Skip to main content

ถนนที่ไม่เคยโดดเดี่ยว

คอลัมน์/ชุมชน

บางเวลา


ถนนที่ไม่เคยเปล่าเปลี่ยว แต่อาจโดดเดี่ยวสำหรับใครบางคน


 


......................................


 


ฉันลอบมองใบหน้าดวงนั้น


 


ผู้หญิงวัยกลางคน สวมผ้าถุงสีเขียวสด เสื้อของเธอลายแปลกตา เบื้องหน้าเธอคือพระพุทธรูปจำลองแกะสลัก นอกจากนั้นมีสร้อยไข่มุก สร้อยลูกปัดและหยก สินค้าที่เธออาจรับมาหรือทำเองกับครอบครัว


 


ถัดไปไม่ไกล แม่ค้าอีกคน หลับตาลงช้า ๆ ปล่อยกระเป๋าหวายตรงหน้าให้เป็นเรื่องของอนาคต


บ่ายที่แดดจัด อาจเร็วไปสำหรับการจับจ่าย จนกว่าจะเจอคนที่สนใจ เธออาจเงยหน้าอีกคราพร้อมรอยยิ้ม


หลังบทสนทนาหากเป็นการ "ขายได้" ถนนคนเดินในวันนี้ก็จะยังเป็นตลาดที่ดีและไม่โดดเดี่ยว


 


และแววตาคู่นั้น


บนรถเข็นคนพิการ หญิงสาวถือข้าวโพดเอาไว้ในมือ  แกะถุงสักทิ้งไว้สักพัก แล้วค่อย ๆ กัด แทะเม็ดข้าวโพดด้วยอาการหิว หากย้อนล่วงเวลาไปก่อนหน้านี้ ข้าวโพดถุงนั้นคือน้ำใจจากแผงขายของข้าง ๆ กัน เธอยกมือไหว้ รอยยิ้มเปรมปรีดิ์กับสิ่งที่ได้รับ  ขณะที่ร้านรวงกำลังวางแผง แม่ค้าพ่อขายช่วยกันเนรมิตถนนว่างเปล่าให้กลายเป็นตลาดวัฒนธรรม


 


วินาทีนั้น หนุ่มวัยกลางคนค่อย ๆ หย่อนถุงกระสอบลงบนพื้น เขาขับกล่อมแสงแดดด้วยเมาท์ออร์แกน  แลกกับเศษเงินของคนเดินผ่านไปมา


           


บนฟ้าก็ยังเป็นสีฟ้า ก้อนเมฆเคลื่อนไหว


 


เงาของดวงดอกไม้ ตกกระทบกำแพง แข่งกับเงาของวัตถุที่เคลื่อนที่


รถเข็นขายน้ำวนเวียนหาจุดพัก ณ พื้นที่ที่พอจะมี สำหรับหยุดตักน้ำแข็งและคนรอซื้อ


ถนนคนเดินของท่าแพ ยังคงดำเนินตามกาลเวลา และดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นถนนของความหวัง


เปล่าหรอก ฉันไม่ได้เป็นคนเรียกมันอย่างนั้น หากแต่คนที่บอกคือเด็กชายสมศักดิ์


           


 "วันก่อนพี่เจอหนูทีหนึ่งจำได้ไหมคะ"


 "จำไม่ได้"


 "เราเจอกันที่ร้านขายอาหารปลาใกล้แม่เหียะไง"


 "อือ" เขาว่าอย่างเสียไม่ได้ แววตาเอียงอายหลบไปมองคนข้างๆ            


 


เด็กชายสมศักดิ์ถือพวงมาลัยไว้ในมือ เขาบอกว่าพวงละยี่สิบบาท


"มาถึงนี่ได้ยังไง ใครมาส่งคะ"


"พ่อมาส่งครับ"


"แล้วไม่ขายที่โน่นแล้วเหรอคะ ทำไมมาขายที่ถนนคนเดิน"


"พ่อบอกว่าที่นี่ขายดีกว่า"


"พี่ขอถ่ายรูปได้ไหม"


"ก็....ได้"


 


แววตาเอียงอาย สลับรอยยิ้ม เด็กชายสมศักดิ์ที่ร่าเริงและไม่ยอมอยู่นิ่ง หากแต่ทุกครั้งที่จะกดชัตเตอร์ เขาจะเฉสายตาไปทางอื่น


"ถ่ายแล้วต้องซื้อนะ" เขาว่า น้ำเสียงมีความดุ


"พี่ซื้อทุกทีนี่นา แล้วบ้านสมศักดิ์อยู่ที่ไหนคะ"


"เชียงราย.."


"มาไกลจัง"


 


เขาไม่ว่าอะไรต่อ กับเสียงอุทานของฉัน เอาแต่จ้องไปยังพวงมาลัยที่มีความหวังว่าจะขายได้


ฉันกับเพื่อนหยิบมาคนละพวง เมื่อจ่ายเงินแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยต่อ


"มาอยู่ไกลบ้าน แล้วคิดถึงบ้านไหม"


"คิดถึง อยากกลับ"


เขาว่า พลางนับเหรียญที่พวกเราหยิบให้ เวลานั้น เราไม่มีคำเอ่ยลาต่อกัน ได้แต่มองเด็กชายตัวน้อย ๆ เดินหายไปจากสายตา ลับไปกับผู้คนและดูเหมือนเขาจะมุ่งหน้าไปยังร้านข้าวต้ม


 


บางเวลา


ถนนที่ไม่เคยเปล่าเปลี่ยว แต่อาจโดดเดี่ยวสำหรับใครบางคน


 


......................................


 


 


ช่างแกะสลักงัดกล่องเครื่องมือมาวาง  เขากำลังสาธิตภูมิปัญญาที่สะสมมาตลอดชีวิต  อีกฟากตรงข้ามคือแม่อุ๊ยที่หอบบวบขัดตัวมาเต็มกระบุง  บนเวทีมีการแสดงของเด็กนักเรียนนาฏศิลป์ และหลังเวทีมีกลุ่มคนชราที่ทอผ้ามาครึ่งชีวิต  พวกเขาอยู่บนพื้นที่ของตัวเอง  เช่นเดียวกับศิลปินที่เรียงรายอุดมคติบนผืนผ้าใบ ไว้กลางถนน


 


           


"หรือถนนแห่งนี้จะมีชื่อว่าความหวัง"


แว่วเสียงเอ่ยมาจากคนข้างกาย ฉันไม่ต่ออะไรในความหมาย


หากแต่ก็รู้สึกอย่างนั้น คงเป็นการนิยามที่ไม่เลวร้ายเกินไป


เพราะมีความหวังเติบโตอยู่ที่ไหน


ถนนสายนั้นก็คงไม่มีวันโดดเดี่ยว.


 


ใช่ไหม ?