เริ่มต้นที่ความคิด
คอลัมน์/ชุมชน
น้ำตาฟ้า ..... แม้ใคร ๆ จะบอกว่า พูดถึงน้ำตา ฟังดูแล้วเศร้าหมอง ไม่ให้กำลังใจ แต่ฉันเชื่อว่าเมื่อน้ำตาได้ชะล้างอะไรต่อมิอะไรที่ทำให้เศร้าหมองขุ่นมัวแล้วล่ะก็ ความสดใสจะเข้ามาแทนที่ เฉกเช่น ฝน ..น้ำตาจากฟ้าที่มาเพื่อชะล้าง....ความแห้งแล้งให้เหือดหาย เพื่อคงไว้ซึ่งความชุ่มเย็นของชีวิต
น้ำตาฟ้า
ยิ่งเราโตมากขึ้นเท่าไหร่....เรายิ่งต้องระมัดระวังตัวให้มากยิ่งขึ้น
ยิ่งเราเดิน เดินคล่องมากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งล้มได้ง่ายขึ้น..มากเท่านั้น
ถ้อยคำที่แสนธรรมดาสามัญเหลือเกินนี้.. ถูกบรรจุอยู่ในหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่หน้าปกมีรูปวาดผู้หญิงช่างฝัน เธอมีเส้นผมไม่ถึงโหล เธอหลับตาพริ้มราวกับว่าอยู่ในฝันดีที่ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกแล้ว รูปโฉมโนมพรรณของหนังสือจะว่าไปก็ไม่ได้โดดเด่น สะดุดตาเท่าใดนัก แต่ที่น่าสนใจเพราะเธอไปซุกตัวอยู่ในหลืบบนชั้นหนังสือที่ดารดาษไปด้วยหนังสือหน้าตาดีหลายร้อยเล่ม..โถ..แม่คุณ ช่างหาญกล้าดีแท้....ฉันนึกก่อนที่จะหยิบสาวเจ้าติดมือมาเป็นเพื่อนกลับบ้านในวันที่ฝนตกพรำ ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด... เอาน่ะ อย่างน้อยที่สุด...ไอ้ความรู้สึกว้าวุ่นที่สลัดไม่หลุดจากที่ทำงานมันน่าจะดีขึ้นก่อนถึงบ้านแหละน่า
"เริ่มต้นที่ความคิด" ทันทีที่หาที่นั่งบนรถเมล์ได้ ฉันก็ไม่รอช้ารีบเปิดโฉมหน้าของสาวเส้นผมไม่ถึงโหลคนนี้ แค่คำนำของสำนักพิมพ์ฉันก็โดน ยิ่งเปิดมาเจอคำนำของ ต้นกล้า นัยนา เจ้าของหนังสือ ก็ได้เปิดโลกที่ฉันเคยเข้าใจว่ามันเปิดอยู่ตลอดเวลาออกไปจริง ๆ ซะที
เธอบอกว่า "เอาแต่ก้าวเดินโดยไม่วางแผนการเดิน บางทีอาจะหลงทางได้ ก่อนจะวางแผนอะไรที่ยิ่งใหญ่ เราต้องเริ่มจัดระบบความคิดของเราก่อน คิดอย่างมีถนนความคิด จะเข้ารกเข้าพงบ้างก็ได้ แต่ต้องเตรียมหัวใจให้ฮึดสู้ เพราะว่าบนถนนนั้นไม่มีใครคอยโรยกลีบกุหลาบไว้ให้เรา"
ฉันเริ่มชีวิตมนุษย์เงินเดือนมาก็นานโข ได้หลายประสบการณ์จากหลายสถานที่ คนที่ห่วงใยฉันหลายคนมักบอกว่าฉันทำงานที่ไหนก็ไม่นาน แต่ไอ้ที่ว่าไม่นานของพวกเขา ก็ปีหนึ่งบ้าง ปีครึ่งนานที่สุด สำหรับฉันมันนานนะกับงานบางอย่างที่ไม่มีอะไรที่น่าเรียนรู้ น่าสนใจ อยู่ต่ออีกวันก็นานเกินไปแล้ว
คนอย่างฉันหางานที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดมาตลอด และย้ำกับตัวเองเสมอ ฉันทำงานเก่ง..ทุกคนบอกอย่างนั้น ..แน่นอนฉันยอมรับมัน หาเงินได้ง่าย หาเงินได้เยอะ นั่นคงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่เคยเสียดายกับการใช้จ่ายนานาที่หาสาระไม่ได้ เสียงเตือนของใครต่อใครก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันน่ะ....มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ
ฉันเปลี่ยนงานอีกครั้ง ท่ามกลางความห่วงใยของผู้คนรอบข้าง ที่นี่ฉันได้ทำงานที่ฉันรัก ค่าตอบแทนก็สมน้ำสมเนื้อ ดูท่าว่าจะมั่นคง ภาพรวมที่ฉันสัมผัสได้จากที่นี่ ทำให้ฉันวางใจได้ว่า ความเป็นองค์กรธุรกิจจ๋า บุคลากรเหยียบหัวใครขึ้นไปได้ดี เลื่อยขาเก้าอี้กันพัลวันนั้นคงมีน้อย ฉันจึงทำงานอย่างสนุก สุข และทุ่มกายถวายหัวกับงานที่รับผิดชอบ เพียงเพื่อแลกกับความชื่นชมจากผู้คน
ฉันเข้าใจผิดอย่างแรง ธุรกิจยังไงก็คือธุรกิจ จุดคุ้มทุนอยู่ตรงไหน นั่นต่างหากคือประเด็นใหญ่ขององค์กร เมื่อถึงทางแยกที่ปรากฏว่า แม้ฉันจะยังเป็นส่วนสำคัญในจุดคุ้มทุนของเขาอยู่ก็ตาม แต่เพราะมีผู้ชายถ่อย ๆ คนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตของฉันไปแล้ว หากแต่ยังทำงานอยู่ในที่เดียวกัน มาแสดงอิทธิปาฏิหารย์ใส่ฉันต่อหน้าเพื่อนร่วมงานนับสิบ มันก่นด่าฉันด้วยถ้อยคำหยาบคายสารพัดสัตว์เลื้อยคลานวิ่งกันให้พล่าน และฉันเพียงจะป้องกันตัวเองจากความถ่อยสถุลนั้นด้วยการควักมีดพกประจำตัวออกมาให้มันเห็นว่าฉันไม่ยอมถูกทำร้ายฝ่ายเดียวแน่.........
ไม่มีการสืบสาวราวเรื่อง ไม่มีการซักพยาน ไม่มีทนาย ไม่แม้แต่ให้ฉันซึ่งเป็นโจทก์ได้ให้ปากคำ ผู้พิพากษา ซึ่งก็คือหัวหน้าที่เอ็นดู เมตตา ต่อฉันเรื่อยมานั่นเอง ได้สั่งประหารชีวิตฉันโดยไม่มีการรอลงอาญาใด ๆ ทั้งสิ้น ฉันถูกออกจากงาน เพราะในองค์กรของเขาถือว่าเรื่องนี้ฉันเป็นฝ่ายใช้ความรุนแรง.......หึ... ต้องรอให้ถูกมันฆ่าก่อนหรืออย่างไรฉันถึงจะป้องกันตัวเองได้...
ศาสตร์ทุกอย่างเรียนรู้กันได้หมดนะ ฉันว่า.. ต่อให้ไม่มีพื้นฐานมาเลยก็ตามที ...มนุษยศาสตร์อย่างเดียวเท่านั้นที่เรียนรู้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันถ่องแท้
"เมื่อสังคมคนทำงานของเราเติบใหญ่ขึ้น ขยายกว้างมากขึ้น ยิ่งทำให้เราต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น แน่นอน ยิ่งตัวใหญ่ เราจะได้รับรอยยิ้ม คำนิยม คนยกย่องมากยิ่งขึ้น แต่เราไม่มีวันรู้ได้หรอกว่า รอยยิ้มที่ได้นั้น เป็นยิ้มจากหัวใจ หรือเป็นยิ้มที่ฉาบทาไปด้วยความไม่จริงใจ"
ต้นกล้า นัยนา ให้แง่คิดที่แหลมคมยิ่งนัก นั่นสินะ บางที....พระจันทร์ที่ฉันเห็นอยู่และชื่นชมว่าสวยนักสวยหนา มันอาจจะเป็นแค่รอยแตกของกะลาก็ได้......
หนังสือจบเล่ม พอดีกับที่ฉันถึงบ้าน .ดูเหมือนความรู้สึกว้าวุ่นที่มีมาก่อนหน้านี้หายไปราวปลิดทิ้ง น่าแปลกไหม หนังสือเล่มเล็ก ๆ เพียงเล่มเดียวเยียวยาฉันได้ขนาดนี้ ฉันได้บทเรียนราคาแพงแต่คุ้มค่า.....ฉันได้เรียนรู้ว่า ทุกอย่างเริ่มต้นได้ที่ความคิดเรา พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ วันนี้จะต้องทำเรื่องยากกว่าเมื่อวานนี้ หน้าที่ของคนเดินทางคือต้องเดินต่อไป สร้างต่อไป และขยันเดิน คนที่อ่อนแอด้านร่างกายยังสามารถเดินทางต่อไปจนประสบความสำเร็จได้ แต่คนที่อ่อนแอในจิตใจนั้นไม่สามารถเดินทางหรือก้าวไปไหนได้แน่นอน
พรุ่งนี้เริ่มหางานใหม่ก็ไม่สายหรอกน่า (ฉันคิด)