Skip to main content

แด่อิ่มใจ และหลวงพี่สุพจน์ สุวโจ

คอลัมน์/ชุมชน

 



บัณฑิต


ปลายสัปดาห์ก่อน คนที่ผมรู้จัก 2 คน จากไปโดยไม่ได้ร่ำลา ผมไม่ทราบว่าตอนนี้ทั้งสองไปอยู่ที่ไหน และที่ที่พวกเขาไปอยู่แห่งหนใด แต่แน่นอนว่า ผมคงไม่รู้จักสถานที่นั้น


คนที่ผมว่า คนแรกเธอชื่อ " อิ่มใจ" เธอแก่กว่าผมหลายปี และเป็นน้องคนสุดท้องของครอบครัว บ้านของเธอเป็นร้านขายของชำอยู่ในตลาดเก่าย่านสุขุมวิท


อิ่มใจมีลักษณะพิเศษต่างจากคนทั่วไปในวัยเดียวกัน คือ มีนิสัยเหมือนเด็ก และชอบเล่น ชอบดูทีวี กินขนมได้ทั้งวัน ชอบพูดคุย และต้องมีคนเอาใจใส่ ทั้งนี้มิใช่ว่าเธอต้องการจะเรียกร้องอะไร แต่ด้วยเหตุว่า เธอมิได้เกิดมามีความปกติสมบูรณ์ดังเช่นพวกเรา ถึงกระนั้น พ่อของเธอก็รักและเมตตาเธอยิ่งกว่าใครๆ หรือสิ่งอื่นใด แม่ของเธอก็เช่นกัน แม้ว่าเธอได้จากลูกสาวคนเล็กคนนี้ไปนานกว่าสิบปีแล้วก็ตาม


อิ่มใจ ป่วยเป็นโรคลมบ้าหมูมาตั้งแต่เด็ก และมักมีการอาการกำเริบเสมอ ยามปกติ อิ่มใจชอบที่จะเจรจากับคนนั้นคนนี้ สลับกับการด่าทอบ้างในยามโกรธ ทุกคนในตลาดรู้จักเธอ และส่วนใหญ่ดีต่อเธอ บ่อยครั้งผมเห็นเธอชัก ร่างของเธอกระตุก ตาค้าง น้ำลายฟูมปาก ร้องโหยหวน ยามที่เธอชัก ทุกคนในบ้านและคนรอบข้างจะวิ่งวุ่นช่วยกันปฐมพยาบาลจ้าละหวั่น นอกจากนี้ ในระยะหลังผมยังทราบมาอีกว่า เธอป่วยเป็นเบาหวาน และเป็นโรคหัวใจอีกด้วย แต่ทั้งหมดนี้ ทำให้เธอเป็นที่รักใคร่สงสารของคนในตลาด ซึ่งส่วนใหญ่มีบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน


บ้านของอิ่มใจมีพี่น้องหลายคน แต่ละคนโตกว่าอิ่มใจหลายปี ส่วนใหญ่มีครอบครัวแล้ว อิ่มใจจึงมีทั้งพี่ที่เป็นพี่แท้ๆ และพี่ที่เป็นพี่สะใภ้และพี่เขยอยู่รวมกัน ในวันหยุดโรงเรียนบางครั้ง ผมเห็นเธอมานั่งเล่นที่บ้านผมบ้าง และเล่าอะไรหลายๆ อย่างให้ฟัง พร้อมกับกินขนมที่อาของผมให้ เรื่องราวของอิ่มใจจึงถูกถ่ายทอดออกมาทั้งการกระทำและการเล่า


เวลาของอิ่มใจในบ้าน ดูจะเป็นเวลาที่หาความสุขได้ไม่ง่ายนัก เนื่องจากพี่ๆ ของเธอมีนิสัยเข้มงวด และมักปฏิบัติต่อเธออย่างเคร่งครัด เธอมักถูกตำหนิเสมอเรื่องในเรื่องต่างๆ นับตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ ทั้งเรื่องอาหารการกิน เรื่องดูโทรทัศน์ เรื่องเล่นกับเด็กๆ และอื่นๆ สารพัด ในเวลาเช่นนั้น พ่อของเธอมักออกมาปกป้องลูกสาวคนเล็กจากกฎเหล็กเหล่านี้เสมอ และมักตามมาด้วยการมีเรื่องกับลูกสาวคนโต ลูกชายคนกลาง หรือกระทั่งลูกสะใภ้ก็เคยมีมาแล้ว


ความรักที่เธอได้รับจากพ่อ จึงอาจไม่มากพอจะปกป้องเธอจากพี่ๆ ได้ทุกครั้ง และความสัมพันธ์ของเธอกับพี่ๆ ก็ไม่ราบรื่นนัก


ช่วงที่ผมยังเด็ก จำได้ว่าอิ่มใจจะมีอาการชักบ่อยๆ เฉพาะวันที่อากาศร้อนจัด แต่ระยะไม่กี่ปีให้หลัง ดูเธอจะชักบ่อยขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสภาพอากาศ แต่ดูจะสัมพันธ์กับความทุกข์โศกของเธอที่ทบทวีขึ้นมากกว่า


หลายครั้งที่ผมกลับบ้าน จะได้ยินเธอโต้เถียงกับพี่สาว พี่สะใภ้ หรือไม่ก็หลาน ซึ่งด่าว่าเธอในสิ่งที่เธอเป็นแทบไม่เว้นแต่ละวัน บางวันก็หลายรอบหลายหน หากโชคไม่ดี เธอจะถูกแถมท้ายด้วยการโดนพี่ๆ หวดด้วยไม้เรียวอันใหญ่ และไม่ให้กินข้าวอีกด้วย สองสามปีหลัง ผมจึงมักได้ยินเสียงด่าทอและเสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดที่สุดจากเธอบ่อยมาก


ถึงอิ่มใจจะเป็นเช่นนั้น แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ แทบไม่มีสักครั้งเลยที่เธอจะไม่ต่อสู้ หรือตอบโต้การกระทำของคนในครอบครัว แม้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้และน้ำตาของเธอทุกครั้ง


ครั้งหลังสุดที่ผมเห็นเธออยู่ในบ้าน สภาพร่างกายของเธอผ่ายผอม พูดน้อย และดูเศร้าซึมลงไปมาก ผมไม่แน่ใจว่า นั่นเป็นเพราะความเจ็บป่วยที่คุกคามเธอมากขึ้นหรือไม่ แต่ก็ทำให้คนที่พบเห็นสลดใจกับความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นที่เกิดขึ้นกับเธอ


โดยทั่วไป เธอมักหัวเราะได้ เมื่อคุยกับพ่อ หรือคนอื่นๆ ในละแวกบ้าน ดูเธอมีเรื่องเล่ามากมายที่เธอสนใจ โดยพื้นฐานผมคิดว่า เธอเป็นคนจิตใจดี และเชื่อว่าเธอจะไม่คิดร้ายกับใครๆ ตอนผมยังเด็ก เธอเคยมาช่วยเปลี่ยนผ้าโพกหัวให้ตอนไม่สบาย ดูเธอมีความสุขที่ได้ทำเช่นนั้น การที่เธอได้ช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ยามที่มานั่งเล่นที่บ้านของผม ก็เช่นเดียวกัน


ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา พ่อของอิ่มใจเริ่มเจ็บป่วยออดแอด เนื่องจากท่านมีอายุมากแล้ว ความสามารถในการปกป้องลูกสาวคนเล็กของท่านจึงลดน้อยถอยลงตามไปด้วย แน่นอนว่า ความปลอดภัยของอิ่มใจดูจะลดลงไปถนัดใจ เมื่อกำลังของบิดาอันเป็นที่รักของเธอถดถอยลง


หลังๆ มานี้ ตอนทะเลาะกัน ผมมักเห็นพ่อของเธอร้องไห้เสียใจเนื่องจากว่า ตัวเองไม่สามารถปกป้องลูกสาวคนเล็กได้มากเท่าดังเช่นก่อน ยิ่งไปกว่านั้น พี่ๆ ของเธอได้ย้ายพ่อที่ปัจจุบันป่วยเป็นอัมพฤกษ์ไปอยู่อีกบ้านหนึ่งซึ่งไกลออกไป ระยะหลังจึงไม่มีใครคอยให้ความคุ้มครองอิ่มใจได้อีก เวลาที่อิ่มใจถูกด่าว่า ถูกตี ผมจะได้ยินเธอร้องไห้หาพ่อ หาพ่อ ในขณะที่พละกำลังของเธอที่จะต่อสู้กับอาชญากรรมในบ้านก็ผุกร่อนไปตามโรคประจำตัวที่เพิ่มมากขึ้น


คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวของผม บอกว่าอิ่มใจได้จากไปแล้วเมื่อคืนด้วยอาการหัวใจวาย พี่ๆ ของเธอร้องไห้เสียใจกันยกใหญ่ ผมเองก็เสียใจกับการจากไปของเธอเช่นกัน ทั้งที่เมื่อก่อนเคยคิดว่า เวลาของเธอบนโลกใบนี้ช่างเศร้านัก และคงจะดีหากเธอไปพ้นจากมันได้โดยเร็ว แต่พอถึงเวลาที่เธอต้องจากไปจริงๆ ผมก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย


แล้ววันต่อมา ก็มีคนที่ผมรู้จักจากผมไปอีก หลวงพี่สุพจน์ สุวโจ พระที่ผมรู้จัก ท่านถูกทำร้ายอย่างทารุณจนถึงแก่มรณภาพที่สวนปฏิบัติธรรมของท่านในจังหวัดเชียงใหม่ ตำรวจท้องที่สันนิษฐานเชิงสรุปว่า ท่านเดินมาเห็นชาวบ้านแอบตัดไม่ไผ่ จึงด่าว่า ทำให้ชาวบ้านโกรธเข้ารุมทำร้ายท่านจนถึงแก่ความตายกลางป่า


ผมเสียใจและโกรธในสิ่งที่ตำรวจพูด ผมคิดว่าใครที่รู้จักพระรูปนี้ จะต้องไม่มีใครเชื่อสิ่งที่ตำรวจพูดเป็นแน่ มันดูมักง่ายเกินไปที่จะพูดถึงหลวงพี่สุพจน์แบบนี้ โดยที่ไม่รู้จักท่านเลยแม้แต่น้อย


โดยปกติ ท่านมักปล่อยให้ชาวบ้านบริเวณนั้นเข้ามาเก็บหน่อไม้ กระทั่งตัดไม้ในบริเวณสถานปฏิบัติธรรมของท่าน เพื่อไปใช้เพื่อการยังชีพเสมอๆ จะสำมะหาอะไรกับไม้ไผ่ที่ล้มแล้วเพียง 2 ต้น


ส่วนคนที่รู้จักท่านจะรู้ดีว่า หลวงพี่สุพจน์ เป็นคนสุภาพอ่อนโยน ใจดี สมถะ และอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ ผมไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ จะเห็นรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของท่านมากกว่าคำพูดของท่านเสมอ


แม้ผมจะไม่ถึงกับสนิทสนมกับท่าน แต่ก็รู้ว่าท่านเป็นคนดี ท่านทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างจริงจังในทางต่างๆ ท่านมีความสามารถในการนำเทคโนโลยีปัจจุบันมาใช้ในทางที่เป็นคุณต่อพระศาสนาและสังคม ท่านเป็นเว็บมาสเตอร์ที่เก่งมาก และเป็นนักจัดอาร์ตเวิร์คหนังสือที่เก่งมากเช่นกัน


ผลงานของท่านปรากฏแจ้งต่อสังคมมากมาย เช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เว็บไซต์เกี่ยวกับเรื่องราวทางสังคมและการนำธรรมะมาปรับประยุกต์ใช้กับสังคมปัจจุบันอย่างสมสมัย นอกจากนี้ ยังปรากฏเป็นหนังสือธรรมะ และอื่นๆ มากมายอันเป็นผลงานจากฝีมือของท่านอีกร่วมร้อยเล่ม


น่าเสียดายที่ความโง่เขลาของคนบางกลุ่ม ซึ่งมัวเมาในโลภจริต นำไปสู่การฆาตกรรมท่านอย่างทารุณโหดร้ายยิ่ง


สังคมไทยได้สูญเสียบุคลากรที่สำคัญด้วยเหตุจากความโลภและผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มมาไม่น้อยแล้ว เราได้สูญเสียบุคคลซึ่งหากดำรงชีพอยู่จนถึงวาระที่สมควรแล้ว จะสามารถก่อเกิดประโยชน์มหาศาลต่อสังคมและต่อโลก


การสูญเสียทนายสมชาย นีละไพจิตร คุณเจริญ วัดอักษร หลวงพี่สุพจน์ สุวโจ และคนอื่นๆ ที่ผมไม่ได้กล่าวถึง เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของแผ่นดินนี้ ซึ่งผมยอมรับไม่ได้ และหวังว่ากระบวนการทางสังคมจะช่วยผลักดันให้ระบบกลไกของรัฐที่บิดเบี้ยว เฉไฉ กลับมาทำหน้าที่ของอย่างที่ควรจะเป็น รวมทั้งมีกลไกที่จะป้องกันการเกิดขึ้นซ้ำของสิ่งเหล่านี้ในอนาคต


ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้สูญเสียคนที่ผมรู้จักไปถึง 2 คนในเวลาไล่เลี่ยกัน บุคคลซึ่งขณะมีชีวิตอยู่ ถูกกระทำทารุณจากสังคมที่อยู่รายรอบตัว


อิ่มใจ เป็นตัวอย่างของการถูกกระทำจากคนใกล้ชิดที่สุด คือคนในครอบครัว ส่วนหลวงพี่สุพจน์ เป็นตัวอย่างของผู้ถูกกระทำจากกลุ่มคนในสังคมที่มัวเมา ลุ่มหลง และตกอยู่ในอำนาจของโลภจริต


ผมขอไว้อาลัยแก่บุคคลทั้งสอง ที่จากไป


ผมขอตั้งจิตอธิษฐานให้คุณความดีของ อิ่มใจ และหลวงพี่สุพจน์ ที่ได้กระทำมาในโลกนี้ ส่งผลให้ทั้งสองท่านได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี เป็นภพภูมิที่กอปรไปด้วยสันติ และความสงบเย็น


และในวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2548 นี้ จะมีพิธีฌาปนกิจศพหลวงพี่สุพจน์ สุวโจ ที่วัดชลประทานฯ จ.นนทบุรี ในเวลา 14.00 น. ผมขอเชิญชวนศาสนิกชนทุกท่านมาร่วมพิธี เพื่อร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีของท่านที่สร้างไว้แก่พวกเราในภพภูมินี้