"ร้านหนังสือเดินทาง" การเดินทางของ "หนุ่ม"
คอลัมน์/ชุมชน
"พี่ค้นพบแล้วว่างานออฟฟิศมันไม่ใช่ ถึงวันนี้แม้จะใช้ร่างกายอย่างหักโหม ก็มีความสุข"
อำนาจ รัตนมณี
นักเขียน - เจ้าของร้านหนังสือเดินทาง
1
กรกฏาคม 2548...ถนนพระอาทิตย์
วันนั้น เขาตื่นขึ้นมาตามปกติ เก็บที่นอน ทำกิจวัตรประจำวันช่วงเช้า ก่อนจะก้าวลงบันไดไม่กี่ขั้น เพื่อมาปัดกวาดระเบียง "นักเดินทาง" ชั้นล่าง
หน้าต่างแง้มออก แสงสีขาวสะท้อนจากป้อมพระสุเมรุเจิดจ้า เขาใช้เวลาอยู่ระยะหนึ่งก่อนหยิบแผงโปสการ์ดไปแขวนไว้หน้าประตู แล้วพลิกป้ายหน้าร้าน "Open"
หากเคยสัญจรมาถนนพระอาทิตย์ ลองมองให้ดีที่หัวโค้งของถนนสายนี้ จะพบว่านอกจากร้านเหล้าซึ่งครองพื้นที่กว่า 80% ริมถนนสายนี้แล้ว ยังมีร้านหนังสือตั้งแทรกตัวอยู่ตรงหัวมุมพอดี
เป็นกิจการร้านหนังสือเล็กๆ ที่หายใจไปพร้อมกับวิถีชีวิตของนักเดินทางคนหนึ่ง ซึ่งอุตสาหะก่อตั้งร้านขึ้นมาจนเป็นรูปร่าง
เป็นกิจการร้านหนังสือเล็กๆ ที่หายใจไปพร้อมกับวิถีชีวิตของนักเดินทางคนหนึ่ง ซึ่งอุตสาหะก่อตั้งร้านขึ้นมาจนเป็นรูปร่าง
หลายปีก่อน อำนาจ รัตนมณี เดินผ่านหัวโค้งของถนนพระอาทิตย์แล้วสะดุดเข้ากับกับทำเลอันน่าพิสมัยของห้อง 1 คูหา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นร้านหนังสือชื่อว่า "ร้านหนังสือเล็กๆ"
4 ปีแล้ว ที่ชายคนนี้เดินไปมาระหว่างเคาน์เตอร์ชงกาแฟชั้นหนึ่งและที่นั่งชั้นสอง (ซึ่งก็เป็นที่นอนของเขาด้วย) ทุกวัน วันละหลายรอบ นับเป็นกิโลเมตรก็คงได้วันละหลายกิโลอยู่ ยกเว้นบางวันที่คนรู้ใจมาคอยช่วยอยู่ข้างๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั่นละ งานเขาจึงเบาลง
4 ปีแล้ว ที่ใครหลายคนโดยเฉพาะ "นักเดินทาง" จากทุกมุมโลกได้ฝากความทรงจำดีๆ ไว้ที่นี่ หนังสือพิมพ์ New York Time ซึ่งมีสำนักงานอยู่อีกมุมหนึ่งของโลก เคยเขียนถึงร้านในประเทศเล็กๆ ทางตะวันออกแห่งนี้ว่า
"ร้านหนังสือเดินทางเป็นแหล่งที่ดีในการเลือกซื้อหนังสือภาษาอังกฤษในประเทศไทย ที่นี่ยังมีโปสการ์ดมือทำสวยๆ และคุณยังสามารถนั่งจิบกาแฟและน้ำชาได้อย่างสบายอารมณ์"
แม้แต่ธีรภาพ โลหิตกุล ก็ให้ความสำคัญกับร้านหนังสือแห่งนี้มาก เขาเขียนถึงครั้งหนึ่งเช่นกันว่า
"แม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็ตั้งใจให้เป็นที่รวมของหนังสือทั้งไทยและเทศ เป็นสโมสรของคนรักการเดินทาง"
2
"ร้านหนังสือเดินทาง" ถนนพระอาทิตย์
ผมรู้จักร้านนี้นานแล้ว แต่รู้จักจริงๆ ก็เมื่อมาทำงานแถวถนนพระอาทิตย์ เดินผ่านร้านทีไรก็อดแว่บนั่งอ่านหนังสือ ดื่ม ชา โกโก้ ฯลฯ สิ่งที่ผมชอบที่สุดในร้านนี้ก็คือเจ้าของอนุญาตให้หยิบหนังสือมาอ่านได้ทุกเล่มตามใจชอบ
อาจดูไม่ต่างอะไรกับร้านหนังสืออื่นที่มีมุมกาแฟ แต่ที่นี่ "ร้านหนังสือเดินทาง" มีดีที่เจ้าของร้าน
ผมกำลังอยากจะบอกว่าที่นี่มี "ความอบอุ่น" ระหว่างนักเดินทางด้วยกัน
"ความรัก" ในกิจการร้านหนังสือของคนอายุ 20 กว่า มีมากมาย ผู้มาเยือนบางคนอาจสังเกตว่าเขาเปิดร้านทุกวัน หยุดเฉพาะวาระพิเศษ ปิดร้านแล้ว หนุ่มก็จะไปเอนตัวลงนอนที่ชั้นสอง ซึ่งกลางวันเป็นมุมกาแฟและจัดกิจกรรมหนังสือในบางอาทิตย์
"ร้านหนังสือเดินทาง" คือ "บ้าน" ของหนุ่ม "อำนาจ รัตนมณี"
เขาดำเนินการเองทั้งบริหาร ทำบัญชี ดูแลลูกค้า หนังสือที่วางบนชั้นก็ล้วนผ่านการกรองจากเจ้าของร้านอย่างเขาแล้วว่า "น่าอ่าน" สำหรับบรรดานักเดินทางที่แวะเข้ามา (และแน่นอนว่ารสนิยมของหนุ่มและการบริหารร้านลักษณะนี้แปลกกว่าชาวบ้าน)
ถ้าคุณเป็นนักเดินทาง ก็มั่นใจในระดับหนึ่งว่าหนังสือที่มีให้เลือกในร้านนี้น่าจะตรงกับใจอย่างน้อยเล่มหนึ่ง
ชีวิตหนุ่มกลมกลืนเข้ากับงาน เขาเคยกล่าวกับนิตยสารเล่มหนึ่งว่า "ผมใช้ร่างกายไม่ทะนุถนอมเลย" แต่เขาก็มีความสุข เพราะเขาพบแล้วว่า งานออฟฟิศไม่ใช่คำตอบของชีวิต และทุกวันนี้หนุ่มกำลังทำให้ร้านหนังสือเล็กๆ ตรงมุมถนนพระอาทิตย์ไม่ต่างกับร้านกาแฟโบราณ ที่เจ้าของร้านสามารถสนทนากับลูกค้าอย่างสนิทสนม
และลูกค้าของเขาซึ่งเป็นนักเดินทางเสียส่วนมาก ก็พอใจที่จะใช้เวลาสักพักเพื่อสนทนา จิบชา จิบกาแฟ แลหนังสือ หรือคุยอะไรสักอย่างกับเจ้าของร้านที่ก็เป็น "นักเดินทาง" คนหนึ่งเหมือนกัน
การสนทนากับจ้าของร้านคนนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าที่นี่เป็น "ร้านขายของชำทางปัญญา" สำหรับนักเดินทาง อย่างน้อย ที่นี่ก็สามารถโน้มน้าวไม่ให้นักเดินทางสักคนไร้สาระมากจนเกินไป
"แพงจัง"
"งั้นเอางี้ เห็นที่ร้าน...ลดราคา ลองไปดู"
ผมได้ยินเสียงนี้บ่อยเมื่อมานั่งในร้าน เพราะหนังสือทุกเล่มที่นี่ขายเต็มราคาปก ทุกครั้งเจ้าของร้านคนนี้ทำสิ่งไม่น่าเชื่อคือแนะนำแหล่งขายหนังสือราคาถูกกว่าให้
แต่สำหรับผม หลายครั้งการอุดหนุนหนังสือสักเล่มของพี่หนุ่มก็ตัดสินใจไม่ยากเย็น เพราะรู้ว่าค่าเช่าที่แถวนี้ไม่ธรรมดา... การจ่ายค่าหนังสือ ในอีกมิติหนึ่งก็เหมือนการได้ช่วยต่ออายุสถานที่ดีๆ
ความจริงที่ผมพยายามสื่อสารอยู่ก็คือ การทำร้านหนังสือสำหรับคนอายุ 20 กว่าที่เริ่มต้นบนลำแข้งตัวเอง ไม่รวยหรอกครับ
หลายครั้งพี่หนุ่มเล่าว่าปากกัดตีนถีบพอสมควรตามอัตภาพ...
3
ร้านหนังสือเดินทางมีนักเดินทางมาแวะเสมอ นี่อาจทำให้หนุ่มเจอลูกค้าหลายแบบ จนบางครั้งเขาเป็น "กูรู"
ผู้ชายคนนี้มีอะไรทิ้งให้คิดเสมอ จากที่ผมได้เคยสนทนากับเขา อาจเป็นความรู้สึกส่วนตัว แต่ผมก็เชื่อว่า หลายคนที่เคยมาที่นี่และได้มีโอกาสรู้จักพี่หนุ่ม คงมีความรู้สึกที่ไม่ต่างอะไรไปจากผมเท่าใดนัก
ปัจจุบัน ร้านหนังสือเดินทาง (อย่างน้อยก็สำหรับผม) เป็นมากกว่าร้านขายหนังสือธรรมดาบนถนนพระอาทิตย์ เพราะเป็นร้านที่คนซื้อหนังสืออย่างผมจะได้อะไรมากกว่าหนังสือ เพราะเจ้าของร้านอย่างหนุ่ม มีน้ำใจบางอย่างหยิบยื่นให้นักเดินทางทุกเพศวัยที่มาสนทนากับเขา
หลายครั้ง บรรยากาศในร้านคอยปลอบประโลมนักเดินทางผู้อ่อนล้าอย่างผม
หลายครั้ง ผมพบว่าตัวเองยืนสนทนากับคนแปลกหน้าโดยที่ไม่รู้จักกับเขามาก่อน
หลายครั้ง ที่ร้านนี้ผมพบเพื่อนเก่าที่ต่างก็แยกย้ายไปใน "เส้นทาง" ของตน
พวกเขาล้วนถูกแรงดึงดูดของร้านหนังสือเดินทางซึ่งเป็น "สโมสร" ของนักเดินทางดึงเข้ามา
หรือในมุมกลับ ผมเองก็เช่นกัน
4
ปลายเดือนกรกฏา...
"ไปอ่านหนังสือ POP Magazine สิ พี่มีอะไรจะบอกเรา" พี่หนุ่มเอ่ยขึ้นดื้อๆ ยิ้มแปลกๆ แต่ผมกลับบ้านก็ลืมซะสนิท ต้องรอจนสายอีกวัน ถึงรู้ว่า หนังสือเล่มนั้นมีเรื่องบางอย่างที่พี่เขาพยายามบอก
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าคร่ำคร่าดังขึ้นบนเรือด่วนเจ้าพระยา...
"รู้หรือยังเรื่องร้านหนังสือเดินทาง"
"ยังครับ มีอะไรเหรอพี่"
"ตอนนี้หนุ่มเขากำลังจะเลิกแล้วนะ เห็นว่ารับภาระไม่ไหว..."
* * * *
เช้าวันนั้น
ชายคนเดิมเปิดร้านตามปกติ เขากำลังแขวนโปสการ์ดที่หน้าร้าน
"อ้าว ว่าไง" พี่หนุ่มทำหน้างงๆ
บทสนทนาดำเนินต่อไป
หลังถามเรื่องทั้งหมดแล้ว ผมเสียอีกที่ดูอึ้ง พี่หนุ่มนิ่งแล้วยิ้มออกมา
"พี่ไม่ซีเรียสหรอก แต่ตัดสินใจแล้วคงไม่เปลี่ยนอีก แต่เชื่อเถอะพี่ไม่เลิกทำร้านหนังสือหรอก แล้วก็คงไปจากที่นี่ไม่ไกลนัก"
"ไม่ต้องตกใจไป พี่เสียอีกที่ต้องใจหาย"
ปัจจัยแห่งโลกความจริง โลกของนายทุนที่กระทำร้านหนังสือแห่งนี้ ทำให้หนุ่มตัดสินใจหยุด โดยมีกำหนดคือ เมื่อฤดูกาลความสุขปลายปีนี้มาถึง...
* * *
คนเราผูกพันกับสถานที่ เพราะมีความทรงจำ
ร้านหนังสือเดินทาง นับเป็นส่วนเสี้ยวความทรงจำของชีวิตนักเดินทางตัวเล็กๆ อย่างผม และผมเชื่อว่าร้านนี้ได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของนักเดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลายคนที่เคยมาเยือนเช่นกัน
ปริมาณโปสการ์ดที่ส่งกลับมาหาที่ร้านที่ติดไว้บนกำแพงเป็นตัวยืนยันได้ดี
สำหรับพี่หนุ่ม ร้านหนังสือหัวมุมถนนพระอาทิตย์แห่งนี้เป็นทั้ง "บ้าน" และ "ร้าน" อันเป็นที่รัก
ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร ที่ต้องปิดร้านที่ตั้งมากับมือนี้ลง
"ร้านหนังสือเดินทางเป็นมากกว่าร้านหนังสือ เป็นสัญลักษณ์ของถนนพระอาทิตย์ เป็นมากกว่าร้านขายหนังสือธรรมดา" พี่ธีรภาพบอกผมอย่างนั้น
และคงต้องขยายด้วยว่า ที่นี่คือแหล่งปัญญาของนักเดินทางละแวกเกาะรัตนโกสินทร์ ที่พึงเข้ามาเสาะแสวงหาหนังสือดีๆ อ่านสักเล่ม กาแฟอุ่นๆ สักแก้ว แทนที่จะไปซื้อเหล้ากินในร้านซึ่งมีอยู่ดาษดื่น
โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าหนุ่มแค่อยากหยุดพักร้อนเท่านั้น และตอนนี้ผมเสียดายร้านหนังสือดีๆ ที่จะห่างหายไปจากถนนพระอาทิตย์ตลอดกาลอีกร้านหนึ่ง
ได้แต่หวังว่า "ร้านหนังสือเดินทาง" ที่พี่หนุ่ม อำนาจ รัตนมณี สร้างขึ้นมาจนเป็น "ชุมทาง" นักเดินทางบนเกาะรัตนโกสินทร์จะแค่ลาพักร้อนชั่วคราวแล้วกลับมาอีกครั้งเมื่อทุกอย่างลงตัว
ผมเชื่อว่า...การเดินทางของ "หนุ่ม" และ "ร้านหนังสือเดินทาง" ยังไม่จบลงง่ายๆ แน่นอน ¨
* ร้านหนังสือเดินทางเหลือเวลาที่จะตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์อีกเพียง 4 เดือน ก่อนจะปิดตัวลงปลายปีนี้