Skip to main content

ชุมชนกลางคอนเสิร์ต

คอลัมน์/ชุมชน

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมลองรื้อลิ้นชักเก็บของของตัวเองเพื่อจัดใหม่ให้เป็นระเบียบขึ้น ผมก็เจอสิ่งๆ หนึ่ง ที่ผมมักจะเจออยู่ตลอดในการกลับมาค้นลิ้นชักเก็บของของตัวเอง


สิ่งที่ว่าก็คือความทรงจำนั่นเองครับ (ได้ยินแล้วอาจจะพาลนึกไปถึงหนังเรื่อง " แฟนฉัน" กันไปบ้าง แต่เอาเถอะน่า...มันก็เป็นความรู้สึกร่วมที่เราๆ ท่านๆ มีอยู่บ่อยๆ กันอยู่แล้วนี่นา)


แต่ไอ้เจ้าความทรงจำนี่ มันก็มาในรูปแบบที่แตกต่างกันไป บ้างก็มาในรูปของรูปภาพเก่า ๆ บ้างก็มาในรูปแบบของสมุดเฟรนด์ชิป บ้างก็มาในรูปของจดหมายและโปสการ์ด


แต่ในคราวนี้ มันมาในรูปแบบของบัตรคอนเสิร์ตทั้งหลายทั้งปวง ทั้งงานที่ต้องเสียตังค์เข้าดูและฟรีคอนเสิร์ต ซึ่งบัตรคอนเสิร์ตใช้แล้วทั้งหลายก็พาเอาความทรงจำมาให้เห็นต่อหน้าอีกครั้ง...


ทั้งครั้งที่ผมกับเพื่อน ๆ ต้องช่วยกันโทรศัพท์เข้าไปขอบัตร เพื่อหาบัตรเข้าดูคอนเสิร์ตในงาน Fat Festival ครั้งแรก หรือไม่ก็ครั้งที่ผมเบียด กระโดด แท็กกับเพื่อนกลางคอนเสิร์ตของ Modern Dog ที่เวทีกลางแจ้ง ศูนย์วัฒนธรรมฯ รวมถึงความทรงจำอีกมากมายทีเดียว ที่ถ้าจะเขียนเล่าให้หมดจริงๆ คงต้องใช้ถึงสาม-สี่ตอน ซึ่งเชื่อว่าผู้อ่านคงจะเซ็งกันซะก่อน


แต่ถ้าถามว่า นอกจากความทรงจำแล้ว ผมได้อะไรอีกหรือเปล่า " เพื่อน" คงเป็นสิ่งที่ผมจะตอบ


งานเหล่านี้จะมีลักษณะพิเศษตรงที่มันจะเป็นการรวมคนในรูปแบบเดียวกันให้มาพบเจอกัน จึงเป็นเรื่องปกติที่เราจะพบกับ " คนคอเดียวกัน" ที่สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนในสิ่งที่เราสนใจได้ ซึ่งบรรดา " คนคอเดียวกัน" ก็มักจะชักนำให้บรรดา " คนคอเดียวกัน" เข้ามารู้จักกันต่อไปเป็นทอดๆ เราจึงมักจะได้รู้จักเพื่อน, เพื่อนของเพื่อน, เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน, เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน...ไปเรื่อยๆ คล้ายๆ กับระบบ Work @ss Hole ...เอ่อ...ขอประทานโทษครับ ต้องเรียกว่า Work @ Home สินะ


แต่มันต่างตรงที่ว่า เพื่อนแบบนี้ไม่ได้มาชวนเราทำธุรกิจ หากแต่ชวนให้เราซื้อขายความคิดเห็น โดยใช้ใจเป็นสื่อในการแลกเปลี่ยน


ผมเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะงานคอนเสิร์ตหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นงานสัปดาห์หนังสือ กลุ่มรำมวยไทเก๊ก เด็กเล่นสเก็ตบอร์ดแถวสะพานพุทธฯ แม้กระทั่งก๊วนบอลโกล์หนูใต้ทางด่วนก็ถือเป็นกลุ่มการรวมตัวของคนที่สนใจในสิ่งเดียวกัน


แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า พื้นที่ที่ควรจะมีให้กับกิจกรรมนั้นน้อยเสียเหลือเกิน ด้วยกรอบความคิดในการจัดการพื้นที่ไม่ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนในสังคมได้มีส่วนร่วมในการจัดสรรพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นเรื่องของการให้คุณค่าต่อกิจกรรมต่างๆ ในสังคมยังเป็นเรื่องที่กำหนดโดยคนบางคนเพียงเท่านั้น


เราจึงได้มองเห็นนักเล่นสเก็ตบอร์ดต้องหนาวๆ ร้อนๆ กับการถูกเทศกิจไล่ที่ เห็นสนามบอลโกล์หนูค่อยๆ ลดน้อยลง แล้วแทนที่ด้วยตึกสูง (หรืออะไรก็ได้ที่ทำเงินได้พอๆ กัน) เห็นคนหลายคนมองคอนเสิร์ต หรือการรวมตัวของวัยรุ่นในที่ต่างๆ ว่าเป็นแหล่งมั่วสุม ซึ่งเท่ากับเป็นการลดโอกาสในการพบปะ พูดคุย ซึ่งเราถือว่าเป็นการเรียนรู้แบบหนึ่ง ซึ่งน่าเสียดายเหลือเกิน


พูดแล้วก็คิดถึงการที่ใครก็ไม่รู้สั่งปิดเว็บไซต์รายการวิทยุชุมชน เพียงเพราะว่าสิ่งที่รายการนี้นำเสนอไม่ถูกใจ " คนที่คุณก็รู้ว่าใคร" ...ที่จะว่าไปแล้วมันก็เป็นการทำลายชุมชนทางความคิดอีกแบบหนึ่ง ซึ่งถ้าการสั่งปิดครั้งนี้ประสบความสำเร็จก็น่าเสียดายเหลือเกิน