Skip to main content

ความหลังบนชั้นหนังสือ

คอลัมน์/ชุมชน

จิรกาล


บ่ายวันอาทิตย์ ฉันนั่งจัดชั้นหนังสืออยู่ที่บ้าน นาน ๆ ที จนถึงนานมาก
จะจัดสักครั้ง บางคราวก็จัดไม่เสร็จเพราะมัวนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ
ฝุ่นหนาเตอะเกาะหนังสือที่เคยซื้อไว้ตอนเด็ก ๆ เต็มไปหมด อืม... ซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า

แรกเริ่มเลย หนังสือที่ซื้อเอง (แต่ใช้ตังค์แม่ ^_^) ก็คงเป็นตอนประถมต้น ที่ทุกวันจันทร์จะต้องจ่าย 5 บาท (เอ... หรือ 3 บาทนะ ชักจะจำไม่ค่อยได้) เพื่อซื้อนิตยสาร "สตรีสาร ภาคพิเศษ" น้องสาวคนเล็กเพิ่งให้ข้อมูลใหม่มาว่า เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนชื่อเป็น  ทุกครั้งไป ถ้าใครนึกไม่ออกให้นึกถึง หนังสือเล่มบางที่มีปกเป็นการ์ตูน "บ้านไร่ชายทุ่ง" สีสดใสอยู่ข้างใน ประกอบด้วยเกมปริศนาคำทายบ้าง เติมคำบ้าง


บางคอลัมน์ก็เล่าเรื่องน่ารู้ต่าง ๆ เช่น ประวัติพระพุทธเจ้า วรรณคดีไทย หรือตำนานเทพ นอกจากนี้ยังมีการประกวดวาดภาพระบายสีด้วย (ทำท่าว่าจะส่ง ๆ อยู่หลายครั้ง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียว) ส่วนปกหลังนั้น เป็นตุ๊กตากระดาษ ให้ตัดเอาไปเล่นกับเพื่อน ๆ

โตขึ้นมาหน่อย ตอนประถมปลาย ก็เริ่มเอานิตยสารของแม่มาเปิดอ่าน แม่ชอบอ่าน "ขวัญเรือน" ฉันเลยได้โตมากับนิตยสารแนวแม่บ้าน (แต่ก็ไม่ได้มีความเป็นแม่บ้านติดตัวมาสักนิด) ความจริงแล้วก็ไม่ค่อยได้อ่านสักเท่าไหร่ เน้นเปิดดูภาพมากกว่า


คอลัมน์ที่ชอบอ่าน จะเป็นประเภทสัมภาษณ์จากปก กับทำอาหาร (แน่นอนว่า อ่านและดูเท่านั้น - ไม่เคยลงมือทำเลย) นอกจาก "ขวัญเรือน" แล้ว ฉันยังได้อ่าน "คุณค่า" ด้วย เล่มนี้เป็นนิตยสารสำหรับเด็ก ประกอบไปด้วยการ์ตูน เรื่องเล่า ตำนาน สอนภาษาอังกฤษ และขำขันต่าง ๆ


จำได้ว่า ฉันเคยส่งมุขไป และได้ตีพิมพ์ด้วย ทำให้ได้กล่องดินสอมาเป็นรางวัล - ตอนนั้นดีใจมาก (มีใครเป็นเหมือนกันไหม อารมณ์แบบ เฮ้ย มีชื่อเราอยู่ในหนังสือด้วย ! )

ช่วงประมาณ ป. 6 ฉันเริ่มได้ออกภาคสนาม เกือบทุกวันอาทิตย์ แม่จะชอบไปเดินห้างโรบินสัน รัชดา ส่วนพ่อก็เปิดร้านขายของอยู่ที่บ้าน ฉันก็เลยเลือกออกมาเดินห้าง แรก ๆ ก็สนุกกับการเดินซื้อของอยู่หรอก แต่พอได้ของที่ตัวเองอยากได้แล้ว ก็เกิดอาการเซ็งขึ้นมา =_= ก็เลยต้องหาที่สิงสถิต ที่แรกก็คือ โซนเครื่องเล่นเด็ก มีทั้งบ้านมหาสนุก ที่มีตาข่ายให้ปีนป่าย มีลูกบอลพลาสติกให้ปาเล่น รถไฟผจญภัย (ไปตามรางนั่นแหละ) แล้วก็พวกเกมหยอดเหรียญต่าง ๆ แต่ก็นะ 1 เดือนผ่านไป 2 เดือนผ่านไป เด็กไฮเปอร์ก็เกิดเบื่อขึ้นมาอีก (เล่นจนขนาดตั้งตนเป็นหัวโจก ชวนเด็กคนอื่น ๆ มาเข้าขบวนการได้ด้วยน่ะ คิดดู)


คราวนี้ ที่ใหม่ของฉัน ก็คือ ร้านหนังสือเนี่ยแหละ ทีนี้อยู่ได้นานเลย เพราะมีหนังสือให้อ่านเต็มไปหมด มีที่ให้นั่งอ่าน แถมยังเปิดเพลงคลอ และเย็นสบายอีกต่างหาก ^0^ ตอนนั้นก็จะอ่านรอแม่ไปเรื่อย ๆ พอแม่เดินซื้อของเสร็จมารับก็จะขอให้แม่ซื้อหนังสือให้บ้าง บางเล่มก็ไม่ต้องซื้อเพราะอ่านจบแล้วในร้าน ( 'โหสินะ ^_^)

ครั้งหนึ่ง ตอนอยู่ ม.1 ฉันกับเพื่อนใหม่คนหนึ่งได้ค้นพบว่า จริง ๆ แล้วบ้านของเรา 2 คนอยู่ใกล้กัน แล้วทุกวันอาทิตย์ เธอกับแม่ก็ชอบไปห้างเดียวกันกับฉันและแม่เลย โดยขณะที่แม่ของเธอไปเดินช๊อปปิ้ง เธอก็จะนั่งรอแม่ในร้านหนังสือเช่นกัน เพราะอะไรก็หารู้ไม่ จำได้แต่ว่า เราสองคนตื่นเต้นกันมาก จนนัดกันว่าจะไปเจอกันที่ร้านหนังสือในวันอาทิตย์ที่จะมาถึง แต่ปรากฏว่า วันนั้น พ่อกับแม่ต้องทำงาน ฉันก็เลยอดไปห้าง ตลอดบ่ายวันนั้น ฉันร้องไห้ไม่หยุด (ToT)/ เพราะกลัวเพื่อนจะโกรธว่า ทำไมไม่ไปตามนัด จะโทรศัพท์ก็กลัวว่า เธอจะออกจากบ้านแล้ว (สมัยนั้น โทรศัพท์มือถือยังไม่แพร่หลาย แถมยังเครื่องใหญ่เป็นกระติกน้ำอยู่เลย)


จนวันจันทร์ ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดกับเธอ ฉันดีใจมากที่เธอบอกว่าไม่เป็นไร แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้จดจำมาจนถึงทุกวันนี้ เปล่าหรอก เธอไม่ได้โกรธ แต่เธอบอกว่า เธอก็ไม่ได้ไปเช่นกัน เพราะแม่ต้องไปธุระ เธอเลยนอนร้องไห้อยู่ที่บ้านและไม่กล้าโทรหาฉัน O_O


...นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มีสาเหตุมาจากร้านหนังสือที่ฉันยังจำได้ดี


ตอนนี้แม้ว่าจะไม่ได้ไปที่ห้างนั้นแล้วก็ตาม (เพราะมีห้างใหม่มาเปิดใกล้บ้าน ทำให้ไม่ต้องไปไกลถึงที่นู่น) ฉันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกของตัวหนังสือมาตลอด เด็ก ๆ จะชอบอ่านวรรณกรรมเยาวชน ช่วงวัยรุ่นตอนต้นก็ชอบอ่านนิตยสารแฟชั่นไปตามเรื่อง จนตอนนี้ก็อ่านหมดเลย ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร พ็อคเก็ตบุ๊ค แล้วก็การ์ตูน


ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันจะหวงหนังสือมาก ไม่ค่อยให้ใครยืม แต่พอโตขึ้น ความคิดก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เป็นอารมณ์แบบ ถ้าได้อ่านหนังสือดี ๆ สักเล่มก็จะเอาไปให้เพื่อนอ่าน ประมาณว่า มีของอยากให้ลอง อารมณ์นั้นแหละ (ส่อไปป่าว)

อืม... การมานั่งรำลึกอดีตนี่ก็สนุกดีเหมือนกันนะ


ว่าแล้ว ชั้นหนังสือก็จัดไม่เสร็จอีกตามเคย TT_TT