Skip to main content

Eternal Sunshine of the Spotless Mind : หัวใจที่บริสุทธิ์สดใสดังแสงตะวันที่เฉิดฉาย

คอลัมน์/ชุมชน


หากมีความรัก หากมีคนรัก เราจะดูหนังเรื่องอะไรกัน ?


หลาย ๆ คนและหลาย ๆ คู่คงจะจูงมือกันไปดูหนังรักโรแมนติก อย่าง Notting Hill หรือ กุมภาพันธ์ ประมานนั้น เพราะหนังเหล่านี้เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของความรัก


เมื่อ ‘ เริ่มต้น’ ความหวานหอมของความรู้สึกอันเรียกว่ารัก คงเป็นกลิ่นที่คู่รักทุกคู่พึงประสงค์ และรู้สึกดีเมื่อรักเราเกิดขึ้น แต่เมื่อชีวิตรักของคนสองคน ‘ เริ่มต้น’ เราอาจจะต้องดูหนังเรื่องใหม่ เพื่อที่จะทำความเข้าใจชีวิตรัก ไม่ใช่การดื่มด่ำในความรู้สึกที่เรียกว่ารัก และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีคำกล่าวที่ว่า การที่เราจะรักกันนั้นแสนจะง่ายดาย แต่การที่จะทำให้ความรักนั้นคงอยู่ตลอดไปนั้นยากยิ่ง



เหมือนในหนังเรื่อง Closer ที่บอกไว้ว่าความรักนั้นมักเกิดขึ้นกับคนแปลกหน้า Eternal Sunshine of the Spotless Mind ก็คงเป็นภาคต่อในด้านความรู้สึกและความเข้าใจชีวิตรัก เมื่อเราหาใครสักคนเจอแล้ว แต่เราจะอยู่กับเขาคนนั้นอย่างไร นั่นต่างหากคือสิ่งที่เราต้องค้นหา เพื่อที่จะค้นพบคำตอบ – ไปด้วยกัน


คู่รักหลายคู่ที่ฉันเคยพบเจอ ได้พบปะพูดคุย เมื่อเลิกรากัน ต่างฝ่ายต้องการที่จะคงความสัมพันธ์ให้กลับมาอยู่ที่คำว่าเพื่อน แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขา ล้วนเป็นตัวกระตุ้นเตือนให้ความทรงจำระหว่างเราสองคนหวนขึ้นมาในทุกครั้งที่คิดถึงมัน จึงไม่แปลกที่การไม่เจอกันจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด และไม่แปลกเลยที่สิ่งของทุกอย่างที่มีความทรงจำของเขาและเราจะถูกเก็บทิ้ง หรือส่งคืน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างคือความทรงจำที่ไม่อยากหวนคิดถึงมัน


เหมือนเช่น โจเอล ( จิม แคร์รี่) กับ คลีเมนไทน์ ( เคท วินสเล็ต) เมื่อรักนั้นจบลงอย่างเจ็บปวด ความทรงจำอันเจ็บปวดระหว่างคนสองคน จึงเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนต้องการจะกำจัดทิ้ง ต้องการที่จะลบลืมมันให้ออกไปจากหน่วยเล็กยิบย่อยที่ฝังอยู่ในสมองของมนุษย์ อวัยวะที่อัศจรรย์พันลึก ที่บรรจุเรื่องราวทั้งดีร้ายมากมายในชีวิตไว้หมดสิ้น บางคราวที่แม้เราจะลืม แต่เมื่อครั้งความทรงจำนั้นถูกกระตุ้นเตือน เรากลับสามารถที่จะจดจำได้ ระลึกถึงได้ และนี่คือความเจ็บปวดที่สุด ที่เราไม่สามารถจะเลือกเก็บบางเรื่องราว หรือลบลืมบางเรื่องราวได้


ใครนะชอบบอกว่า ขอให้เราจดจำแต่เรื่องราวที่ดี ๆ ของกันและกัน – มันเป็นไปไม่ได้หรอก



โจเอลกับคลีเมนไทน์เลือกที่จะลบเลือนความทรงจำของอีกฝ่ายออกจากสมองของตน ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ไม่ว่าจะสุขหรือเศร้า มันล้วนเจ็บปวดทั้งสิ้น เมื่อเลิกรักและเลิกรา แต่ในขณะเดียวกัน โจเอลก็ต้องการที่จะเก็บความทรงจำในบางส่วนที่สวยงาม ที่เต็มไปด้วยความสุขสันต์ ที่เป็นความดีงามของทั้งสองคนเอาไว้ เขาจึงพยายามดิ้นรนต่อสู้ที่จะเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้


ซึ่งโจเอลคงลืมไปว่า เรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างกันและกันมันก็มีความเจ็บปวดเช่นกัน


แต่อะไรล่ะที่จะเจ็บปวดมากกว่ากันระหว่างเรื่องสุขกับเรื่องเศร้า สุขเมื่อรักกัน แต่ก็ต้องเศร้าเมื่อคิดถึง เศร้าที่เลิกกัน แต่ก็สุขเมื่อมันไม่มีอะไรที่จะดีกว่านั้น


Eternal Sunshine of the Spotless Mind ไม่ใช่หนังรัก และไม่ใช่หนังวิทยาศาสตร์ ถึงแม้ว่าเรื่องราวจะคาบเกี่ยวกันทั้งสองเรื่องก็ตามที เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้พูดถึงคำว่ารัก แต่พูดถึงสิ่งที่เหนือไปกว่านั้น และสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ ไม่มีทฤษฎีใด ๆ ในโลกที่จะนำมาอธิบาย ทั้งการมีอยู่และการหมดไป นี่คือสิ่งที่ลึกลับยิ่งกว่าหลุมดำบนดวงอาทิตย์ หรือมนุษย์ต่างดาว เพราะเราต่างประสบพบเจอมัน ใกล้ชิดกับมัน แต่ไม่สามารถที่จะเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ อธิบายมันได้อย่างเข้าใจ อยู่ใกล้แต่เหมือนไกล แปลกหน้าแต่ใกล้ชิด ค้นหาแต่คว้าไม่เจอ


มันคืออะไรกันนะ ?


ฉันดูหนังเรื่องนี้จากการได้อ่านวิจารณ์ในหนังสือสารคดี บทวิจารณ์อันจับใจและเสียดลึกความรู้สึก เราอาจจะเข้าใจว่า ทำไมคนเราถึงรักกัน มีสิ่งมากมายหลายประการที่จะทำให้เรารักกัน และก็มีสิ่งมากมายหลากหลายประการเช่นเดียวกันที่เราต้องเลิกรากัน และบางทีสิ่งนั้นอาจจะเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่ทำให้เรารักกัน


เหมือนดังเช่น โจเอลกับคลีเมนไทน์ ครั้งหนึ่งสีผมของเธอคือสิ่งที่โจเอลเคยบอกว่ามันเป็นตัวตน เป็นสีสัน เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เขารักเธอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันอาจจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเกลียด จนเขาอาจรับไม่ได้


ตัวตนแบบไหนที่ทำให้คนเรารักกัน และตัวตนแบบไหนที่ทำให้คนเราเลิกรักกัน นั่นไม่สำคัญอีกแล้ว Eternal Sunshine of the Spotless Mind พาเราเข้าไปสำรวจส่วนลึกที่สุดของจิตใจของคู่รัก การรักและการเลิกรัก และที่สำคัญ ‘ ชีวิตคู่’ ชีวิตที่จะต้องตื่นขึ้นมาพร้อมใครอีกคน ทานข้าวพร้อมใครอีกคน หนึ่งปี สิบปี หรือมากว่านั้น อะไรคือสิ่งที่จะสามารถเกาะเกี่ยวให้คนสองคนอยู่ด้วยกัน


อะไรคือสิ่งที่จะทำให้เราลืมความน่าเกลียดของนิสัยบางอย่างของเขาไป และจะไม่ขุดคุ้ยขึ้นมาเมื่อเราทะเลาะกัน อะไรที่จะทำให้เราสามารถทนความประพฤติของอีกคนไปได้ชั่วชีวิต


ในฉากสุดท้ายเมื่อโจเอลและคลีเมนไทน์ต่างรู้ว่า ตนล้วนเป็นผู้ที่ถูกอีกฝ่ายลบออกจากความทรงจำ ด้วยเหตุผลพันล้านประการ ที่พรั่งพรูออกมาจากความรู้สึก จากคนที่เคยรัก เป็นทั้งสิ่งที่รับได้และรับไม่ได้ และเป็นทั้งสิ่งที่เขาเคยบอกว่ารักและชื่นชม นั่นคือคำถามอันใหญ่หลวงหลังจากสิ่งที่เรียกว่ารัก


เพราะสุดท้ายแล้วหัวใจอันบริสุทธิ์ดุจดั่งแสงตะวันนั้นคงไม่มีใครสามารถมีและเป็นได้ เราทั้งหลายต่างล้วนหมองหม่นและแปดเปื้อนด้วยความเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สีกรัก ความรู้สึกเกลียด แล้วความรักจะสามารถลบล้างหัวใจอันสกปรกได้หรือเปล่า นั่นคือคำถาม ความรักจะทำให้เขาลืมความชั่วร้ายของเราได้หรือเปล่า ความรักจะยังทำให้เราอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า


เพราะท้ายที่สุดแล้วเราคงต้องกลับมาตั้งต้นกับคำว่า ‘Nobody Perfect’