Skip to main content

กว่าจะถึงปลายทาง (1)

คอลัมน์/ชุมชน












'โลกใต้รองเท้าแตะ' เป็นนักเดินทางตัวยง เรื่องเล่าและเรื่องราวจากการเดินทางของเธอจึงมีเก็บไว้ในซุกในซอกของความทรงจำเธอเต็มไปหมด เธอจึงเก็บเล็กผสมน้อยในระหว่างทางของแต่ละวิธีการเดินทางที่ผ่านมาแต้มปันรอยยิ้มให้แก่เรือนพักนักเดินทางของเรา
 

 


"โลกใต้รองเท้าแตะ"


ประสบการณ์เดินทางไกลของฉันเริ่มต้นเมื่อตอนอายุประมาณ 10 ขวบ


เด็กหญิงตัวน้อยถูกส่งขึ้นรถสองแถวประจำทางระหว่างจังหวัดในภาคตะวันตก แม่ส่งฉันขึ้นรถสองแถวออกจากหัวหินพร้อมกับกำชับกำชาว่าให้ไปต่อรถที่เพชรบุรี อีกทอดหนึ่งก่อนจะถึงบ้าน ส่วนแม่ต้องอยู่ขายของต่ออีก2-3 วัน


วันเวลาที่ล่วงมากว่า 20 ปีทำให้ฉันจำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก นอกจากว่าเมื่อรถสองแถววิ่งออกจากหัวหิน ลมเย็น ๆ ก็โชยพัดมาปะทะหน้าเย็นสบายจนในที่สุดก็หลับ คอพับคออ่อนโงนเงน น้ำลายไหลย้อย จนถึงเมืองเพชร ฉันถึงสะดุ้งตื่นเพราะกระเป๋ารถเมล์มาสะกิด "หนู ๆ ไปต่อรถคันโน้นได้แล้ว" ยังดีนะเนี่ยที่แม่รอบคอบฝากฝังไว้กับกระเป๋ารถเมล์ด้วย ไม่งั้นล่ะก็ฉันคงได้กลายเป็นหนูน้อยหลงทางขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งกะเขาเป็นแน่


จากการทบทวนประสบการณ์ย้อนหลังไปหลายสิบปี พบว่าฉันเป็นลูกค้าผู้จงรักภักดีต่อการขนส่งมวลชนนานาชนิด ไม่ว่ารถเมล์ รถไฟ รถทัวร์ ล้วนแล้วแต่เป็นพาหนะที่ฉันใช้บริการ อย่างที่เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน ด้วยว่าไม่มีเงินซื้อรถยนต์ส่วนตัวและเหตุผลสำคัญคือถ้าขับรถจะทำให้ฉันเสียโอกาสในการทำอะไรไปหลายอย่างระหว่างนั้น ที่พอจะยกตัวอย่างให้เห็นว่าสวยเก๋ก็เช่น ไม่ได้มองเห็นสภาพชุมชนสองข้างทาง ไม่ได้อ่านหนังสือ ไม่ได้นอนหลับระหว่างทาง และที่สำคัญยิ่งถ้าอยู่ในกรุงเทพ หากวันไหนรถติดหนัก คนมีรถก็ต้องนั่งเฝ้ารถไปจนกว่าการจราจรจะเบาบาง แต่สำหรับผู้โดยสารอย่างเรา ย่อมสละรถลงมาเดินได้ทุกเมื่อ


การเดินทางด้วยรถเมล์มีเรื่องเฮฮาพาเพลินให้พบเห็นได้บ่อยครั้ง


ขอย้อนหลังอีกสักหน เมื่อตอน 10 ปีก่อนฉันเพิ่งย้ายบ้านไปอยู่แถบชานเมือง ปากซอยหน้าบ้านมีรถเมล์ร่วมบริการขสมก.วิ่งผ่าน 2 สาย อย่ารู้เลยว่าสายอะไร ตอนสายวันหนึ่งฉันขึ้นรถเมล์เจ้าประจำ รถวิ่งปุเลง ๆ มาถึงแถวหน้าตลาดกรมชลฯ (อุ๊ย ต้องรู้แน่เลยว่าฉันอยู่แถวไหน) คนขับผู้แสนดีเห็นเพื่อนโชเฟอร์สายเดียวกันกำลังวิ่งรถสวนมาที่อีกฟากถนนหนึ่ง พ่อคุณเบรกรถพรืดแล้วตะโกนถามข่าวคราวเพื่อนโชเฟอร์ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่เหมือนกันว่าเป็นไงบ้าง เมื่อเช้าได้ยินว่าไอ้...มันทิ้งผู้โดยสารไว้เต็มรถแล้วจับรถอื่นตามเมียมันไป ก็มันยัวะที่เห็นเมียมันนั่งอยู่บนรถอีกคันหนึ่งที่จะไปบ้านแพนกับแฟนใหม่... โชเฟอร์ฝั่งโน้นตอบกลับมาอีกสองสามคำเป็นการคอนเฟิร์มาว่าจริงแท้แน่แล้วพี่ได้ยินมาไม่ผิด


ว่าที่จริงบทสนทนาไม่ยืดยาวเท่าไร แต่แหม! ลูกพี่ช่างมีน้ำใจเป็นห่วงเป็นไยเพื่อนฝูงเสียจริง สาบานได้พี่แกตะโกนคุยกันข้ามฟากถนน โดยมีผู้โดยสารบนรถสองคันเป็นประจักษ์พยานการเจรจา แต่ก็นะ เหตุการณ์นั้นก็ผ่านไปราว 10 ปีแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่มีปรากฏ เพราะเดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ววว..


นอกจากหยุดรถคุยกัน โชเฟอร์รถเมล์เจ้าประจำของฉันยังมีบริการพิเศษแก่กระเป๋ารถเมล์กะดึก


เหตุเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 5 ทุ่ม ฉันนั่งรถมาได้กว่าครึ่งชั่วโมง อีกไม่นานก็จะถึงบ้านอยู่แล้ว งวดนี้ก็เหมือนเดิมลูกพี่ของเราเบรครถจอดพรืดอีก แล้วลุกขึ้นจังก้าหันมามองแถวผู้โดยสารที่มีอยู่เบาบาง พี่โชเฟอร์ถลนตามองอย่างเอาจริงเอาจัง เหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง แล้วเดินย่างสามขุมไปยังที่นั่งด้านหลังฉัน2-3แถว เหลียวตามไปดูอย่างใคร่รู้ อย่างน้อยที่สุดก็พอได้ยินพี่แกตะโกนว่า


"เฮ้ยตื่นมัวหลับอยู่ได้ ลุกขึ้นมาเก็บตังค์ต่อ"


โอ้พระเจ้า กระเป๋าหนุ่มน้อยของเราคงทำงานหนักไปหน่อย เลยแอบงีบหลับ จนลูกพี่ผิดสังเกตว่า ทำไมเสียงตะแล้บแก๊บเก็บสตางค์ถึงได้ห่างหายไปหลายเพลา ลูกพี่ของเราถึงได้ต้องลุกมาปลุกกันกลางดึกอย่างนั้น


อ๊ะ ๆ คนนั่งรถเก๋งน่ะมีเรื่องหนุก ๆ อย่างนี้บ้างรึเปล่า ตอนแรกอย่างนี้ขอเรียกน้ำย่อยแค่รถเมล์สายชานเมืองไปพลางก่อน ไว้ตอนหน้าจะพาขึ้นรถทัวร์ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน