Skip to main content

ความหลังของวันพรุ่งนี้

คอลัมน์/ชุมชน








เรื่องและภาพโดย....วาดวลี




" ยาย ไม่เห็นมาขายของตั้งหลายวันเลยนะคะ"
ฉันทักทายประโยคแรก หญิงชราวัยใกล้เจ็ดสิบหันมามองหน้า เธอยิ้ม ขณะสาละวนหยิบขนมเส้นใส่ถุง
ชายหนุ่มกำเหรียญไว้ในมือ รอคอยการจ่ายเงิน


จากนั้นหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามา
" ข้าวเหนียว 5 บาท ส้มตำมะละกอถุงหนึ่ง" เธอสั่ง แต่ยายหันมามองทางฉัน
" เดี๋ยวให้หนูคนนี้ก่อนนะ เขามาก่อน"
" ไม่เป็นไรค่ะยาย ให้พี่เขาก่อนดีกว่า หนูยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกินอะไรดี" ฉันรีบบอก


ยายพยักหน้าว่า อ๋อ แล้วหันกลับไปยังตู้กับข้าวที่ประกอบด้วยไม้ ครั้งหนึ่งเธอเล่าว่าสามีเป็นคนทำให้ ตู้ไม้ใบนี้มีอายุเทียบเท่ากับอาชีพการทำขนมจีนขาย ร้านค้าเล็ก ๆ ในเพิงหลังคาใบตองตึง


" จะกินอะไรวันนี้" ยายเอ่ยกับฉันอย่างอารมณ์ดี หลังจากจัดการให้กับลูกค้าคนอื่น ๆ เสร็จแล้ว
" เอาตำมะม่วงค่ะยาย แล้วก็ขนมจีนน้ำเงี้ยวอีกถุงหนึ่ง"
" ได้เลย แต่นานหน่อยนะ ยายไม่ได้เตรียมมะม่วง วันนี้ตื่นสาย"
" อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันหัวเราะเบา ๆ เหลือบมองนาฬิกา ใกล้สิบโมงแบบนี้คงมีน้อยครั้ง ที่ยายเพิ่งจะตั้งร้าน


นอกจากขนมจีนน้ำเงี้ยวแล้ว บนแผงแผ่นไม้ ยังประกอบด้วยปลาทอด กุนเชียงสีสดซึ่งราคาเพียงชิ้นละ 5 บาท
ข้าวผัดใส่ถุง แคบหมู ไข่ลูกเลย ข้าวต้มมัด และเลยแผงไปสักหน่อยมีโต๊ะเล็ก ๆ ขายผักสด ทั้งผักกาด ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว อย่างละนิดละหน่อยเพียงพอให้คนจับจ่ายได้ " กับข้าว" กลับไปทำสัก 1 มื้อ


" ยายทำเองหมดเลยหรือเปล่าคะ" ฉันชี้ไปที่กับข้าวในถุง แมลงวันบินว่อนโฉบเฉี่ยวอยู่บนปลาทอด
ยกมือปัดไปมา พลางนึกถึงตู้กับข้าวกระจกที่จะช่วยป้องกันแมลงวันให้ดีขึ้น และนั่นอาจหมายถึงการลงทุนที่ต้องจ่ายหลายร้อยบาท
" เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำเองหรอก แค่ขนมจีนกับส้มตำยายทำไม่ค่อยไหวแล้ว ของพวกนี้ไปรับมาน่ะ"
" ไปรับจากไหนคะ"
" ที่ตลาดประตูเชียงใหม่ ตอนเช้า ๆ เขาจะขายราคาส่ง เราต้องออกไปรับตั้งแต่ตี 4 ถ้าไปสายก็อดได้ของดีๆ"
" ยายไปเองเหรอคะ ไกลเหมือนกันนะ" ฉันว่า นึกถึงระยะทางระหว่างเขตติดต่อหางดงไปยังตัวเมืองเชียงใหม่
" ใช่ ไปเอง ตอนเช้าก็ข้ามถนนไปนั่งรถสีเหลืองจากจอมทอง เช้า ๆ รถไม่ติด แป๊บเดียวก็ถึง"
" อืม..." ฉันรำพึงกับตัวเองอย่างเงียบ ๆ เหลือบมองยายกำลังปอกมะม่วง จากนั้นสับด้วยมีดใบใหญ่หนาหนัก


ริ้วรอยการทำงานหนักชัดเจนจากเส้นเอ็นบนหลังมือ ยายสวมเสื้อสีขาวครีม มีดอกไม้เล็ก ๆ กระจายทั่วตัว
อดนึกไม่ได้ หากยายอยู่ในวัยกำลังสาว ยายคงเป็นคนหน้าตาดี มีรอยยิ้มแต้มใบหน้าแทบทุกเวลา
ฉันจินตนาการถึงวันวัยเหล่านั้น พร้อมถ้อยคำที่ใครสักคนเคยเล่าให้ฟังว่า ยายมีชีวิตอยู่บนแผงนี้เป็นเวลานานแล้ว


" ยาย ตำมะม่วงไม่หวานนะคะ ไม่ใส่ชูรสด้วย"
ฉันย้ำอีกครั้ง เพื่อป้องกันการลืม
" ไม่ใส่หรอก ยายจำได้ มีหนูคนเดียวสั่งแบบนี้"
มะม่วงที่ถูกคลุกเคล้าอย่างดีถูกตักใส่ถุง รวมขนมจีนอีกหนึ่งชุดเป็นเงินสามสิบบาท


ฉันยื่นเงินให้อย่างเกรงใจ เพราะมันเป็นแบงก์ใบละร้อย
" โทษด้วยค่ะยาย ลืมเอาแบงก์ย่อย ๆ มา กลัวยายไม่เหลือทอนคนอื่น"
" ไม่เป็นไรจ้ะ เมื่อเช้ายายขายดี เห็นไหม ของเหลือนิดเดียว"
" อ้าวเหรอ ดีจัง ขายดีทุกวันไหมคะ"
" ไม่ทุกวันหรอก ตอนนี้หน้าฝน ขายไม่ค่อยดี"
" แล้วถ้าฝนตกหนัก ๆ ตอนเช้าล่ะคะ ยายออกซื้อของจากตลาดใหญ่หรือเปล่า"
" ออกไปสิ ยังไงก็ต้องออกไป ยายก็ใส่ชุดคลุมฝนหิ้วตะกร้าใบใหญ่ ๆ แต่ถ้าฝนตกเราจะเอามาไม่เยอะ เดี๋ยวมันเหลือ"
" อืม ค่ะ"
ฉันพยักหน้าพร้อมกับรับเงินทอนใส่มือ จากนั้นหยิบกล้องถ่ายรูปจากกระเป๋า บอกยายว่าขอถ่ายรูป
" จ้า ตามสบายเลย แต่ยายอยากเห็นรูปบ้างนะ"
" อ๋อ ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจะอัดมาให้ยายนะ"
" ดีจ้ะ เวลาตาย ยายจะได้มีรูปติดหน้างานศพสวย ๆ กับเขาบ้าง" ยายเอ่ย ยิ้มยังฉาบใบหน้าราวกับว่านั่นคือเรื่องแสนธรรมดา
" โธ่ยาย อย่าพูดแบบนั้นสิ ยังแข็งแรงอยู่เลยค่ะ ต้องอยู่จนแก่ตำส้มตำไม่ไหวแน่ๆ"
" อย่าประมาทไปล่ะ ตอนงานศพตาเขา ยายก็หารูปแทบไม่ได้เลย ต้องเอาบัตรประชนไปขยายเอา"
" อ้าว"


แมลงวันยังตอมหึ่ง ๆ บนตัวปลา ฉันลดกล้องถ่ายรูปและเก็บเข้ากระเป๋า หิ้วถุง " กับข้าว" สำหรับวันนี้เพื่อเดินไปที่รถ
" ขอบคุณมากนะที่อุดหนุน" ยายบอก ฉันยิ้มแล้วเอ่ยกับยายว่า
" อุดหนุนยายเสมอค่ะ ตอนยายหายไปเป็นสองอาทิตย์ หาตำมะม่วงกินไม่ได้เลย ยายอย่าปิดร้านนาน ๆ อีกนะ"
" ไม่ปิดหรอก ไม่สบายยายยังไม่ปิดเลย ตอนนั้นตาเขาเสียไงล่ะ ยายยุ่งเรื่องจัดการศพเป็นอาทิตย์ ส่วนอีกอาทิตย์ก็เป็นเวลาทำใจนะ อยู่ ๆ ต้องตื่นมาคนเดียว ไปตลาดคนเดียวน่ะ"
" ค่ะ..ยาย"


ฉันรู้ อาจมีคำพูดที่ดีกว่านี้สำหรับยาย แทนการกล่าวสั้น ๆ และจากมา
มุ่งหน้าสู่ถนนกลับบ้าน ทอดยาวจากร้านเพิงใบตองของยาย มาอีกไม่ไกล
นึกถึงอดีตของยาย วันนี้ และพรุ่งนี้ ซึ่งบางครั้ง
ราวกับว่าทุกอย่างช่างคล้ายคลึงกัน แต่หลังจากยายปิดร้านคราวนั้น
ฉันก็รู้ ว่ามันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว.