Skip to main content

Formula 17 : รักแรกเมื่อแรกรัก

คอลัมน์/ชุมชน

ฉันได้ยินเรื่องราวของหนังเรื่องนี้มากมาย ความโด่งดัง ความสนุกสนาน ความน่ารัก และเป็นหนังที่น่าดู น่าแปลกใจที่หนังเล็ก ๆ เรื่องนี้สร้างปรากฏการณ์มากมาย ถึงแม้จะถูกตราว่าเป็นหนัง "เกย์" แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนังเรื่องนี้คงเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า เป็นหนังเกย์แล้วทำไม ?


ฉันได้ข่าวว่าหนังเรื่องนี้ทำให้โรงหนังเล็ก ๆ อย่าง House มีคนไปดูอย่างล้นหลาม และที่สำคัญคนที่ไปดูส่วนมากเป็นผู้หญิงเสียด้วย นอกจากนั้นคนที่ดูหนังเรื่องนี้จบ ไม่มีใครสักคนที่มาพูดกับฉันว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังเกย์ แต่ทุกเสียงที่สะท้อนออกมาบอกว่านี่เป็นหนังรักที่น่าดูอีกเรื่องหนึ่ง


หนังรักที่เป็นเรื่องของผู้ชายกับผู้ชายเท่านั้นเอง


หนังเรื่องนี้วางหราอยู่บนชั้นในร้านเช่าหนังอยู่เป็นนานสองนาน และฉันก็รู้ดีว่าวันหนึ่งคงจะต้องหยิบมันมาดู แต่ก็นานพอสมควรกว่าที่ฉันจะตัดสินใจดูได้ ไม่ใช่เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังเกย์ แต่เป็นเพราะมันเป็นหนังรักต่างหาก


ถึงแม้ว่าฉันจะชอบดูหนังรักมากเพียงใดก็ตาม แต่ฉันมักจะเกิดอาการคล้าย ๆ กับ "After Shock" หลังจากที่ดูหนังรักอยู่ร่ำไป การจะดูหนังรักสักเรื่อง ฉันจึงต้องทำใจแล้วทำใจอีกเป็นนานโข เพื่อให้แน่ใจแล้วว่าสภาพหัวใจของตัวเองในตอนนั้นพร้อมที่จะรับกับอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเองที่จะเกิดขึ้นเมื่อดูหนัง และหลังดูหนังหรือยังครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉันคิดว่าฉันไม่พร้อม แต่ฉันอยากดูมัน


Formula 17 เป็นหนังรักที่ภาษาหนังมักจะใช้คำว่า "หนังรักสูตรฮอลลีวู๊ด" ทุกเรื่องราวจะดำเนินไปเป็นสูตรสำเร็จ ที่คนดูอย่างเราสามารถที่จะคาดเดาได้ในทุกจังหวะของหนังว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นอย่างไรต่อไป และจะจบลงเช่นไร ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เราก็ยังหลงรักกับหนังรักแบบฮอลลีวู๊ดอยู่ร่ำไป ถึงแม้จะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นอย่างไรต่อไป เราก็อดไม่ได้ที่จะแอบลุ้น แอบเชียร์อยู่ในใจ กับความรักของผู้ชายสองคนใน Formula 17 ความรักระหว่างไป๋และเทียน


ผู้หญิงหลายคนอาจะชอบ Pretty Woman เพื่อฝันว่าตัวเองเป็น Julia Robert


ผู้ชายส่วนมากอาจจะชอบ Notting Hills เพื่อฝันว่าตัวเองเป็น Hugh Grant


เช่นเดียวกันเกย์หลายคนก็ชอบ Formula 17 เพื่อฝันว่าตัวเองเป็นเทียนในเรื่องนี้


หนังเล่าเรื่องของผู้เกย์หนุ่มน้อยมัธยม เทียน เกย์หนุ่มบ้านนอกเข้ามาเมืองหลวงในช่วงปิดเทอม พร้อมกับนัดบอดหนุ่มคนหนึ่งจากทางอินเตอร์เน็ท แต่เมื่อไปเจอกัน เทียนเกย์ผู้เชื่อมั่นในความรักก็พบว่าบนโลกแห่งความเป็นจริงการนัดบอดสำหรับเกย์ ไม่ใช่การนัดเพื่อที่จะคบหาดูใจ เพื่อที่จะสานต่อความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในโลกแห่งไซเบอร์สู่โลกแห่งความจริง แต่มันเป็นการนัดบอดเพื่อ "เซ็กส์"


เทียนบอกว่า "เขายังไม่เคยรักใคร" แต่ความหมายอีกอย่างก็คือ เขายังไม่เคยมีเซ็กส์กับใคร


ความรักกับเซ็กส์สำหรับเทียนจึงเป็นสิ่งเดียวกัน แยกกันไม่ออก หากไม่มีความรัก เซ็กส์สำหรับเทียนก็เกิดขึ้นไม่ได้ นัดบอดครั้งแรกของเทียนจึง "บอด" สนิท แต่สำหรับเกย์อีกหลาย ๆ คน เมื่อชีวิตได้ผ่านเรื่องราวแห่งรักและเซ็กส์มามากมาย บางครั้งประสบการณ์มันก็สอนเราได้ว่า รักกับเซ็กส์มันไม่ได้มาด้วยกัน - เสมอไป


จนกระทั่งเมื่อเทียนได้เจอกับไป๋ เกย์หนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ความเท่ห์ น่าหลงใหล และความร้ายกาจแห่งเสน่ห์ของไป๋ ที่ทำให้เกย์อีกหลาย ๆ คนเข้ามาติดกับ แล้วก็เขาจากไป "ในคืนเดียว" ความเป็นเพลย์บอยของไป๋ ที่มีความสัมพันธ์แบบคนเดียวคืนเดียว ถูกเล่าด้วยด้วยเหตุของความรักที่ผิดหวังในรักครั้งแรก รักแรกที่ฝังใจจนทำให้ไป๋ไม่คิดที่จะมีความสัมพันธ์กับใครจริงจัง


มีเซ็กส์ได้ แต่ห้ามจูบ เพราะการจูบคือสัญลักษณ์แห่งความรัก และความสัมพันธ์


ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด ความรู้สึกแห่งรักเมื่อแรกพบ หรือความบังเอิญแห่งโชคชะตา ได้ดึงดูดคนสองคนให้เข้าหากัน เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่ามีไป๋อยู่ใกล้ ๆ เทียนได้แต่แอบมอง แต่เมื่อไป๋สบสายตา เทียนก็หลบสายตา ความรู้สึกแอบรักคงเป็นแบบนี้ เป็นความซุกซน เป็นความตื่นเต้น เป็นความคาดหวังที่จะได้เจอ ที่จะได้แอบมอง เพื่อที่จะได้แอบรัก เป็นความปั่นป่วนในหัวใจ รู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกมันวิ่งวกวน อยู่รอบกาย ฉวัดเฉวียนเวียนวนจนไม่อาจจะยืนอยู่ได้ เมื่อได้พบเจอกัน เมื่อต้องอยู่ใกล้กันสองต่อสอง เหมือนกับที่เจอกันในลิฟท์ ถึงแม้จะมีใครคนอื่นอยู่ด้วย แต่ก็เหมือนกับว่า เราอยู่ด้วยกันเพียงสองคน คอยเฝ้าคิด ว่าคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หรือข้างหลัง เขาจะคิดตรงกันกับที่เราคิดหรือเปล่า


นี่คือความรู้สึกที่เรียกว่ารักใช่ไหม ?


แล้วจากการแอบรักก็กลายเป็นเรารักกัน รักของเทียนที่มาพร้อมกับเซ็กส์ครั้งแรก แต่ความรักก็ไม่ได้มีเพียงความสุขสมหวังเพียงด้านเดียว อีกด้านของมันคือความเจ็บปวด หากรักนั้นไม่สมหวัง เพียงแต่ว่าเราจะเจอมันในครั้งแรก หรือครั้งต่อ ๆไปเท่านั้นเอง


ไป๋ ยังไม่สามารถที่จะทำใจให้ทนอยู่ได้จากความกลัวที่จะต้องผิดหวังอีก เขายังสับสบระหว่างรักและเซ็กส์ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา ยังกลัวความรู้สึกแปลก ๆ ที่เขามีกับเทียนในครั้งนี้ว่า จะเป็นรักหรือเปล่า และจะเป็นรักที่จะไม่ทำให้เขาต้องเจ็บอีกครั้งหรือเปล่า


"ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าการอกหักแล้ว" เพื่อนเกย์ของฉันเคยพูดไว้ว่าเกย์กับการอกหักเป็นสิ่งที่คู่กัน หากคุณเป็นเกย์ คุณก็ต้องเคยอกหัก ไม่มีเกย์คนไหนหรอกที่ไม่อกหัก และรักครั้งแรกของเกย์ก็จะมาพร้อมกับการอกหักเสมอ


หากคุณกล้าที่จะบอกตัวเอง และคนอื่น ๆ ว่าเป็นเกย์ คุณก็ต้องกล้าที่จะเผชิญกับความรู้สึกอันเจ็บปวดในรักที่เรียกว่าการอกหัก และมันก็จะผ่านคุณไป แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่อกหักอีก หรือคุณจะไม่เจ็บปวดอีก เพียงแต่คุณจะเข้าใจมัน ว่าอกหักมันเจ็บปวดอย่างไร และไม่มีคำว่าเจ็บปวดน้อยลงเพราะเคยอกหักมาแล้ว


"ฉันทนไม่ได้ (กับความเจ็บปวด)" ไป๋พูดกับเพื่อนสนิทของเขา
"ก็อย่าไปรักใครเข้าสิ" เพื่อนคนนั้นตอบกลับมาด้วยความเฉยชา


จริงหรือเปล่านะ หากเราไม่รักใคร เราก็จะไม่เจ็บปวด มันคงเป็นความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง เพราะหากความรักไม่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดจากความผิดหวังในรักก็คงไม่ตามมา แต่การปฏิเสธความรู้สึกเพื่อที่จะไม่รักใคร ก็เป็นความเจ็บปวดอีกแบบ แล้วแต่ว่าเราจะเลือกเจ็บปวดแบบไหน อย่างไร


Formula 17 เล่าเรื่องความรักของเกย์ด้วยรูปแบบ comedy fantasy เรื่องราวที่เกิดขึ้นถึงแม้จะดูว่าเป็นพล็อตเรื่อง "แต่ง" ไว้อย่างดี แต่หลาย ๆ คนคงไม่ปฏิเสธว่า เรื่องราวที่ถ่ายทอดที่เคลือบอาบไปด้วยความตลกขบขัน ความน่ารักสดใสแห่งความรักของเกย์ในเรื่องนี้ มีส่วนแห่งความจริงที่ชีวิตของเกย์ล้วนได้เคยดำเนินไป และความจริงแห่งความรักของเกย์ ที่แท้จริงแล้วมันมีการเริ่มต้น มีการจบ มีทั้งสุข และเศร้า มีการค้นหา มีการท้อแท้ มีรัก และมีเซ็กส์ ทุกหลากล้วนอารมณ์ระคนกันไป เหมือนกับความรักในอีกหลาย ๆ คน หลายรูปแบบทั้งชายหรือหญิง


เมื่อรักเริ่มต้น เราก็คงมีความสุข สนุกและหัวเราะไปกับมัน แต่เมื่อมันถึงคราวที่ต้องจบ ความเศร้าและเจ็บปวดก็มาเยือนโดยมิได้เชื้อเชิญ มันเป็นวัฏจักรแห่งความรักที่หนีไม่พ้น ตราบใดเรายังมีรัก บางทีความสดใสในความรักของ Formula 17 อาจจะเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่ทำให้เราได้เห็นว่าความรักที่เกิดขึ้นมันสวยงามอย่างไร ความรู้สึกเมื่อรักใครสักคนนั้นน่าหลงใหลอย่างไร ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เกย์ ผู้ชาย หรือผู้หญิง ความรักคู่ควรกับเราเสมอ ถึงแม้ในยามนี้หัวใจจะอ่อนแอเกินไป ด้วยรอยแห่งความเจ็บปวดในครั้งก่อน แต่รักก็พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อ


เพราะ "หัวใจที่ปวดร้าวง่ายต่อการขโมย" ไป่พูดไว้อย่างนั้น แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือ ไม่เพียงแค่หัวใจที่ปวดร้าวเท่านั้นที่ง่ายต่อการขโมย "หัวใจที่ว้าเหว่" (อย่างฉัน) ก็ง่ายต่อการขโมยยิ่งกว่า