Skip to main content

"จากหมู่บ้าน"

คอลัมน์/ชุมชน








เม็ดฝนปลิวพร่างจากทิศเหนือ พรมมา


หยาดบนหลังคาสังกะสีห้องเช่า


เสียงฝนหล่นคล้ายใครพึมพำเบา


บอกกล่าวข่าวเศร้าจากหมู่บ้านแดนไกล



เขาโค่นต้นกาสะลองขาวหอม


ล้อมรั้วขึ้นสูง ปลูกต้นอื่นไสว


ดอกเลา เช้าค่ำ เคยระบำลมไกว


ก็ระบัดก้านไหว หักทบซบดิน



ถนนสีแดง ยามหน้าแล้งฝุ่นพรู


ยามลมเกรียวกรู ก็เปลี่ยนไปสิ้น


คลองชื่นน้ำใส เคยไหลระริน


ก็กระซิบยินดังเสียงหยดน้ำตา



หากเธอกลับบ้านจะพบวารเก่าตาย


จัดงานศพเดียวดาย ท่ามกลางคนแปลกหน้า


ดนตรีชิ้นเดียว บรรเลงเดี่ยวเปลี่ยวช้า


คือคนชราเฝ้าทอดถอนใจ



เขานอนนิ่งฟัง หลังแตะพื้นปูน


อุ่นดวงตาผ่าว หนาวน้ำตาไหม้


โอ้หนอเมื่อเยาว์ ช่างเขลาเกินไป


หวังได้ดาริกา มุ่งมานคร



เก็บกินเศษฝัน วันแล้ววันเล่า


ถนนสีเทา ยาวจนเหนื่อยอ่อน


แขนขาเคยแกร่ง ล้าแรง โรยรอน


แต่นกพเนจร มิอาจหวนกลับรัง



ดึกดื่นเปลี่ยวเปล่า ณ ห้องเช่าแคบหม่น


ฝนยังไม่สิ้น รินสาย ไหลหลั่ง


ขณะนีออนซ่อนแสงดาวบัง


แรงงานชรานั่ง ปาดมือเช็ดน้ำตา .




* ฉันเขียนบทกวีนี้หลายปีมาแล้ว ตอนได้รับข่าวคราวจากลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง ว่าเธอคงต้องกลับบ้านเสียที เพราะถูกเครื่องจักรทำลายบางส่วนของร่างกาย เธอทำงานในกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับฉัน


ปีเดียวกันนั้น ยังได้ข่าวของหลาย ๆ คนที่มาจากหมู่บ้าน มีทั้งเด็ก หนุ่มสาว วัยกลางคน ตลอดจนคนชรา บางคนเจ็บป่วย บางคนหมดแรงทำงาน หลายคนตกงาน หมดสิ้นทางไป อย่างไรก็ดี เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้าน เรามักสรรหาเรื่องสนุก ๆ มาคุยกัน สวมเสื้อผ้าใหม่ ซื้อขนมกิน และเล่าถึงชีวิตในกรุงเทพฯ ว่าดีเพียงไร ฯลฯ


แต่เมื่อเราลงจากรถไฟ หรือรถทัวร์ ต่อด้วยรถเมล์กลับยังที่พัก กวาดตามองสรรพสิ่งรอบตัว คำนวณถึงรายรับ รายจ่าย ตระหนักยังภาระและหน้าที่อันมีต่อบุคคลในครอบครัว หรือตัวเราเอง หลายครั้งเมื่อมีเสียงฝนตกลงบนหลังคา เราคิดกันเล่น ๆ ว่า ฝนอาจเดินทางมาจากบ้านของเรา นำเรื่องราวที่สวยงามที่โน่นมาให้เราฟัง


แต่หลายต่อหลายครั้ง กลิ่นของเมืองใหญ่ที่คละคลุ้งขึ้น ย้ำเตือนว่า เราจากมาไกลเพียงไร และหากเราจะกลับไป...สักวันหนึ่ง อาจไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป


แล้วฉันจึงเขียนบทกวีนี้ ในวันหนึ่ง โดยบอกกับเพื่อน ๆ ว่า เขียนให้พวกเราทุกคน แรงงานพเนจร แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ครั้งหนึ่งในวันเก่า ฉันเคยคิดว่า บทกวีนี้อาจบอกเล่าถึงอนาคตของฉันเอง.


@@@@@@@@@