สองอาทิตย์ก่อนที่ผมได้ติดตามน้อง ๆ โครงการ " คลื่นลูกใหม่ ปลายปากกา" ในการลงพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์เพื่อทำหนังสือพิมพ์สำหรับแจก-ขายในงาน " เขียนเมือง เล่าเรื่องคน" ที่จัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา


สิ่งที่ผมได้เห็นคือ ลมพายุแห่งการเปลี่ยนแปลงเมืองให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกำลังค่อย ๆ เขยื้อนกายเข้าหาชุมชนที่อยู่กันแต่ก่อน โดยเจ้าการเปลี่ยนแปลงที่ว่าจะพัดพาผู้คนที่อยู่เดิมไปไหนก็ไม่รู้ ให้เหลือเพียงบ้านสวย ๆ อันรกร้างว่างเปล่า แล้วนำร้านค้า โรงแรมเล็ก ๆ เก๋ ๆ ไปไว้ในนั้นแทน


คล้ายกับว่าถ้าสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเกิดขึ้นใหม่ มันจำเป็นต้องมีอีกสิ่งหนึ่งที่หายไป จริงหรือเปล่าแล้วมันไม่มีทางที่ทั้งความเก่า และความใหม่จะอยู่ร่วมกันเลยหรือ


อย่างตัวสมบัติเอง หลังจากที่เจ็บปวดกับสิ่งที่ประสบมาทั้งหมด ชีวิตเขาก็ลงเอยด้วยการทำงานเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ แต่ถึงกระนั้นแผ่นซีดีเพลงสุนทราภรณ์ก็นำพาสมบัติกลับไปพบสิ่งที่เขารักที่สุด


คงมีทางทำให้ความใหม่และเก่าอยู่บนโลกใบเดียวกันได้แหละนะ...