Skip to main content

บนเส้นทางสายเหงา

คอลัมน์/ชุมชน





วินทกานท์ เจ้าของคอลัมน์ประชาไท " เสียงข้างน้อย " ขอข้ามวิก เปลี่ยนอารมณ์ มาพูดคุย
เล่าประสบการณ์การเดินทางในชุมชนเรือนพักนักเดินทาง อาจดูสบาย ๆ มากขึ้น แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความคิดที่ยังคงแหลมคมเช่นเดิม

 


วินทกานท์  


คลื่นลมแห่งอันดามัน


บังเอียดมาปลุกเรียกฉันตอนตีสอง ตามเวลาที่นัดแนะกันไว้ขณะที่ฉันกำลังหลับอย่างเป็นสุขอยู่ชานเรือนของบ้านริมทะเล ฉันลุกขึ้นอย่างว่าง่ายและปราศจากความงัวเงียลังเล หากเป็นเมืองหลวงฉันคงลุกออกจากที่นอนในยามดึกอย่างนี้ยากกว่ากันหลายเท่า บังเอียดยังสั่งให้ฉันถือผ้าห่มไปด้วยเพราะอากาศยามเช้ามืดในท้องทะเลนั้นหนาว


จันทร์แรมสามค่ำแจ่มกระจ่างอยู่บนราวฟ้าและทอแสงนวลผ่องลงมายังเบื้องล่าง แสงแห่งจันทร์นั้นหวานและอ่อนโยนราวกับสัมผัสแห่งรักของผู้เป็นแม่ที่มีต่อเด็กน้อย ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกเพลงหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้ฉันเคยครวญให้ตนเองฟังในยามอยู่เสมอ มันเป็นเพลงที่ใช้ร้องกันของพวกนักศึกษาที่ทำค่ายอาสาก่อนที่วงดนตรีเพื่อชีวิตวงหนึ่งจะนำเอามาร้อง เพลงนี้ขึ้นต้นว่า " แสงจันทร์กระจ่าง ส่องเป็นทางสัญจร คิดถึงนางฟ้าอรชร ป่านนี้ นาง นอนหลับแล้วหรือยัง ..."


ฉันเดินตามหลังบังเอียดไปด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า ที่จริงฉันไม่คุ้นเคยกับการเดินเท้าเปล่าซ้ำยังเคยโดนหนามแหลมของหอยเม่นตำเท้า แต่เมื่อเห็นชาวเลต่างก็เดินเท้าเปล่า ฉันจึงทดลองไม่สวมรองเท้าเวลาเดินบ้าง และทำให้สามารถรู้สึกได้ถึงเม็ดทรายนุ่มละเอียดที่เสียดสีกับฝ่าเท้า มันทำให้เกิดเสียงดังเบา ๆ เวลาที่ย่ำลงไป เป็นการดีเหมือนกันที่จะเดินโดยไม่ใส่รองเท้า เพราะรองเท้าเป็นสิ่งขัดขวางไม่ให้มนุษย์สัมผัสกับธรรมชาติอย่างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตามบางครั้งฉันต้องชักเท้ากลับอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่าเหยียบลงบนของแหลมอย่างเศษเปลือกหอย


หมู่บ้านในยามหลับใหลนั้นสมถะสงบเงียบ ทุกอย่างช่างดูเรียบง่ายและเป็นสุข ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ฉันไม่เห็นเหตุผลเลยว่าทำไมบางด้านของมนุษย์เราจึงเต็มไปด้วยความกักขฬะ ก้าวร้าวและต้องทำสงครามเข่นฆ่ากัน เขาจะแย่งชิงอะไรกันหนักหนาในเมื่อไม่เห็นมีสมบัติล้ำค่าอะไรที่ต้องแย่งชิงจนถึงกับต้องฆ่ากัน และอาหารก็มีอยู่อุดมสมบูรณ์ในท้องทะเล


กระท่อมบางหลังนั้นโย้เซจวนเจียนว่าจะพังลงมาแต่มันก็เป็นเช่นนี้มานานปีโดยไม่เคยพังแม้ว่าจะมีพายุพัดผ่านมาเป็นบางครั้งก็ตาม ส่วนเสาของกระท่อมนั้นเล่าตัวเพรียงก็เกาะพราวอยู่ดูราวไข่มุกเมื่อต้องแสงจันทร์ ฉันได้กลิ่นเค็มคาวจากซากปลา และเศษหอยที่หญิงชาวประมงไปเก็บมาเป็นอาหารเวลาน้ำลงลอยโชยมาจากที่ไหนสักแห่ง เมื่อฉันเดินผ่านกระท่อมหลังหนึ่งได้ยินเสียงเด็กทารกโยเยเมื่อตื่นขึ้นมากลางดึก เสียงของทารกน้อยนี่เองที่เป็นสิ่งบอกว่าชีวิตยังคงดำเนินตัวมันเองต่อไปแม้ว่าจะอยู่ในช่วงหลับใหลก็ตาม


เมื่อมองสูงขึ้นไป ยอดของมะพร้าวร่ายรำอย่างชำนิชำนาญตามแรงลมโบกพัดจากฝั่งทะเล แม้ว่ามันจะมีลำต้นสูงจนน่าหวาดหวั่นออกอย่างนั้น แต่ก็กลับทรงตัวอย่างสง่างามด้วยการรักษาดุลยภาพของตนเองไว้ โดยสามารถถ่วงน้ำหนักตัวเองต้านทานแรงลมพัดไว้โดยวิธีการอันชาญฉลาด ต้นมะพร้าวสามารถเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่และรักษาความสมสง่าของตัวเองไว้ได้ไม่น้อยกว่าไปกว่ามนุษย์


บังเอียดออกแรงผลักเรือเบา ๆ เพื่อให้เลยพ้นออกจากน้ำตื้นและสั่งให้ฉันดึงสมอขึ้น จากนั้นจึงสตาร์ทเครื่องยนต์เรือ เสียงจากเครื่องยนต์ดังกึกก้องขึ้นท่ามกลางความเงียบยามราตรีและส่งให้เรือน้อยค่อยเคลื่อนออกไป บังเอียดยกหางเสือเรือขึ้นในระดับผิวน้ำเพื่อไม่ให้ไปโดนผิวดินเบื้องล่างและควบคุมทิศทางให้หันเหไปยังท้องทะเลลึก ฉันยึดตำแหน่งที่นั่งตรงหัวเรือ และร้องอุทานด้วยหลากใจเมื่อเห็นปลาขี้ตกใจตัวหนึ่งกระโดดจนตัวลอยเมื่อเรือแล่นผ่านเข้าไปใกล้


เรือแล่นผ่านป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นบริเวณที่ฉันเคยเห็นฝูงปลาโลมาสีขาว โลมาขี้เล่นเหล่านี้ช่างไว้ใจโลก ไว้ใจมนุษย์เสียนี่กระไร มันโผล่ขึ้นมาอวดลำตัวอันปราดเปรียวครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างปราศจากความระแวงและกระโจนไปข้างหน้าอย่างเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกันให้ฉันและเพื่อนได้แตกตื่นใจ ทั้งยังว่ายน้ำตามมาด้วยความเร็วที่เรือหางยาวไม่สามารถสู้ได้


เรือแล่นไปเรื่อย ๆ ผ่านทิวทัศน์แปลกตาและเกาะแก่งน้อยใหญ่ซึ่งตะคุ่มอยู่ในความมืด ฉันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันดารดาษด้วยดวงดาวอยู่เป็นระยะ ๆ เวลานี้คลื่นลมนิ่งสงบเสียจนจนสามารถเห็นดวงจันทร์ที่สะท้อนลงมายังพื้นผิวน้ำทะเล ทะเลและท้องฟ้าต่างสะท้อนซึ่งกันและกันราวกับเป็นตัวตนเดียวกันซึ่งต่อมาได้ถูกแยกออกจากกันชั่วนิรันดร์ ให้ความหมายต่อกันทั้งในยามกลางวันและกลางคืน หากแต่ในยามกลางคืนนั้นเส้นตรงที่เกิดมาจากท้องฟ้าจรดกับผืนน้ำได้ละลายกลมกลืนเข้าหากันจนไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป



๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



ฉันกับบังเอียดไม่สนทนาอะไรกัน ภายใต้บรรยากาศที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติอันไม่อาจพรรณนาได้เช่นนี้ ฉันรู้สึกว่าถ้อยคำหรือภาษาได้กลายเป็นของต้องห้าม และไร้ความจำเป็นไปโดยสิ้นเชิง เพราะมันเป็นส่วนเกินของความงามที่ผสานเข้ากับความเงียบและความมืดอันศักดิ์สิทธิ์ ภาษาใช้สำหรับสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยกันได้ในบางเรื่องที่สามารถตกลงร่วมกันได้เท่านั้น แต่ไม่อาจสื่อความถึงมิติอันล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งวัดของธรรมชาติได้


ฉันนั่งนิ่งเงียบราวรูปปั้นโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ความคิดได้หยุดลงแล้วเมื่อตอนที่ฉันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันเวิ้งว้างมืดมิด ฉันรู้แล้วว่าสวรรค์บนโลกมนุษย์นั้นมีจริง และก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมเลยหากปรากฏอยู่รอบ ๆ ตัว การที่บางคนกล่าวว่ามีชีวิตอยู่เพื่อความงามนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริง ๆ อย่างไรก็ตามควรไม่พึงลืมข้อเท็จจริงที่ว่าด้านที่ตรงข้ามกับสวรรค์ก็มีจริงด้วยเช่นกัน


การได้ออกมาทะเลยามค่ำคืนเช่นนี้มีผลต่อความรู้สึกนึกคิดส่วนลึกของฉันอย่างใหญ่หลวง และสร้างรอยประทับลงบนความทรงจำอย่างที่ไม่อาจเลือนหายได้ มันทำให้เรียนรู้ที่จะรักโลกกลม ๆ ซึ่งล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศและโคจรไปด้วยแรงผลักแรงดึงดูดไม่หยุดนิ่ง รักความโดดเดี่ยวเดียวดายเช่นเดียวกับท้องทะเลเองก็เดียวดาย และที่สำคัญคือรักตัวเอง


ไกลออกไป แสงสว่างจากเรือหาปลาเรื่อเรืองเป็นจุดเล็ก ๆ อยู่ในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดดูราวกับเป็นเพียงแสงห ิ่งห้อยที่ยอมจำนนต่อความมืด ฉันไม่แน่ใจว่าแสงสว่างนั้นจะช่วยทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นท่ามกลางท้องทะเลอันอ้างว้างไร้ขอบเขต หรือแสงหม่นจุดเล็ก ๆ ในท้องทะเลที่ราบเรียบทำให้ฉันยิ่งรู้สึกอ้างว้างมากขึ้นกว่าเดิม


ที่เห็นอยู่ราง ๆ ตัดกับท้องฟ้าคืนแรมสามนั้นเป็นเกาะรูปร่างคล้ายเต่าที่ยื่นหัวยาว ๆ ออกมาจากกระดองซึ่งเรื้อร้างมานานและขึ้นชื่อเรื่องตำนานแห่งความน่ากลัว เคยมีชาวเลที่อพยพหนีจากรุกไล่ที่ของนายทุนซึ่งทำทุกวิถีทางที่จะยึดครองถิ่นที่อยู่ของพวกเขาเพื่อหากำไรจากการท่องเที่ยว ได้พยายามเข้าไปตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่เหมือนกัน แต่อยู่ได้ไม่นานก็ทิ้งเกาะนั้นไว้ให้รกร้างเช่นที่เคยเป็นมานับตั้งแต่ถือกำเนิด มีเพียงแต่ยุงจำนวนนับล้าน ๆ ตัวเท่านั้นที่เข้าไปอาศัยถือครองสิทธิ์อยู่



๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดฝันว่าจะชวนเพื่อน ๆ และคนผู้ซึ่งมีความปรารถนาคล้าย ๆ กันมาอาศัยในเกาะที่ร้างไร้ผู้คนนี้และช่วยกันสร้างทำให้น่าอยู่ ติดต่อกับโลกภายนอกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หาอาหารกินเอง ดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่ทว่าเปี่ยมด้วยเสรีภาพ ทำตามแต่ใจต้องการโดยไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับหากแต่อาศัยสำนึกผิดชอบชั่วดีและหริโอตตัปปะ ไม่ต้องวุ่นวายกับจารีตประเพณีอันเก่าแก่ซึ่งเต็มไปด้วยซากเดนของอดีตที่ไม่เข้ากันเลยกับวิถีแห่งปัจเจกชนในปัจจุบัน แต่ที่สุดแล้วโครงการนี้เป็นจริงได้ก็แต่เพียงในความคิดฝันเท่านั้น


เมื่อเลือกจุดที่เหมาะเจาะสำหรับการวางอวนปลาทรายได้แล้ว บังเอียดก็สั่งให้ฉันทิ้งสมอลง ฉันไม่รู้ว่าบังเอียดพิจารณาจากอะไรว่าจุดไหนเหมาะหรือไม่เหมาะสำหรับการวางอวนแต่ไม่ได้ถาม ฉันคงจะรู้เองหากได้มาเป็นชาวประมง จากนั้นจึงเริ่มวางอวนปลาทรายที่กองอยู่เป็นตั้งใหญ่ ตาของอวนค่อนข้างถี่เพราะสร้างขึ้นมาเพื่อดักปลาทรายโดยเฉพาะ แต่ก็ติดปูหรือปลาโชคร้ายอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน อวนไม่ค่อยกว้างแต่ยาวมากจึงต้องใช้เวลานานกว่าจะสาวลงทะเลหมด


บังเอียดปล่อยอวนลงทะเลอย่างคล่องแคล่ว และเร่งรีบเหมือนกับว่ากำลังแข่งกับเวลาขณะที่ฉันยืนดูอยู่ห่าง ๆ ฉันไม่เคยออกทะเลเพื่อวางอวนปลาทรายมาก่อนเลย เคยก็แต่มาตกปลาซึ่งก็ออกมาไม่ไกลจากชายฝั่งมากนักและก็เลือกมาเฉพาะช่วงที่คลื่นลมสงบ พอบังเอียดชวนมาเป็นลูกมือในครั้งนี้ฉันจึงตกปากรับคำทันที ทั้งที่รู้ว่าช่วยอะไรบังเอียดแทบไม่ได้เลย


จากนั้นเราก็รอให้ปลาทรายว่ายเข้ามาติดอวน รอจนกว่าสว่าง ขณะนั้นเรือโยกและโคลงตามแรงคลื่นจนฉันเริ่มรู้สึกวิงเวียน การเมาคลื่นเป็นโรคประจำตัวที่เกิดกับฉันเกือบทุกครั้งเมื่อออกทะเลแม้แต่ดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นบริเวณชายฝั่งฉันก็ยังรู้สึกวิงเวียน แต่ฉันก็ชอบทะเลเกินกว่าจะยอมแพ้ง่าย ๆ ฉันเชื่อว่าการออกมาโต้คลื่นบ่อย ๆ จะแก้อาการนี้ได้แต่ฉันก็ไม่มีโอกาสที่จะออกทะเลบ่อยนัก


บังเอียดบอกให้ฉันนอนให้หลับเพื่อจะได้ไม่ต้องเมาคลื่น เพราะเมาคลื่นนั้นแรงกว่าเมาอย่างอื่นมากนักฉันหยิบผ้าห่มที่เตรียมมาแล้วนอนลงไปในเรือและหลับลงอย่างว่าง่ายเช่นเดียวกับที่ตื่นขึ้น เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันนอนหลับลงด้วยเสียงเห่กล่อมและการเห่ไกวจากท้องทะเล ด้วยลักษณาการเยี่ยงนี้ฉันรู้สึกว่าตนเองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง



๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



ฉันตื่นขึ้นเกือบจะพร้อม ๆ กับบังเอียด เมื่อลืมตาฉันพบตัวเองลอยอยู่บนสันคลื่นซึ่งทยอยไล่กันมาลูกแล้วลูกเล่า เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เอนหลับลงและตื่นขึ้นบนพื้นที่ซึ่งโยกไกวได้ โลกนี้สว่างไสวขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่เคยสลัวรางอยู่ในยามราตรีนั้นกลับชัดเจนและแน่นอนจับต้องได้ น้ำทะเลมีสีของน้ำทะเลและท้องฟ้าก็มีสีฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างผินหน้าเข้าหาแสงสว่างอีกครั้งหนึ่ง


บังเอียดบอกว่าต้องชักอวนขึ้นก่อนที่จะมีเรือหาปลาขนาดใหญ่แล่นผ่านเข้ามา เพราะเรือหาปลาลำใหญ่จะทำให้อวนดักปลาทรายขาดและจะไม่เหลืออะไรเลย ค่าชดใช้ก็จะไม่ได้หรือถ้าจะวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ค่าชดเชยที่อวนเสียหายก็ต้องขั้นตอนมากมายซึ่งเสียเวลาเปล่า


บังเอียดเป็นคนชักอวน ส่วนฉันคอยปลดปลาทรายที่ติดอวนใส่ลงถังแต่ฉันก็ปลดมันออกได้อย่างเชื่องช้าเพราะบางตัวพันเข้ากับอวนจนยุ่งเหยิงไปหมด บังเอียดอุทานอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นปลาทรายมากมายติดอวนขึ้นมาจนฉันปลดไม่ทัน จนบางครั้งต้องละมือจากการสาวอวนเพื่อมาช่วยฉันปลดอีกแรงหนึ่งเมื่อติดปูซึ่งก้ามของมันพันเกี่ยวกับอวนจนฉันแกะไม่ออก ชาวประมงในแถบถิ่นนี้ไม่ค่อยนิยมวางอวนปลาทรายกันนักส่วนมากจะวางไซดักปลาหมึกมากกว่า ปลายทรายจึงมีอยู่พอสมควร


แล้วในที่สุด สิ่งที่ฉันหวั่นเกรงมาตลอดในการออกท้องทะเลครานี้ก็เกิดขึ้นจนได้ อาการคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนแล่นจากท้องมาจุกอยู่ที่คอ ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนวูบวาบและความปั่นป่วนในช่องท้อง รู้สึกทั้งอยากจะอาเจียนทั้งปวดอุจจาระ กลิ่นของทุกอย่างกลับเหม็นจนทนไม่ได้ กลิ่นของเรือ น้ำมันเครื่อง กลิ่นของอวนและกลิ่นของปลาเหม็นคละเคล้ากันไปหมด


และแล้วเมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป ฉันก็อาเจียนออกมาอย่างหยุดไม่ได้ รู้สึกพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ทำได้คือการก้มหน้าก้มตาแล้วอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง เหมือนว่ายังไม่พอใจ ท้องทะเลจึงจงใจ ส่ง คลื่น ที่ มีขนาดใหญ่ขึ้น ๆ เพื่อซ้ำเติมและให้บทเรียนบางอย่าง ฉันมองเห็นอีกด้านหนึ่งของทะเลเมื่อยามค่ำคืนช่างสวยงามและสงบเงียบแต่พอเป็นกลางวันกลับเป็นคนละเรื่องกันเลย


บังเอียดบอกให้ฉันมองออกไปไกล ๆ เพราะจะช่วยลดอาการวิงเวียนลงไปได้บ้าง ฉันทอดสายตาออกไปไกลเท่าที่จะไกลได้และไปสิ้นสุดอยู่ที่เส้นตัดระหว่างปลายฟ้าและขอบทะเล แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้อาการเมาคลื่นดีขึ้นมาแม้แต่น้อย ฉันยังก้มหน้าก้มตาอาเจียนต่อไป ฉันดูแย่เต็มทนและช่วยอะไรตนเองไม่ได้เลยในช่วงเวลาเช่นนี้


ฉันนึกในใจ ว่าฉันจะไม่มาออกทะเลแบบนี้อีกแล้ว ถ้ามาก็เพียงแต่เล่นอยู่แถวชายฝั่ง จะกระโดดน้ำเล่นอยู่แถวสะพานปลากับเด็ก ๆ จะเล่นซ่อนหาโดยหลบอยู่ตามลำเรือกับเด็ก ๆ แค่นั้นเป็นพอ จะไม่มาออกทะเลลึกและผจญกับคลื่นลมแรงแบบนี้อีก แต่จริง ๆ แล้วฉันไม่เคยเข็ดหลาบอย่างแท้จริงเลย เพราะเวลาที่เมาคลื่นครั้งก่อน ๆ ฉันก็เคยบอกตนเองในไว้ทำนองนี้เหมือนกัน


ฉันได้แต่เอามือจับแคมเรือไว้แล้วตั้งหน้าตั้งตาอาเจียนจนมีแต่น้ำขม ๆ ทั้งสีเขียว สีเหลืองออกมา หมดความสนใจในปลาทรายที่ติดอวนขึ้นมา น้ำตาเอ่ออยู่ที่ขอบตา กลายเป็นคนหมดสภาพโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือร่องรอยของนักเดินทางผู้ต้องการผจญภัย ไปไหนมาไหนโดยไม่กลัวอะไรและชมชอบการเสี่ยงชีวิตอีกต่อไป ฉันคิดเพียงอย่างเดียวคือกลับคืนฝั่งให้เร็วที่สุด กลับไปหาแผ่นดินที่รองรับน้ำหนักอย่างหนักแน่นมั่นคง แต่อีกนานทีเดียวกว่าบังเอียดจะสาวอวนขึ้นมาหมด



๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



ทะเลก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ธรรมชาติก็เป็นอย่างนี้นี่เอง มีทั้งด้านของความรุนแรงและด้านที่โอบอุ้มอ่อนโยนมันมีทั้งด้านเป็นคุณสำหรับมนุษย์แต่ขณะเดียวกันก็มีด้านที่ให้โทษอยู่ด้วยและฉันก็กำลังได้รับอยู่


หลังจากอาเจียนจนไม่เหลืออะไรในท้องอีกแล้ว ฉันจึงล้มตัวลงนอน เอาผ้าห่มปิดหน้าไว้เพื่อไม่ต้องเห็นอะไรอีก ในขณะนั้นแม้แต่ท้องฟ้าก็ดูเหมือนเป็นท้องทะเลที่ปั่นป่วน ฉันสำนึกได้ว่าตนเองอ่อนแอมากกว่าที่คิดมาก และท้องทะเลร้ายกาจมากกว่าที่เคยเข้าใจ


บังเอียดหันมามองฉันแล้วแอบหัวเราะ ตั้งหน้าตั้งตาสาวอวนต่อไป ปลาทรายที่ติดอวนขึ้นมาค่อยกลับมาปลดตอนถึงฝั่งแล้วก็ได้ ฉันเอ่ยปากถามบังเอียดว่าอีกนานไหมกว่าจะเสร็จ เขาตอบว่าอีกครั่งชั่วโมงเห็นจะได้


เมื่อเรือกลับคืนฝั่งอีกครั้งนั้นฉันสะบักสะบอมและโรยแรงเต็มที แทบจะเดินทรงตัวให้ลำตัวตั้งตรงอยู่ไม่ไหว ฉันรู้ทีเดียวว่าฉันอาจใช้ชีวิตคลุกคลีกับชาวป่า ชาวเขาได้โดยไม่ลำบากมากนักแต่คงจะเป็นชาวประมงอย่างที่เคยคิดเอาไว้ไม่ได้


เมื่อเห็นฉันเดินมา กลุ่มชาวประมงซึ่งนั่งกำลังดื่มน้ำชายามเช้าอยู่ที่ร้านริมทะเลตะโกนถามขึ้นว่า " ได้ปลาลุยมั้ย?" ฉันได้แต่พยักหน้าและยิ้มอย่างแห้งแล้งแล้วรีบเดินสู่กระท่อม แล้วหลับลงอย่างง่ายดายอีกครั้ง, แต่มันก็ไม่ง่ายดายเสียทีเดียวนักเมื่อฉันรู้สึกว่ากระท่อมโคลงเคลงโยกเยกไม่ต่างอะไรจากลำเรือ


 


เกาะปู กระบี่ มกราคม 2540