ฟังคนตาบอดพูด
คอลัมน์/ชุมชน
ข่าวเด่นสุขภาพสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นเรื่องศาลชั้นต้นตัดสินให้กระทรวงสาธารณสุขชดใช้แปดแสนบาทให้แก่ผู้เสียหายที่สูญเสียนัยน์ตารายหนึ่ง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าผมไม่ทราบรายละเอียดของคดี แต่จะให้ความเห็นในฐานะผู้บริโภคที่อ่านหนังสือพิมพ์และดูโทรทัศน์ อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคคนนี้ก็เป็นแพทย์ด้วย
เรื่องแพ้ยาเป็นเรื่องเคราะห์กรรมแท้จริง หากคุณหมอรู้ว่าแพ้แล้วจ่ายยาก็เรื่องหนึ่ง หากรู้ว่าไม่แพ้แต่จ่ายยาไปแล้วคนไข้กลับแพ้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ กรณีเช่นนี้คุณหมอไม่ผิดหรอกครับ
เรื่องสตีเวนจอห์นสันซินโดรมไม่จำเป็นต้องเกิดเพราะแพ้ยา ยังเกิดเพราะสาเหตุอื่นได้ด้วย ดังนั้น สตีเวนจอห์นสันซินโดรมเป็นเคราะห์กรรมแท้จริง แต่หลังจากเคราะห์กรรมเกิดขึ้นแล้วนี่สิครับที่เป็นปัญหา
คนบ้านเราจำนวนมากพร้อมจะเชื่อเรื่องเคราะห์กรรมอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากผู้ให้บริการรับฟังผู้รับบริการด้วยความตั้งใจ คนเราขอเพียงมีคนรับฟัง อารมณ์ขุ่นมัวก็จะเบาบางลง เมื่ออารมณ์ขุ่นมัวเบาบางลง จิตใจจึงจะมีเหตุผล
ตอนที่ผู้เสียหายเริ่มมีเหตุผลนั้น เขาจะเกิดความขัดแย้งในใจ ทางหนึ่งเขาเชื่อว่าคุณหมอผิดและอยากเอาเรื่อง แต่พอคุณหมอพูดเพราะ ใส่ใจ พร้อมรับผิดชอบ เขาจะเกิดความขัดแย้งว่าจะเอาเรื่องคุณหมอที่สุภาพและมีทีท่ารับผิดชอบเช่นนี้ได้อย่างไร ความขัดแย้งนี้จะรบกวนจิตใจเขาไปสักระยะหนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง คนบ้านเราส่วนใหญ่เชื่อเรื่องเคราะห์กรรมและพร้อมจะปล่อยเรื่องร้ายผ่านไปให้เป็นเรื่องเคราะห์กรรม
เวลาเกิดเหตุร้ายทางการแพทย์ มักมีคนอ้างว่าอย่าเอาไปเทียบกับบริการอย่างอื่นเพราะเป็นเรื่องประกอบโรคศิลปะ เวลาเก็บค่ารักษาพยาบาลการประกอบโรคศิลปะย่อมกลายเป็นแพทย์พาณิชย์ไปโดยปริยาย เพราะฉะนั้นจึงช่วยไม่ได้เลยหากผู้รับบริการเขาจะเทียบการหาหมอว่าเป็นการไปซื้อของ
การไปซื้อของ ผู้ขายต้องออกใบประกันและรับผิดชอบ ถ้าได้ของไม่ดีเอากลับไปขอเปลี่ยนหรือแก้ไข หากผู้ขายต้อนรับดี ตรวจเช็คสินค้าที่ขายไป หากผิดก็ยอมรับผิด ใจคนซื้อก็ล้วนเย็นลงทั้งนั้น แต่ถ้าปัดนั่นปัดนี่เดี๋ยวเป็นได้มีเรื่อง
การแพทย์นั้นเป็นพาณิชย์ไปแล้ว สถานการณ์จึงไม่ต่างกับการซื้อขายของ หากมีอะไรผิดพลาดรีบช่วยเหลือผู้ซื้อ เรื่องก็จะจบเร็ว อย่าลืมว่าเวลาสินค้ามีอะไรบกพร่องคนขายก็ไม่ผิดนะครับ ส่วนใหญ่เป็นบกพร่องมาจากโรงงานทั้งนั้น การแพทย์ก็เช่นกัน หลาย ๆ ครั้งคุณหมอที่รักษาก็มิได้ทำผิด ความเสียหายเกิดขึ้นเองหรือเกิดจากระบบบริการทั้งโรงพยาบาลที่บกพร่อง
ผมคิดว่าถึงเวลาที่แพทย์ควรยอมรับว่าการแพทย์นั้นเป็นพาณิชย์ เลิกปลอบประโลมตนเองว่าการแพทย์เป็นการประกอบโรคศิลปะ จะได้ประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกว่าเวลาสินค้าเสียหายนั้นควรทำตัวอย่างไร ที่ไม่ควรทำแน่นอนคือท้าทายลูกค้า
ถ้าชาวบ้านไม่ถูกท้าทาย เขาจะไม่เอาเรื่องคุณหมอต่อเพราะความขัดแย้งในใจนั้นเป็นทุกข์ และคนเราพร้อมที่จะดับทุกข์นั้นด้วยวิธีง่ายที่สุดอยู่แล้ว วิธีง่ายที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่คือความเชื่อเรื่องเคราะห์กรรม
แต่ที่ผมเห็นในที่ประชุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ประชุมระดับชาติหรือระดับจังหวัด คือแพทย์ที่เป็นตัวแทนวิชาชีพมักท้าทายชาวบ้านอยู่เสมอ ๆ ท้าทายด้วยตัวเลขสถิติ ท้าทายด้วยเหตุผลทางการแพทย์ และท้าทายด้วยบุคลิกที่ถืออำนาจเหนือกว่า มิหนำซ้ำยังยั่วยุแพทย์รุ่นน้องๆ และลูกศิษย์ลูกหาให้รักเกียรติ ศักดิ์ศรี อย่ายอมใคร อย่ายอมรับผิด ชวนให้เห็นผู้ป่วยเป็นศัตรู
ผมคิดว่าปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาล้วนเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพของแพทย์รุ่นน้องและที่จะจบมาใหม่ๆ อีกมาก ปัจจัยเหล่านี้คือ ตัวเลขสถิติว่าป่วยโรคนี้ต้องตายกี่เปอร์เซ็นต์ พิการกี่เปอร์เซ็นต์ คำอธิบายทางการแพทย์ที่ดูคล้ายจะขลัง บุคลิกที่ไม่ยอมใคร ความคลั่งเกียรติและศักดิ์ศรี เพราะทั้งหมดนี้นอกประเด็น
ลูกค้าหรือผู้ได้รับความเสียหายหรือผู้ที่ตาบอดไปแล้วเขาไม่รับฟังเรื่องเหล่านี้เพราะมันนอกประเด็น หากรู้ความจริงเช่นนี้ก็อย่าไปบังคับขืนใจให้เขารับฟัง มีแต่จะสู้รบกันจนบาดเจ็บไปเสียเปล่าๆ ที่ควรทำคือพูดให้อยู่ในประเด็น
ประเด็นคือเขาเดือดร้อน ฟังให้รู้เรื่องว่าเขาเดือดร้อนเพียงใด เมื่อไรที่เขาจับสัญญาณได้ว่าคุณหมอเข้าใจแล้วว่าเขาเดือดร้อนเพียงใด อารมณ์ของเขาจึงจะเย็นลง เกิดความขัดแย้งในใจว่าจะทำอะไรต่อดี แล้วความเชื่อเรื่องเคราะห์กรรมจึงเข้ามาแทนที่
ผมนั่งดูรายการถึงลูกถึงคน พบว่าแพทย์ที่มาออกรายการพูดแต่เรื่องตัวเลขสถิติ อธิบายเหตุผลทางการแพทย์ที่นอกประเด็น ไม่มีท่าทีว่าเห็นใจผู้เสียหายแต่อย่างใดเลย ที่ไม่สมควรพูดมากที่สุดคือการย้ำสองสามครั้งว่าไม่สามารถนำลูกตา "คนตาย" มาเปลี่ยนให้ได้ ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดูเถอะครับว่าเราตาบอดแล้ว มานั่งพูดว่าถ้าเป็นคนอื่นใส่ลูกตาคนตายให้ได้ แต่ของเราใส่ลูกตาคนตายให้ไม่ได้ จะรู้สึกอย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นการท้าทาย
ผมดูโทรทัศน์เห็นภาพข่าวตัวแทนเครือข่ายผู้เสียหายยืนกอดผู้เสียหายแนบแน่นในที่สาธารณะเป็นเวลานาน สองคนอาจจะรู้สึกว่าไม่นาน แต่ผมนั่งดูอยู่พบว่าภาพแช่เอาไว้นาน ภาพนี้ถือว่าผู้เสียหายท้าทายวิชาชีพเหมือนกัน
เฉพาะกรณีที่เป็นข่าวนี้ ปรากฏว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้มีวิจารณญาณอันดีมากกว่าเพื่อน ฟังเป็น รู้ว่าอะไรคือประเด็น รีบให้ความเห็นต่อที่สาธารณะว่าจะไม่อุทธรณ์และพร้อมช่วยเหลือโดยไม่มีข้อแม้ เพียงเท่านี้อารมณ์ของผู้เสียหายและเครือข่ายก็เย็นลงทันตาเห็น
หากฟังเป็นและรู้ว่าอะไรคือประเด็นตั้งแต่ต้น เรื่องร้ายน่าจะคลายตัวตั้งแต่ห้าหกปีก่อนแล้วครับ